เขาเหลือบมองอีไป๋ อีไป๋จึงให้องครักษ์สองคนไปพยุงต้าจ้วงลุกขึ้น
หลังต้าจ้วงยืนติดแล้ว ไป๋หลี่ชูจึงถามอย่างเย็นชาว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าใต้เท้าบ้านเจ้าถูกจับ คงไม่จริงกระมัง นางจะทำอะไร”
ต้าจ้วงลังเลครู่หนึ่ง มองดูคนรอบตัวแล้วกล่าวกับไป๋หลี่ชูว่า “ท่านเข้ามาใกล้หน่อยได้ไหม ข้าจะบอกท่าน”
อีไป๋แววตาเย็นลงกำลังจะเอ่ยปาก ไป๋หลี่ชูกลับโบกมือและก้าวเข้าใกล้ต้าจ้วงคล้ายมิได้กริ่งเกรงแต่อย่างใด จนกระทั่งห่างจากหน้าต้าจ้วงไม่มาก จึงหยุดเท้าชำเลืองมองอย่างสุดจะคาดเดา “บอกได้หรือยัง”
บรรดาองครักษ์ค่งเฮ่อเจียนพากันจ้องต้าจ้วงอย่างระแวดระวัง ถ้าเขาบังอาจทำอะไรที่เป็นภัยต่อฝ่าบาทของตนก็จะโถมเข้าไปสับเขาแล้วนำไปเลี้ยงสุนัข
นึกไม่ถึงว่าต้าจ้วงพลันยิ้มพิกลใส่เขา แล้วก้าวเข้าหาเหมือนจะจับไป๋หลี่ชู พริบตาที่ไป๋หลี่ชูแววตาเย็นเยียบหมุนตัวอยู่กับที่ เขาไม่ส่งเสียงแต่กลับกุมไหล่ที่หักวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปทางประตูใหญ่
องครักษ์ค่งเฮ่อเจียนทั้งโขยงเห็นพลังชีวิตที่เหมือนแมลงสาบและการกระทำที่ไม่รู้จักความเป็นความตายทำเอานิ่งอยู่กับที่
เห็นต้าจ้วงวิ่งอย่างรวดเร็วจนใกล้ถึงประตูใหญ่ ไป๋หลี่ชูไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย ร้องเฮอะเบาๆ “คนไม่ได้ความก็เลี้ยงลูกน้องที่ไม่ได้ความเยี่ยงนี้แหละ”
เขาพอจะรู้แล้วว่าคนพวกนี้เป็นใคร และมิรู้ว่าเสี่ยวไป๋ทำไมถึงมีน้ำอดน้ำทนไปกำราบคนเหล่านี้ ดูท่าคงเตรียมจะก้าวสู่เส้นทางตาม ‘ลิขิต’ แล้วกระมัง
พอสังเกตพบเช่นนี้ ไป๋หลี่ชูก็ยิ่งอารมณ์ดี แน่นอนนี่มิได้หมายความว่าเขาเห็น ‘หนอนตัวน้อย’ ที่น่าขยะแขยงแล้วจะสบายตากว่าเดิม
เห็นต้าจ้วงเกือบโถมตัวถึงประตูแล้ว ไป๋หลี่ชูยกมือขึ้นด้วยท่าทางโอ่อ่า เงาร่างสีขาวสองสายก็ปรากฏตัวในพริบตาราวกับภูตผีล่องลอยถึงประตูใหญ่ พอพลิกข้อมือดาบวงเดือนสีดำลักษณะพิกลที่แฝงจิตสังหารก็ดีดออกจากหลังทันที พวกเขากุมไว้ในมือ คมดาบและปลายแหลมจี้ใส่ต้าจ้วง
เห็นได้ชัดว่าต้าจ้วงกำลังจะชนกับปลายดาบ แต่เขาพลันหยุดเท้ากะทันหันอย่างคล่องแคล่วแล้วนั่งแหมะลงตามสภาวะ งอนิ้วก้อยใส่ริมฝีปากเป่าอย่างแรง “วี้ด วี้ด วี้ด วี้ด…”
เสียงไม่ดังนักแต่ทำนองประหลาดมาก
บรรดาองครักษ์ค่งเฮ่อเจียนงงงัน ไม่รู้ว่าเขาทำบ้าอะไร
ไป๋หลี่ชูกลับหรี่ตาลงอย่างน่าหวาดเสียว พลันกล่าวเสียงเย็นชาว่า “องครักษ์ กระจายออก ประตูหน้า ตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ ไปขวางไว้!”
อีไป๋กับซวงไป๋รับคำพร้อมกัน พุ่งออกนอกประตูปานเหินบิน บรรดาองครักษ์ค่งเฮ่อเจียนที่แฝงตัวอยู่ก็กระจายออกจากซอกมุมต่างๆ ในพริบตา และมุ่งสู่ทุกทิศทางของตัวบ้านเพื่อพิทักษ์ตามที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
เสียง เคร้ง สดใสดังไม่ขาดสาย ดาบวงเดือนข้อกระดูกสีดำทุกเล่มถูกชักออกจากฝักกุมไว้ในมือ ท่ามกลางแสงตะวันแผดจ้าของกลางฤดูร้อนยังคงสะท้อนเงาดาบเย็นเยียบจนความร้อนแรงถูกกดไว้ เหลือแต่กลิ่นอายการฆ่าฟันที่ชวนขนลุก
ราวกับขุมนรกอสูรกายเปิดออกในพริบตา ภูตผีปีศาจพากันทะลักออกมา จิตสังหารรุนแรง
ต้าจ้วงกับเฝยหลงมองดูอากัปกริยาขององครักษ์ค่งเฮ่อเจียนตั้งพยุหะที่น่าชื่นชมจนอ้าปากค้าง
ท่าทางที่พรรคพวกในกองคั่นเฟิงแสดงออกมาเทียบกับภูตผีพวกนี้แล้วเหมือนมูลสุนัข!
ทว่า นี่มันกลางวันแสกๆ…
อีไป๋กับซวงไป๋เพิ่งเหินกายออกไป อาวุธในมือเพิ่งออกจากฝัก คนหนึ่งอยู่บนกำแพง อีกคนอยู่ล่างกำแพง กลับพลันตัวแข็งหยุดลงพร้อมกัน
“ไอ้หยา เร็วเข้าๆ ผู้ใหญ่ใจดีบ้านนี้กำลังแจกข้าวต้มในบ้านนะ ทุกคนจะได้ข้าวต้มกับข้าวสาร” ขอทานตัวน้อยผอมแห้งเสื้อปุปะคนหนึ่งพุ่งออกจากหัวมุมตะวันออกเฉียงใต้ ด้านหลังตามมาด้วยกระยาจกฝูงใหญ่ อีไป๋เห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า ขอทานทั้งหนานอั้นคงมากันหมดแล้ว!
บนถนนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือก็มีคนกลุ่มใหญ่ปรากฏขึ้นในพริบตา คนนำหน้าเป็นคนตาสามเหลี่ยมไว้หนวดสองแฉกท่าทางเหมือนพ่อบ้าน ตะโกนลั่นเช่นกัน “มาแล้วๆ ใครๆ ก็อย่าพลาดนะ คุณหนูใหญ่บ้านข้าเพิ่งหมั้นเมื่อวาน วันนี้จึงแจกทานข้าวสารให้คนจนทั้งเมือง ทุกคนจะได้ข้าวสารชั้นดีหนึ่งถุง ใครถึงก่อนได้ก่อน!”
ซวงไป๋เห็นกับตาถึงฝูงคนที่ไหลลื่นโขยงใหญ่ ใบหน้าของทุกคนตื่นเต้นลิงโลดเหมือนเป็นวันสำหรับคนจนโดยเฉพาะ
ซวงไป๋มึนไปหมด ในหัวมีอยู่คำเดียว… ใต้เท้าชิวบ้าไปแล้ว หรือว่าอยากแก้แค้นฝ่าบาทจนฟั่นเฟือน
‘คนจน’ โขยงใหญ่กับกลุ่มขอทานเผชิญหน้ากันพอดี ใน ‘ขบวนคนจน’ มีคนสวมใส่แพรพรรณไม่น้อย ต่างแสดงความรังเกียจและตื่นตัวต่อกลุ่มขอทานอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนกลุ่มขอทานก็พบว่ามีคนโขยงใหญ่กำลังจะ ‘แย่งทาน’ ก็พากันหยุดเท้ากะทันหัน จ้องกลับด้วยท่าทางขุ่นเคืองเหยียดหยาม
ถึงอย่างไรต่างก็มาเพราะเสบียงอาหาร ว่ากันตามหลักทางโลกแล้ว กลุ่มขอทานได้เปรียบโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ข้าวสารชั้นดีน่ะถุงละสิบพวงอีแปะเชียวนะ ราคาแพงกว่าข้าวสารธรรมดาสิบเท่า ‘กลุ่มคนจน’ เห็นว่าขอทานไม่คู่ควรที่จะได้กิน ส่วนกลุ่มขอทานก็คิดว่า ‘พวกคนจน’ โลภมากไม่รู้จักพอ
แม้ยามปกติ ‘กลุ่มคนจน’ เป็นเจ้าทรัพย์ของพวกเขา แต่วันนี้ต่างมาเพื่อชิงเสบียงย่อมไม่ต้องไว้หน้ากัน
หลังทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันด้วยสายตายกหนึ่งแล้ว ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่อีไป๋และซวงไป๋
เจ้าหนวดตาสามเหลี่ยมหัวหน้า ‘กลุ่มคนจน’ กลอกตาแล้วตรงเข้ากล่าวกับอีไป๋ที่ใบหน้าไร้ความรู้สึกและในมือยังคงกุมแส้ระแวดระวังอย่างนอบน้อมว่า “ท่านองครักษ์ไป๋ ข้าทำตามที่คุณหนูใหญ่สั่งไว้ ให้ประกาศเรื่องบ้านเราแจกเสบียงถ้วนหน้าแล้ว ทุกคนในหนานอั้นล้วนสำนึกในพระคุณของคุณหนูใหญ่ ท่านโปรดเข้าไปรายงานหน่อยเถิด จะได้เปิดประตูให้ทุกคนเข้าบ้านไปรับแจกทาน”
อีไป๋มองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร ถึงกับกล้าปล่อยข่าวเท็จหลอกลวงผู้คนให้หลงเชื่อเช่นนี้!”
เขาเห็นพ่อบ้านคนนี้จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา หัวหลิมตาหนู สารรูปเหมือนหนูในยุ้งฉาง กลิ่นอายต่ำเตี้ยเหมือนไอ้สองคนในลานบ้านไม่มีผิด ก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับสองคนในบ้านแน่ และแน่นอนย่อมต้องเกี่ยวพันกับไอ้สารเลวชิวเยี่ยไป๋ด้วย!
พริบตานั้น ‘พ่อบ้าน’ ตกใจกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านองครักษ์ไป๋ ท่านเป็นอะไรไป เช้านี้ข้าเพิ่งได้รับแจ้งจากคุณหนูใหญ่ว่าวันนี้จะแจกทาน เสบียงกองสุมจนเต็มหลังบ้านเราแล้ว”
เขาไม่รอให้อีไป๋ตอบก็พูดเองเออเองว่า “หรือว่าคุณหนูใหญ่เปลี่ยนใจ”
เขาพูดเสียงดัง ‘คนจน’ ที่ตามหลังมากลุ่มใหญ่ต่างแบกกระสอบมาด้วย พอได้ยินเช่นนี้มีหรือจะยอม จึงพากันเอะอะ
“บ้าบอคอแตก นี่มิใช่ล้อกันเล่นหรือ”
“ทำเกินไปแล้ว!”
“ใจดำจริงๆ!”
เสียงเอะอะโมโหดังลั่นจนหลังคาแทบปลิว