เกี่ยวกับหลวงจีนผู้นี้ นางมีหลายเรื่องที่ยังสะสางไม่ชัดเจน แต่นางก็รู้ว่าแม้เวลาส่วนใหญ่พฤติกรรมของหยวนเจ๋อจะไม่อยู่กับร่องกับรอย บางครั้งป่าเถื่อนบางครั้งเรียบง่าย แต่โดยรวมแล้วนิสัยไร้เดียงสา นางไม่อยากทำร้ายหลวงจีนโง่งมผู้นี้โดยไร้สาเหตุ
“วางใจเถิด ถ้าไม่เกี่ยวกับของกิน คิดว่าหยวนเจ๋อคงไม่อาละวาด อีกสักพักน่าจะกลับมา” โจวอวี่ย่อมดูออกถึงความกังวลของชิวเยี่ยไป๋จึงปลอบใจ
ชิวเยี่ยไป๋นึกดูแล้วก็เห็นด้วย ขอเพียงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับของกิน หยวนเจ๋อน่าจะไม่ ‘สวดส่ง’ ใครง่ายๆ จึงวางใจบ้าง
แต่ในเมื่อนางกับโจวอวี่ไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติในหอน้อย คิดดูแล้วเขาคงไม่ก่อเรื่องก่อราว และไป๋หลี่ชูรู้ว่าเขาเป็นคนในมือของนาง ก็น่าจะไม่ทำจนเกินเหตุจึงจะถูกต้อง
สายตาของโจวอวี่ตกลงที่กล่องของขวัญในมือของชิวเยี่ยไป๋ ก็อดงงงันมิได้ “นี่เป็น…”
ชิวเยี่ยไป๋กล่าวอย่างเรียบง่ายว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่สหายธรรมดาคนหนึ่งส่งของมาให้เท่านั้นเอง ข้าจะเอาไปเก็บก่อน ล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยออกไปกินข้าวด้วยกันนะ”
นางคะเนว่าพวกหยิบหย่งคงไม่กลับมาเร็วขนาดนี้ ส่วนเป๋าเป่ายังมีเรื่องให้ยุ่งอยู่ ไปดื่มกินให้อิ่มหนำก่อนและพักผ่อนสักพักค่อยว่ากัน
โจวอวี่ผงกศีรษะ
จนกระทั่งชิวเยี่ยไป๋กับโจวอวี่ออกไปกินข้าวกลับเข้ามา ก็เห็นมีแค่คนเฝ้าประตูของสำนักหอซ่อนกระบี่ที่เป๋าเป่าจัดแจงไว้ ส่วนพวกหยิบหย่งกับหยวนเจ๋อยังไม่กลับมา
หลังชิวเยี่ยไป๋สั่งให้คนไปสืบข่าวคราวของหยวนเจ๋อแล้ว นางกับโจวอวี่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องพัก
ชิวเยี่ยไป๋เปิดประตูห้อง พริบตานั้นก็งงงันและรีบกล่าวตามสัญชาตญาณ “ขออภัย เข้าผิดห้อง”
จากนั้นนางก็ปิดประตูถอยออกมา แต่ประตูเพิ่งปิดลงนางมองดูรอบๆ ขมวดคิ้ว ไม่ถูก นี่มันห้องนางเองนี่นา
ทว่า
เหตุใดในห้องนางจึงมีก้นเปลือยเปล่า
หรือจะพูดให้ถูกคือเหตุใดจึงมีก้นเปลือยเปล่าหันใส่นาง
พูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นคือ…เหตุใดจึงมีบุรุษเปลือยร่างอยู่ในห้องของนาง!
ชิวเยี่ยไป๋ผลักประตูอีกครั้งอย่างระมัดระวัง เป็นความจริง…นางมิได้ดูผิด มีใครคนหนึ่งเปลือยกายหันหลังให้นางกำลังสวมกางเกงใน สะโพกข้างหนึ่งยังโผล่ออกมาข้างนอก!
“อมิตาภพุทธ ประสกเสี่ยวไป๋ เหตุใดท่านไม่เคาะประตู จู่ๆ ก็บุกเข้ามาในห้องของอาตมา” แม้คำพูดจะคล้ายตำหนิ แต่หลวงจีนยังคงค่อยๆ ดึงกางเกงในขึ้นปิดก้นช้าๆ ด้วยท่าทางปกติ ไม่รีบร้อนที่จะปกปิดความอล่างฉ่างของตนแม้แต่น้อย
แม้นางจะชมชอบคนงามเสมอมา แต่จู่ๆ ก็เจอะกับภาพโป๊เปลือยชนิดไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ทำเอานางที่เพิ่งจะอิ่มทั้งอาหารและสุราออกจะรับไม่ไหว
ชิวเยี่ยไป๋คลำหน้าผากที่ปวดตุบอย่างอดมิได้กล่าวว่า “นี่มันห้องข้าหยวนเจ๋อ เจ้าไม่รู้สึกว่าคิดเอาเองมากไปหน่อยหรือ!”
ไอ้หมอนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดคนเฝ้าประตูข้างล่างถึงไม่รู้!
“อ้อ นี่เป็นห้องของประสกเสี่ยวไป๋หรือ” หยวนเจ๋อนิ่งคิดแล้วพยักหน้า “เอาเถอะ อาตมาเสียมารยาท”
ชิวเยี่ยไป๋เห็นเขาเตรียมจะประนมมือขานพระนามพุทธะ ซึ่งกางเกงก็คงต้องไหลลงไปอีก จึงรีบหลับตาร้องเสียงหลง “กางเกงเจ้าจะหลุดแล้ว!”
นางกินจนพุงกาง เช้านี้ก็ต่อยตีไปยกใหญ่และอบรมคนไปอีกรอบ ตอนนี้จึงรับไม่ไหวกับอาหารตาเช่นนี้!
หยวนเจ๋อจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองดูเหมือนยังไม่ได้รัดสายรัดเอว จึงหดมือกลับและกระชับสายรัดกางเกงช้าๆ “ขออภัย!”
ชิวเยี่ยไป๋พลันรู้สึกไม่ถูกต้อง กางเกงในสีแดงแปร๊ดดูคุ้นตาอยู่ นางก้าวยาวๆ เข้าไปในพริบตา ก็เห็นกล่องที่วางบนโต๊ะแต่แรกถูกเปิดออก
เจ้าหยวนเจ๋อนี่มันช่าง…
ชิวเยี่ยไป๋รู้สึกโมโหขึ้นมา ตวาดอย่างหงุดหงิดว่า “สมองเจ้าถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ เข้าผิดห้องยังพอว่า กางเกงของคนอื่นเจ้าซี้ซั้วเอามาใส่ได้หรือ อยากตายหรืออย่างไร!”
หยวนเจ๋อกล่าวอย่างงุนงงว่า “อมิตาภพุทธ อาตมาคิดว่า…”
ชิวเยี่ยไป๋ขัดคำ คลึงหว่างคิ้วลดน้ำเสียงลง “เอาล่ะ ข้าใจร้อนไปหน่อย!”
นางถอนใจคราหนึ่ง “เจ้าอย่าถือสา”
มิรู้เพราะเหตุใด เมื่อครู่นางเห็นหยวนเจ๋อสวมกางเกงไป๋หลี่ชู จู่ๆ โทสะก็พลุ่งขึ้น หยวนเจ๋อโง่งมเช่นนี้มิใช่วันสองวัน และนางก็ใช่ว่าจะไม่รู้ คงเพราะอากาศร้อนเกินไปกระมัง
“เจ้าสวมเสื้อผ้าเถอะ” ชิวเยี่ยไป๋กล่าว
หยวนเจ๋อผงกศีรษะแต่กลับมิได้หันไปสวมเสื้อผ้า จู่ๆ ก็อ้าแขนกอดชิวเยี่ยไป๋ไว้เต็มรัก
ชิวเยี่ยไป๋งงงัน ปลายจมูกอบอวลด้วยกลิ่นกำยานประหลาดอ่อนๆ จากผิวกายเขา นางนิ่งอึ้งไม่ทันมีปฏิกิริยาไปชั่วขณะ ครู่หนึ่งนางจึงหน้าแดงยกมือผลักเขา “เจ้าทำอะไร ปล่อย!”
หยวนเจ๋อยิ่งรัดนางแน่นเข้าอย่างนุ่มนวล “ประสกเสี่ยวไป๋ พุทธะคุ้มครองจึงไม่เป็นอะไร ดีมาก”
ปฏิกิริยาของชิวเยี่ยไป๋ช้าลงวูบหนึ่ง ไม่รู้ว่าถูกอะไรกระทบจิตใจเข้า การผลักไสจึงอ่อนลง นางส่งเสียง “อืม” เบาๆ “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีเหมือนกัน”
ไม่ว่าหยวนเจ๋อจะเป็นคนของเจินเหยียนกงหรือไม่ก็ตาม ถึงอย่างไรก็เคยร่วมกันฝ่าฟันอันตราย จะบอกว่าจิตใจไม่สะดุ้งสะเทือนเลยย่อมเป็นไปไม่ได้
เพียงแต่กลิ่นอายของไอ้หมอนี่และอากัปกริยาที่สนิทสนมเกินไปมันช่าง…
ชิวเยี่ยไป๋อดรู้สึกรุ่มร้อนมิได้ รู้สึกแปลกมาก เป็นกลิ่นกำยานที่หมายถึงความบริสุทธิ์ของพุทธะแท้ๆ เหตุใดจึงรู้สึกเคลิบเคลิ้มและใจระทึก
และ…อ้อมกอดนี้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่นึกไม่ออก…
ในที่สุดชิวเยี่ยไป๋ก็ผลักเขาออกจนได้ “พอแล้ว เจ้ารีบสวมเสื้อผ้าได้แล้ว ข้าจะพาไปห้องของเจ้าเอง”
หยวนเจ๋อโดนผลักจนส้นเท้าสะดุดขาเตียง จึงเซจนนั่งลงกับที่
เห็นท่าทางงุนงงของหยวนเจ๋อ จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าที่แหมะอยู่เบื้องหน้าคนนี้เป็นลูกแกะตัวน้อยที่ไร้เดียงสา แถมยังเปลือยเปล่าทั้งตัว นางมองแล้วรู้สึกคงอร่อย
ชิวเยี่ยไป๋สั่นศีรษะหลับตาลง คิดว่าตนเองบ้าไป เพิ่งกินอิ่มชัดๆ และยังรู้สึกว่าฉากโป๊เปลือยนี้เลี่ยนเกินไป แต่พอโดนเขากอดโดนรมด้วยกลิ่นกำยานประหลาดที่แผ่ซ่านจากผิวกายเขา ก็รู้สึกว่าเลือดไหลเวียนเร็วขึ้นจนกระเหี้ยนกระหือ
หยวนเจ๋อเห็นท่าทางของนางก็รู้สึกวิตก “ประสกเสี่ยวไป๋ อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดีใช่ไหม จะให้อาตมาช่วยทายาให้ไหม”
พริบตานั้นชิวเยี่ยไป๋นึกขึ้นได้ว่าไอ้หมอนี่เคยเห็นนาง…จัดการกับวันเบาๆ คิดว่านางได้รับบาดเจ็บอย่างเกริกไกรระหว่างการต่อสู้กลายเป็นขันทีแต่บัดนั้น
เห็นท่าทางงี่เง่าของหลวงจีนโง่งมแล้วชิวเยี่ยไป๋พลันได้สติขึ้นไม่น้อย นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ไม่ต้อง ขอบใจ!”
หยวนเจ๋อก็ไม่เซ้าซี้ พยักหน้าแล้วลุกขึ้น คราวนี้เขาห่มจีวรอย่างรวดเร็ว หลังจัดแจงเสร็จสรรพ ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ชิวเยี่ยไป๋ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ประสกเสี่ยวไป๋ จะพาอาตมาไปหาอาหารเจกินหน่อยได้ไหม อาตมาหิวจนท้องร้องแล้ว”