กำปั้น ‘แมวอ้วน’ ประเคนเข้าใส่ใบหน้าชิวเยี่ยไป๋อย่างดุดัน
ถ้าเป็นยามปกติการเคลื่อนไหวนี้ฉับไวจริง แต่ยามนี้แผ่นหลังที่บาดเจ็บของเขายังปวดอยู่ และวันนี้ก็วุ่นวายพอสมควร แม้ยามมีโทสะระดับความเร็วก็มิได้ช้า แต่ชิวเยี่ยไป๋แค่เบี่ยงศีรษะเล็กน้อย เกร็งพลังที่ข้อมือเคาะใส่ปากแผลกลางหลังของเขา
‘เจ้าแมวอ้วน’ พลันร้องโหยหวนในพริบตา คะมำใส่เก้าอี้จนแทบลุกไม่ขึ้น
ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อเบาๆ “เฝยหลง เจ้าเป็นอะไรไปถึงโมโหขนาดนี้!”
‘แมวอ้วน’ ถลึงตาใส่นาง “อย่ากลอกกลิ้ง ไอ้คนแซ่ชิว ต้าสู่บอกพวกเราหมดแล้ว เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าบ้านนั้นไม่ธรรมดาฝีมืออำมหิต กลับแกล้งส่งพวกเราไปตาย ข้าอยู่นั่นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้ากับไอ้พวกนางโสโครกนั่นมีอะไรกัน!”
ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้ว “อ้อ แล้วอย่างไรหรือ”
มิรู้ว่าฝ่าบาทเซ่อกั๋วจะชมชอบฉายานางโสโครกที่น่าสนใจนี้ไหม
เฝยหลงเห็นท่าทางของชิวเยี่ยไป๋แล้วแค้นจนแทบลมจับ ตวาดว่า “พี่น้อง ซัดมันเลย!”
บรรดาคนหยิบหย่งที่แค้นอัดอกอยู่แล้วคว้าเก้าอี้ขึ้นฟาดใส่ชิวเยี่ยไป๋
ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางโกรธแค้นของพวกเขาและเก้าอี้ที่ฟาดใส่ตนเอง นางไม่มีท่าทีร้อนรนแม้แต่น้อย หรี่ตามองดูฟ้า ขยับข้อมือ “จะว่าไปแล้วพวกเจ้าคงยังไม่เคยเห็นข้าลงมือกระมัง วันนี้เป็นวันดี เหมาะกับการขยับมือขยับเท้านะ”
ว่าแล้วนางก็เบี่ยงศีรษะหลบม้านั่งที่ฟาดใส่อย่างสบาย และยกมือปัดม้านั่งอีกตัวพ้นไป
“ขอเตือนอีกคำ ลงมือต่อผู้บังคับบัญชา ในรัชกาลนี้ถือเป็นโทษฐานกบฏจบไม่ดีแน่ พวกเจ้าคิดดีหรือยัง”
ท่าทางอ้อยอิ่งของนางยิ่งทำให้เพลิงโทสะของพวกหยิบหย่งฮือโหม เฝยหลงด่าลั่น “ไอ้สารเลว พวกเราพี่น้องเชื่อถือเจ้า เจ้ากลับขายพวกเรา สมคบกับนางนั่น ข้าไม่เชื่อว่าพวกเราคนเยอะขนาดนี้จะจัดการเจ้าคนเดียวไม่ได้!”
พริบตานั้นบรรดาคนหยิบหย่งตวาดพร้อมกันแล้วต้อนชิวเยี่ยไป๋ไปจนติดมุม
ต้าสู่กลับแอบดูอยู่ที่ประตูมิได้เข้ามา สีหน้าเขากังวลเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พูด
ชิวเยี่ยไป๋มองดูคนที่ล้อมเข้ามาด้วยสีหน้าเฉยเมย จู่ๆ ก็มีโต๊ะโป๊ยเซียนตัวใหญ่ถูกทุ่มลอยข้ามหัวทุกคนเข้าใส่ตน หลังโต๊ะมีใบหน้าที่โกรธแค้นของต้าจ้วง หากมิใช่หัวไหล่ข้างหนึ่งยังห้อยอยู่ จะดูไม่ออกเลยว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
ต้าจ้วงเป็นคนประหลาด เห็นตัวผอมแห้งสูงชะลูดเหมือนลำไผ่ แต่พละกำลังมากจนน่าตกใจ ดูเหมือนทั้งตัวเขาจะไม่มีประสาทรับรู้ความเจ็บปวด จึงทนทายาดต่อการถูกทุบตี นี่เองเป็นเหตุที่ว่าทำไมไป๋หลี่ชูเหยียบไหล่เขาจนหักแล้ว เขายังคงสามารถแบกเฝยหลงที่ตัวใหญ่และหนักกว่าเขาวิ่งหนีได้
ชิวเยี่ยไป๋เห็นโต๊ะโป๊ยเซียนตัวมหึมากำลังจะฟาดใส่ศีรษะตน จึงกำหมัดชกใส่หน้าโต๊ะอย่างแรง โต๊ะไม้ที่แข็งแรงส่งเสียงลั่น กรอบแกรบ อย่างน่ากลัว แล้วก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับมิถ้วน
กำปั้นนี้ของชิวเยี่ยไป๋ไม่มีลวดลายแต่อย่างใด หมดจดตรงไปตรงมา แต่ผลลัพธ์ที่รุนแรงกับท่าทีเฉยเมยของนางกลับมีประสิทธิภาพสะท้านใจผู้คน ทำให้ทุกคนจดจำได้อย่างแม่นยำ
บรรดาคนหยิบหย่งเห็นโต๊ะโป๊ยเซียนที่ทำจากไม้ประดู่บ้าน ถึงกับทนการชกหมัดเดียวของชิวเยี่ยไป๋ไม่ได้และแตกเป็นเศษเสี้ยวในพริบตา พวกเขาจึงตะลึงงันอย่างไม่รู้ตัว…
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นพลังฝีมือที่แท้จริงของชิวเยี่ยไป๋
ตอนอยู่ในซือหลี่เจียน เจ้านายคนนี้พอขึ้นรับตำแหน่งก็แค่ทักทายพวกเขาง่ายๆ ก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องแสดงฝีมือหลากหลายกระบวนท่าต่อหน้าพวกเขาเพื่อสร้างบารมี
ต่อมาชิวเยี่ยไป๋แบกรับความเสี่ยงใหญ่หลวงแทนทุกคน รับปากว่าจะสืบคดีไหวหนานด้วยตนเอง แม้จะทำให้พวกเขาซาบซึ้งอยู่บ้าง แต่ก็แค่รู้สึกว่าชิวเยี่ยไป๋ใจนักเลงจนโง่ไปหน่อย ภายหลังชิวเยี่ยไป๋พา
โจวอวี่ออกมาก่อน ที่พวกเขาประจักษ์กลับเป็น ‘ความสามารถ’ ของเป๋าเป่า
เนื่องจากพวกเขาโดนเป๋าเป่าจัดการจนแทบเป็นแทบตาย บวกกับ ‘เจี่ยงอี้จ่าง’ มีบารมีมาแต่ไหนแต่ไร พวกเขาจึงกลัวเป๋าเป่ามากกว่า และเพราะดูเหมือนเป๋าเป่าจะปกป้องชิวเยี่ยไป๋มาก พวกเขาจึงพลอยเคารพนอบน้อมต่อชิวเยี่ยไป๋ไปด้วย
แต่พื้นฐานของความเคารพนับถือนี้เปราะบางมาก เมื่อรู้สึกว่าพวกตนถูกหักหลังจึงโกรธเกรี้ยวจนกล้าลงมือกับชิวเยี่ยไป๋
ชิวเยี่ยไป๋มีหรือจะไม่เข้าใจ ดังนั้นครานี้จึงได้แสดงฝีมือชนิดสะท้านขวัญชวนสยบ
แต่ถ้าคนหยิบหย่งพวกนี้ถูกสยบได้ง่ายเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางเสี่ยงตายไปขโมย ‘ของรักของหวง’ ของไป๋หลี่ชูแล้ว แม้เกือบเอาชีวิตไม่รอดในบ้านนั้น เมื่อต้องวิ่งหนีออกมา ยังคงไม่ลืมคว้ากางเกงในของคนงามติดมือมาด้วยตัวหนึ่ง
ดังนั้นหลังชิวเยี่ยไป๋ลงมือรุนแรง พวกเขายังคงคว้าเก้าอี้หรือก้อนหินไม้กระดานที่เก็บได้ริมทางโถมใส่ชิวเยี่ยไป๋ ยกขึ้นแล้วฟาดลงไป หมายจะอาศัยความได้เปรียบที่มีคนมากกักชิวเยี่ยไป๋ไว้
เดิมทีกระบวนท่าการต่อยตีตามถนนเช่นนี้ได้ผลดีมาก กำปั้นลูกหลงก็ทำเอาอาจารย์ผู้เจนจัดโดนตีตายได้ แต่ครั้งนี้พวกเขาเจอะกับชิวเยี่ยไป๋
“กระบวนท่าอันธพาลตัวน้อยเช่นนี้ก็เอามาใช้ด้วยหรือ” ชิวเยี่ยไป๋แค่นเสียงเบาๆ พลันมือหนึ่งรับเอาเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ฟาดใส่ อีกมือคว้าคอเสื้อคนที่ฟาดเก้าอี้แล้วสะบัดมือทุ่มหมอนั่นใส่พวกหยิบหย่งที่ล้อมเข้ามา
วงล้อมก็ถูกทุ่มจนแตกวง
ไม่รอให้พวกหยิบหย่งตั้งตัว ชิวเยี่ยไป๋คว้าข้อมือของอีกคนที่คว้ากระดานหินเตรียมฟาดใส่ศีรษะของนาง หักข้อมือของอีกฝ่ายจนร้องโหยหวนและชิงกระดานหินแผ่นนั้นไว้ในมือ
นางประมาณน้ำหนักของกระดานในมือ ยิ้มอย่างประสงค์ร้าย “แป้งเปียกข้าวเหนียวผสมอิฐหินแข็งที่สุด ใช้ทำบ้านก็ได้ นำติดตัวยกพวกตีกันก็ใช้ได้ดี วันนี้จะให้ไอ้โง่ทั้งหลายได้รู้ว่าการต่อสู้ที่แท้จริงเป็นอย่างไร!”
พวกหยิบหย่งเห็นยิ้มของนางก็รู้สึกเย็นเยือกหัวใจอย่างประหลาด ยังไม่ทันตั้งสติก็เห็นชิวเยี่ยไป๋สะกิดปลายเท้ากระโจนเข้าใส่กลุ่มพวกเขา ซัดซ้ายป่ายขวา มือเท้าเตะต่อยไม่หยุด
พวกเขายังเห็นนางคว้าอิฐก้อนหนึ่งทุ่มใส่ตรงๆ อย่างไม่มีชั้นเชิง แต่กลับหลบไม่พ้น และเมื่อหลบไม่พ้นจึงได้ยิน…เสียงร้องโหยหวนติดต่อกัน
ชิวเยี่ยไป๋เหยียดมือเท้าเต็มที่ เตะต่อยคนกลุ่มนี้จนหนำใจ ฝ่ามือของนางประสิทธิภาพสูงมาก โดยปกติถ้าฟาดกระดานครั้งหนึ่งหมอบไปหนึ่งคนก็จะไม่ฟาดซ้ำเด็ดขาด ครู่เดียวก็มีร่างคนนอนครวญครางเต็มพื้น
ที่เหลือไม่กี่คนเห็นท่าไม่ดีจะวิ่งหนี แต่ชิวเยี่ยไป๋จะปล่อยให้หนีไปได้อย่างไร ขณะที่พวกเขาเพิ่งคลำถูกสลักประตู นางก็ใช้วิชาเบาตัวแมลงปอแตะน้ำ กระโดดข้ามศีรษะพวกเขาลงขวางประตูแล้ว
“ว่าอย่างไร จะไปแล้วหรือ เรายังสนุกกันอยู่มิใช่หรือ” นางอมยิ้มเดาะกระดานหินในมือ