ไป๋หลี่ชูนึกดูแล้วตอบเนือยๆ ว่า “รังเกียจ”
ชิวเยี่ยไป๋ยิ่งสงสัย กำลังจะพูดอะไรกลับได้ยินเสียงเขาพูดต่อกลั้วหัวร่อ “เจ้าคิดว่าบนตัวเจ้าทั้งบนและล่าง ตรงไหนเหมือนสตรีหรือ”
พริบตานั้นชิวเยี่ยไป๋หน้าเครียด ทำให้เขารู้ว่าคนในอ้อมกอดสุดจะทนแล้ว และยื่นมือผลักเขาออกอย่างมินำพาสิ่งใด พลางตอบโต้ว่า “ข้าเหมือนสตรีเสียที่ไหนกัน ต่อให้ข้าไม่เหมือนสตรี ก็ยังมีอีกคนที่ไม่เหมือนบุรุษแม้แต่น้อยนิด แต่ยังอุตส่าห์หน้าด้านเยาะเย้ยคนอื่นด้วย”
ไป๋หลี่ชูเห็นเสือดาวตัวน้อยในอ้อมกอดมีโทสะ ดิ้นรนจะให้พ้นอ้อมแขน ก็ยิ้มอย่างได้ใจว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าโมโหหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋ขี้เกียจสนใจ จึงยันมือกับขอบเตียงจะลุกขึ้นนั่ง
ไป๋หลี่ชูจะให้นางหนีไปได้อย่างไร ทั้งสองหนึ่งดันหนึ่งกด ตอนชิวเยี่ยไป๋ชันกายขึ้นใช้แรงมากเกินไป มือของไป๋หลี่ชูอยู่ตรงท้องน้อยของนางจึงไถลลงทำเอานางตัวแข็งทันที
ไป๋หลี่ชูรู้สึกถึงคนในอ้อมแขนที่ดิ้นรนตลอดเวลาจู่ๆ ก็ตัวแข็งเป็นหิน สัมผัสที่มือทำเอาดวงตาเขามีแววสับสน จากนั้นกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “อืม ทีนี้ข้ารู้สึกแล้วว่าเสี่ยวไป๋มีบางจุดที่เหมือนสตรี”
“…” ชิวเยี่ยไป๋หน้าแดงขาวสลับกัน
ไป๋หลี่ชูแลดูนางพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เสี่ยวไป๋เพิ่งตื่น วันเบาๆ ของสตรียังคงต้องนอนพักเอาแรงนะ”
ชิวเยี่ยไป๋รู้สึกกรงเล็บอสูรในร่มผ้าขยุกขยิก สุดท้ายนางก็กัดฟันล้มลงนอน
ที่เรียกว่าทำบาปเองต้องไปตายคงเป็นเช่นนี้นี่เอง
ไป๋หลี่ชูพอใจที่ชิวเยี่ยไป๋ว่านอนสอนง่าย ปลายนิ้วสอดผ่านผมดกดำของนาง “วางใจเถิด อะไรที่ข้ารับปากเจ้าแล้วย่อมต้องทำให้ได้”
เสียงที่ริมหูนุ่มนวลแหบพร่า ทำเอานางรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด
แม้ไป๋หลี่ชูจะมีพฤติกรรมพิลึก นิสัยชั่วร้าย แต่คนเช่นนี้ถ้าไม่ตกปากรับคำก็แล้วไป ถ้ารับปากแล้วจะไม่มีวันผิดคำพูด เพราะนี่เป็นความทระนงของผู้สูงศักดิ์และทรงอำนาจ
อย่าว่าแต่ตามนิสัยกลัวความสกปรกของเขาแล้ว ขณะที่นางยังเป็นประโยชน์ต่อเขา ย่อมไม่ต้องกังวลวว่าเขาจะขายนาง
แต่การเชื่อใจราชนิกุลที่ตนเคยระแวดระวังและชิงชังเช่นไป๋หลี่ชู ทำเอาชิวเยี่ยไป๋เองก็บอกไม่ถูกว่าในใจมีรสชาติอย่างไร
นางมองดูเมฆบนท้องฟ้าลอยผ่านหน้าต่าง พลันถามเรียบๆ ว่า “หยวนเจ๋อกับโจวอวี่เล่า พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
การเคลื่อนไหวที่มือของไป๋หลี่ชูชะงักลง น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลจนฟังอารมณ์ไม่ออก “เจ้ากังวลพวกเขาหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจเบาๆ “พวกเขาพัวพันเพราะข้าจึงเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่วิตกได้อย่างไร”
แม้ชิวเยี่ยไป๋จะไม่ทันสังเกตว่าตนเองใช้น้ำเสียงแทบจะเหมือนคำอธิบาย แต่ไป๋หลี่ชูสังเกตเห็นและไม่ได้ทำให้นางลำบากใจ เพียงกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเขามีที่พักรักษาตัว เจ้าเองพักผ่อนให้ดีก็แล้วกัน”
ชิวเยี่ยไป๋ฟังแล้วแม้จะกังวลอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถามอีก ไป๋หลี่ชูไม่มีความจำเป็นต้องโกหกนาง
นางพยักหน้าแล้วเงียบไป พักใหญ่จึงกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าดีขึ้นมากแล้ว ฝ่าบาทไม่ต้องลำบากเช่นนี้แล้ว”
ร่างกายของไป๋หลี่ชูอุณหภูมิต่ำ แต่มือที่กุมท้องน้อยของนางกลับอบอุ่นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาเดินพลังที่ฝ่ามือช่วยนางอบอุ่นมดลูก แม้จะยังไม่รู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่ในเมื่อนางตื่นแล้ว ท่าทางลามกเช่นนี้ทำเอานางรู้สึกตะครั่นตะครอ
ไป๋หลี่ชูเลิกคิ้วอย่างสนใจถามว่า “ท่านหมอเคยบอกว่ามดลูกของสตรีเลือดคั่งเพราะความเย็น ต้องให้ความอบอุ่นเพื่อไล่ลมเย็น ยามปกติเสี่ยวไป๋ชอบใช้สิ่งใด”
ชิวเยี่ยไป๋เงียบไปครู่หนึ่ง ยังคงฝืนใจตอบว่า “ถ้าต้องใช้จริงๆ ปกติจะใช้กระเป๋าน้ำร้อน”
ไป๋หลี่ชูครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ยามมดลูกเย็นกำเริบ ทุกครั้งมักเสียเลือดมากจนหมดสติหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋สู้อดทนและตอบสั้นๆ ว่า “ไม่”
ไป๋หลี่ชูนึกดูคล้ายยังจะถามต่อ ในที่สุดชิวเยี่ยไป๋ก็ทนไม่ไหวกัดฟันบอกว่า “ฝ่าบาท ข้าหิวแล้ว!”
ทำไมนางจะต้องมัวแต่ถกปัญหาบ้าบอนี้กับสตรีปลอมคนหนึ่ง!
ไป๋หลี่ชูแลดูใบหูของคนในอ้อมกอดที่แดงฉาน แล้วหัวร่อคราหนึ่ง ค่อยๆ ชักมือออกจากอกของนาง
จะบีบคั้นเกินไปมิได้ ต้องให้นางค่อยๆ ยอมรับตนจึงจะดี เช่นเดียวกับตนเองที่ต้องการเวลาบ้างในการ…ยอมรับสภาพเช่นนี้
เขามองดูจุดแดงที่ปลายนิ้ว สีแดงฉานบนปลายนิ้วขาวราวหิมะตัดกันจนสะดุดตา เหมือนกับตอนเขาเก็บ ‘ยาขจัดพิษ’ จากข้อมือและลำคอขาวผ่องของนาง ทว่า…
เดิมทีชิวเยี่ยไป๋หน้าแดงฉานเพราะขณะชักมือออกจากอกตนเขาสะกิดโน่นนี่อย่างจงใจ พลันเห็นอากัปกริยาของเขาพลันนึกอะไรขึ้นได้ ใบหน้าที่แดงฉานกลายเป็นเขียวคล้ำในพริบตา ไอ้หมอนี่จะ…จะเอานี่เป็น ‘ยาขจัดพิษ’ ด้วยชนิดไม่ยอมให้สูญเปล่าเลยหรือไม่
แต่ไป๋หลี่ชูจู่ๆ ก็หลับตาลง พลันส่งเสียงแหบเล็ก “ซวงไป๋!”
นอกประตูมีเสียงบุรุษขานรับเสียงสดใส “ฝ่าบาท น้ำสรงผสมกลิ่นดอกไม้ของท่านเตรียมเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋หลี่ชูผุดลุกขึ้นอย่างฉับไวงดงาม โยนคำพูด “พักเถอะนะ” ไว้ แล้วก็ออกจากประตูโดยไม่เหลียวมองอีกเลย
จะไปจะมาเหมือนลมพัด พักใหญ่ชิวเยี่ยไป๋จึงตั้งสติได้ว่า ไอ้หมอนั่นรังเกียจว่ามือเปื้อนแล้วจึงไปอาบน้ำ
ใบหน้านางเขียวคล้ำราวต้นหอมฤดูร้อนทันที เขม้นตามองตามแล้ว ‘ถุย’ ใส่อย่างดุดัน
เจ้าคิดหรือว่าถ้าข้าฆ่าเจ้าได้ จะยอมให้เจ้าล่วงเกินเช่นนี้หรือ!
…
ตะวันขึ้นเดือนตก สองวันผ่านไปอีก
ชิวเยี่ยไป๋วางชามยาที่ดื่มหมดแล้วบนโต๊ะ ผลักบานหน้าต่างไม้อยากมองดูความจอแจข้างนอกเงียบๆ บนถนนคนไปมาขวักไขว่
โลกที่ปกติ มีทั้งคึกคักและเงียบสงบ
นี่เป็นหนานอั้นหรือฝั่งใต้ มิได้ทำกิจการขนถ่ายสินค้าเช่นตงอั้นหรือฝั่งตะวันออก แต่นางออกจะแปลกใจอยู่บ้างที่เหมยซูรู้แล้วว่านางต้องหนีไปทางฝั่งใต้ แต่หลายวันนี้นางไม่พบว่าฝั่งใต้จะตึงเครียดหรือมีการตรวจค้นป้องกันเหมือนกับตงอั้นเลย
ถึงอย่างไรหนานอั้นก็เป็นถิ่นของเหมยซู หรือว่านางฟาดไปครานั้นเหมยซูถูกฟาดตายไปแล้ว
แต่ถ้าเป็น ‘ข่าวใหญ่ข่าวดี’ เช่นนี้ คิดว่าป่านนี้ฝั่งใต้ยิ่งต้องมีแต่ทหารเต็มไปหมดและค้นไปทั่วถึงจะถูก
นางถอนใจเบาๆ มิรู้ว่าวันเวลาสงบสุขเช่นนี้ของนางจะเหลืออีกกี่วัน