นางนั่งเหม่อมองไป๋หลี่ชูยามหลับครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นช้าๆ ดึงเสื้อคลุมไหล่แล้วลงจากเตียงเดินไปที่หน้าต่าง
เช้าตรู่ของฤดูร้อน เมฆดำพาดขอบฟ้า หลังเสียงฟ้าร้อง ครืนๆ หลายครั้งแล้ว ฝนก็เริ่มลงเม็ด
หยาดฝนที่รวมกันกลายเป็นม่านน้ำ กันสรรพสิ่งออกไปนอกหน้าต่าง ลมเย็นพัดพาเอาความร้อนสลายไป หมอกน้ำสดชื่นสายใหม่ล่องลอยเข้าสู่หน้าต่างไม้ไผ่
บนถนนไม่มีคนเดินแม้แต่คนเดียว เงียบสงัด ไกลออกไปยังมีเงาของเรือน้อยรำไร เงาภูเขาที่อยู่ไกลออกไปมองผ่านม่านฝนให้ความรู้สึกคล้ายภาพวาดด้วยหมึกแสนงดงาม
ชิวเยี่ยไป๋มองดูเงียบๆ นึกถึงวันคืนที่อยู่ในหอน้อยของสำนักหอซ่อนกระบี่ก็รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
จนกระทั่งจู่ๆ ก็มีเสียงงัวเงียดังขึ้นข้างหลัง “มองอะไรอยู่”
เสียงนั้นเป็นเสียงแหบพร่าของคนเพิ่งตื่นนอน หางเสียงชวนฟัง
ชิวเยี่ยไป๋ได้สติแล้วจึงพบว่านอกหน้าต่างฝนค่อยซาลงแล้ว แต่ยังคงเหมือนมีหมอกบางๆ ชั้นหนึ่ง แทบมองไม่เห็นหยาดฝน มิทราบท้องฟ้ากลายเป็นสีครามสดใสตั้งแต่เมื่อใด ทัศนียภาพนอกหน้าต่างก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น นางยิ้มเนือยๆ “ฟังเสียงฝนฤดูใบไม้ผลิทั้งคืนในหอน้อย พรุ่งนี้ซอยตรอกลึกจะมีดอกซิ่งฮวาขาย”
เพิ่งขาดคำก็ได้ยินเสียงเด็กหญิงร้องเสียงใสอยู่ด้านนอก “ซิ่งฮวา ซิ่งฮวา ซื้อซิ่งฮวาเจ้าค่ะ…”
เสียงนั้นวนเวียนในหอน้อยที่สงบเงียบ ฟังแล้วสดใสอ่อนหวาน
ชิวเยี่ยไป๋งงงัน “ฤดูนี้ยังมีดอกซิ่งฮวาหรือ”
ซิ่งฮวาเป็นดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ ขณะนี้เป็นกลางฤดูร้อนที่ร้อนจัด แต่กลับยังมีดอกซิ่งฮวาขาย
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ยังคงเป็นซวงไป๋ที่ส่งอาหารเช้ามาให้แต่เช้าเช่นเคย
ไป๋หลี่ชูให้เขาเข้ามาพลางกล่าวว่า “หนานอั้นลักษณะพื้นที่ค่อนข้างพิเศษ นอกเมืองมีภูเขาสูง ภูเขาทอดตัวไปทางเหนือซึ่งค่อนข้างหนาว และมิรู้ว่ามีธารน้ำเย็นจัดมาจากที่ใด เดือนสามต้นไม้บนภูเขายังคงมีน้ำค้างและหิมะ แม้จะเป็นเดือนเจ็ดเดือนแปดที่ร้อนจัด ที่นั่นยังคงเย็นสบาย”
นางนั่งลงข้างโต๊ะ เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “เป็นที่หลบร้อนที่ดี ซึ่งก็หมายความว่าซิ่งฮวาพวกนี้เด็กขายดอกไม้มิได้เด็ดหลังฝน หากแต่เด็ดมาขายทุกวันอย่างนั้นหรือ”
ไป๋หลี่ชูพยักหน้า “ถูกต้อง”
หลังทั้งสองล้างหน้าล้างตาแล้วก็นั่งลงเตรียมกินอาหารเช้า
ระหว่างนั้นไม่ได้คุยกัน ชิวเยี่ยไป๋กินอิ่มอย่างรวดเร็วและวางชามตะเกียบลง มองดูไป๋หลี่ชูแล้วกล่าวเนือยๆ ว่า “ประเดี๋ยวข้าว่าจะไปเดินเล่นในเมือง”
นาง ‘พักรักษาอาการบาดเจ็บ’ มาสามวันไม่เคยออกไปไหน จึงไม่สามารถติดต่อกับพวกเป๋าเป่า ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องไปเสาะหาสัญญาณการติดต่อในเมือง
ไป๋หลี่ชูพยักหน้าสีหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ “ก็ดีเหมือนกัน ข้าก็ไม่ได้เดินเล่นมานานแล้ว”
ชิวเยี่ยไป๋ดูท่าทางแล้วก็รู้ว่าเขาไม่ใช่จะไปเดินเล่น ก็แค่ตามนางไปเท่านั้นเอง
ชิวเยี่ยไป๋ชะงักเล็กน้อยและผงกศีรษะโดยไม่ปฏิเสธ “อืม”
ต่อให้เขาตามนางไป ก็ไม่มีทางรู้ว่านางใช้วิธีใดติดต่อกับพวกเป๋าเป่า สำนักหอซ่อนกระบี่ย่อมมีวิธีการติดต่อเฉพาะตัว
แต่…ใบหน้าของไป๋หลี่ชู เขาจะปกปิดอย่างไร
จนกระทั่งชิวเยี่ยไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ้าฝ้ายธรรมดาออกมา ไป๋หลี่ชูก็เปลี่ยนเป็นชุดแพรสีดำธรรมดาเรียบร้อยแล้ว สวมงอบใบใหญ่บนศีรษะมีแพรบางสีดำห้อยลงจากงอบคลุมร่างกายไว้กว่าครึ่ง
ชิวเยี่ยไป๋เห็นการแต่งกายของเขา แม้จะเป็นชุดง่ายๆ แต่ก็พูดไม่ได้ว่าไม่สะดุดตา นางลอบถอนใจอย่างอับจน ราศีของฝ่าบาทคนนี้โดดเด่นเกินไป ยิ่งปกปิดก็ยิ่งสะดุดตา จนปัญญาจริงๆ
ตอนทั้งสองออกจากประตู ซวงไป๋ยืนส่งหน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม “ฝนตก ถนนลื่น เจ้านายทั้งสองโปรดระมัดระวัง”
ชิวเยี่ยไป๋ไม่เห็นอีไป๋ ก็รู้ว่าเขาอาจแฝงตัวติดตามพวกตน
นางหัวร่อในใจแต่ไม่เผยพิรุธ เพียงพยักหน้าให้ซวงไป๋แล้วหิ้วห่อสัมภาระเดินออกไปพร้อมกับไป๋หลี่ชู
ระบบระบายน้ำใต้ดินของหนานอั้นค่อนข้างก้าวหน้า ถนนหลังฝนมีน้ำขังไม่มาก ดังนั้นสองข้างทางจึงมีคนเริ่มมาตั้งแผงลอยขายของอย่างรวดเร็ว และคนเดินก็มากขึ้นเรื่อยๆ
มองดูสองข้างทางที่ครึกครื้น ดูเหมือนชิวเยี่ยไป๋ก็อารมณ์ดี เดินพลางดูพลาง ยังมองดูแผงตุ๊กตาน้ำตาลบ่อยครั้ง หรือไม่ก็ไปเลียบๆ เคียงๆ ตามแผงขายของจุกจิก
ไป๋หลี่ชูเดินตามหลังนางเงียบๆ เห็นนางวนไปเวียนมากับแผงลอยที่จอแจสองข้างทางอย่างสนใจ คล้ายกับทนความเย้ายวนของพ่อค้าแผงลอยไม่ไหว จึงควักเงินซื้อโน่นซื้อนี่บ้าง
แต่เขาก็สังเกตพบว่า ของที่นางดูและซื้อไว้เป็นไปตามใจชอบ มิได้เจาะจงแต่อย่างใด จี้ประดับพัดอันหนึ่ง น้ำมันมะลิคุณภาพต่ำสำหรับชโลมศีรษะ หรือไม่ก็กุญแจดอกเล็กที่จัดทำอย่างน่ารัก แม้กระทั่งปลาแห้งพวงหนึ่งก็ซื้อไว้ ยังมีของจุกจิกที่ทำด้วยผลึกแก้วเผาซึ่งเป็นของพื้นเมืองไหวหนานด้วย
ไม่รู้ว่ามีเจตนาอย่างไรหรือไม่
ไป๋หลี่ชูหรี่ตา เขาเดินตามนางก็เพราะอยากรู้ว่านางจะติดต่อกับคนของนางอย่างไร
“เอ้า” ชิวเยี่ยไป๋พลันยื่นของให้พวงหนึ่ง
ไป๋หลี่ชูงงงัน ก้มดูของนั้น…ผลไม้ร้อยเป็นพวง เคลือบน้ำตาลแวววาวไว้ชั้นหนึ่ง ดูแล้วเหมือนน่ากินมาก
ทว่า…
เขาสั่นศีรษะ “สกปรก!”
ชิวเยี่ยไป๋มองดูท่าทางเย่อหยิ่งของเขา ไม่ต้องเปิดผ้าแพรที่ปิดหน้าอยู่ก็รู้ว่าคงท่าทางรังเกียจ
นางพลันนึกขึ้นได้ว่าถ้าเป็นหยวนเจ๋อ ประมาณว่าตอนนี้คงกลืนผลไม้เคลือบน้ำตาลพวงนี้หมดไปแล้ว และต่อจากนั้นคงกินจนเงินของนางหมดถุงแน่
นางหัวร่อเบาๆ คราหนึ่งแต่ไม่ถือสา หดมือเก็บลูกอมพวกนั้นกัดกินเองเม็ดหนึ่ง พึมพำว่า “ไม่กินดีที่สุด ผลไม้นี่เปรี้ยวๆ กรอบๆ เคลือบน้ำตาลชั้นหนึ่ง เปรี้ยวกรอบหวานอร่อยดี”
ไป๋หลี่ชูเห็นท่าทางของนางก็ร้องหึเบาๆ ล้วงถุงลักษณะประณีตงดงามออกจากแขนเสื้อ แล้วล้วงขนมเค้กกุหลาบชั้นดีชิ้นหนึ่งใส่ปาก
ใต้เท้าซวงไป๋เป็น ‘แม่บ้าน’ ชั้นดีจริง ทุกครั้งที่ออกข้างนอกเป็นต้องเตรียมขนมอร่อยไว้ให้เจ้านาย
ชิวเยี่ยไป๋ดูแล้วรู้สึกเขาเหมือนเด็กหญิงที่กระเง้ากระงอด จึงอดขันไม่ได้
เห็นได้ชัดว่ามีคนรู้สึกเหมือนนาง
เสียงสดใสอ่อนหวานดังขึ้น “พี่ชายท่านนี้ ดูท่าภรรยาท่านต้องสวยมากนะ ซื้อซิ่งฮวาให้นางสักดอกได้ไหม เพิ่งเด็ดก่อนฝนตกเช้านี้นะ ยังมีน้ำค้างอยู่เลย สวยมาก ภรรยาท่านต้องชอบแน่”
ชิวเยี่ยไป๋งงงันหันหน้าไป ก็สบตากับดวงตากลมโตคู่หนึ่งบนหน้าเด็กเล็ก บนใบหน้ายังมีฝ้ากระประปราย เด็กหญิงอายุสิบสองสิบสามคนหนึ่งยุดชายเสื้อตนไว้ ตะกร้าที่คล้องกับแขนอีกข้างมีดอกซิ่งฮวาที่ยังมีน้ำค้างติดอยู่เป็นช่อๆ