กอปรกับเขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล จะทำการใดๆ ย่อมต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตระกูล และต้องคิดถึงผลประโยชน์สุดท้ายของตระกูลชิว เขาจะถวายฎีกาถอดถอนน้องชายคนที่สี่ที่เป็นขุนนางระดับสี่ เพียงเพื่อน้องสาวลูกอนุคนหนึ่งหรือ เกรงว่าแม้แต่ฮูหยินใหญ่ก็ไม่ยอม
หนิงชุนฟังแล้วพลันได้คิด แล้วกล่าวเสียงเย็นชาอย่างดูแคลนว่า “นายน้อยสี่เจ้าขา ตระกูลใหญ่ตระกูลสูงศักดิ์ของพวกท่านสกปรกโสมมยิ่งกว่าการต่อสู้ของชาวยุทธจักรเสียอีก คงเพราะคนมั่งมีศรีศักดิ์ว่างมากไม่ต้องมัวกังวลกับเรื่องปากท้อง จึงมีเวลาอิจฉากันห้ำหั่นกันไม่ได้เรื่องเลย”
ชิวเยี่ยไป๋ฟังแล้วก็งงงัน กลั้วหัวร่อกล่าวว่า “ใช่ คนมั่งมีศรีศักดิ์ว่างมาก จึงใจใหญ่มากและความสกปรกโสมมก็ยิ่งมาก และไม่ได้เรื่องจริงๆ”
พวกเจ้าขุนมูลนายทั้งตระกูล ไม่มีใครมีสติเท่าหนิงชุนเลย
ถ้าเป็นไปได้ นางคร้านจะไปยุ่งกับบ่อตมตระกูลชิว แต่ในเมื่อลงบ่อตมนั้นไปแล้วนางก็ต้องทำให้ดีให้ได้!
ชิวเยี่ยไป๋หยุดเท้า เงยหน้าแลดูตัวหอวิจิตรประณีตที่เห็นรำไรในพุ่มไม้เบื้องหน้า
หอตู้จ้ง
เป็นที่พักอาศัยของชิวเฟิ่งฉู คุณชายรองแห่งตระกูลชิว
หนิงชุนแลดูอักษรบนป้ายซึ่งสะบัดพู่กันเขียนไว้อย่างงดงามราวหงส์ร่อนมังกรรำ กล่าวเบาๆ กับชิวเยี่ยไป๋ว่า “นายท่านเข้าไปเถอะ เดี๋ยวเสี่ยวชีก็มา”
ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้า รวบชายเสื้อแล้วตรงไปยังหอตู้จ้ง
…
“ไม่เอาน่า คุณชายรอง ท่านทำอะไรเนี่ย!”
“เจ้าปีศาจน้อย”
“ฮิ…ฮิ…”
ชิวเฟิ่งฉูกำลังอิงไขว่ห้างอย่างเกียจคร้านเล่นกับหญิงรับใช้ประจำหอหน้าตาจิ้มลิ้มในอ้อมอก พลันได้ยินเด็กรับใช้ข้างนอกมารายงานว่า “คุณชายรองขอรับ นายน้อยสี่ขอเข้าพบ”
ชิวเฟิ่งฉูตกใจ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง ทำเอาสาวใช้แทบหล่นลงพื้น เขารีบอุ้มสาวใช้ที่ร้องอย่างตกใจ กลอกตาไปมาแล้วตวาดอย่างรำคาญว่า “ไม่ให้พบ ไม่ให้พบ!”
เด็กรับใช้รับคำอย่างนบนอบ “ขอรับ”
เขานึกไปนึกมารีบกล่าวเสริมอีกคำ “เดี๋ยว บอกว่าข้าออกไปข้างนอก ไม่อยู่บ้าน!”
เพียงขาดคำ ชิวเฟิ่งฉูก็ได้ยินเสียงกลั้วหัวร่อของชิวเยี่ยไป๋ดังมาจากข้างนอก “พี่รองจะไปไหนหรือ จะให้น้องสี่ไปเป็นเพื่อนไหม หรือว่าพี่รองไม่อยากพบน้องสี่ หืม?”
น้ำเสียงนุ่มนวลดุจสายน้ำ แต่ชิวเฟิ่งฉูฟังแล้วกลับเย็นยะเยือก เขาตัวแข็งในพริบตา หันไปมองเงาร่างอ้อนแอ้นที่ประตู ยิ้มแห้งๆ “น้องสี่…”
จากนั้นก็ถลึงตาใส่เด็กรับใช้ฐานเฝ้าประตูไม่ดี
พวกเด็กรับใช้นอกประตูพากันหัวหด พวกเขามิใช่ไม่ขวาง แต่นายน้อยสี่ลื่นไปทั้งตัว คนที่เหมือนลมหอบหนึ่งผู้นี้ พวกเขาขวางไว้ไม่ไหวจริงๆ นี่!
ชิวเยี่ยไป๋เห็นสภาพของเขาแววตาก็เย็นลง แต่ยังคงยิ้มให้ “น้องสี่มีธุระจะหารือกับพี่รอง พี่รองช่วยให้คนเหล่านี้ออกไปก่อนได้ไหม”
พริบตานั้นชิวเฟิ่งฉูยิ่งตกใจและตื่นตัว ผลักหญิงรับใช้ในอ้อมอกออกไปตามสัญชาตญาณ กล่าวเสียงแหบแห้งว่า “น้องสี่มีอะไรหรือ บอกมาตรงๆ ก็แล้วกัน”
ชิวเยี่ยไป๋จ้องตาเขา เลิกคิ้วกล่าวว่า “พี่รอง แน่ใจหรือ”
ชิวเฟิ่งฉูเห็นสีหน้าเขาเย็นชา รู้สึกเย็นวาบหลังศีรษะ ไม่กล้าปฏิเสธอีก ได้แต่โบกมือให้เด็กรับใช้และหญิงรับใช้อย่างเซื่องซึม “เอาเถอะ พวกเจ้าออกไปเถิด”
ชิวเยี่ยไป๋เป็นมารปีศาจที่ไม่เคยทิ้งไพ่ตามกติกา กล้าหาญเทียมฟ้า ไม่แน่ว่าอาจทำอะไรที่น่าหวาดหวั่นต่อหน้าธารกำนัล เขาเคยโดนพิษสงมาแล้ว
พวกเด็กรับใช้และหญิงรับใช้ต่างนึกไม่ถึงว่า คุณชายรองที่เหิมเกริมแต่ไหนแต่ไรจะถึงกับเชื่อฟังขนาดนี้ ต่างหันมองหน้ากันแล้วออกจากห้องแต่โดยดี
จนกระทั่งออกไปหมดแล้ว ชิวเฟิ่งฉูจึงกล่าวกับชิวเยี่ยไป๋อย่างระมัดระวังว่า “น้องสี่ ไม่มีใครแล้ว น้องสี่มีอะไรจะบอกข้าหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋เห็นสภาพของเขาพลันหัวร่อเบาๆ กล่าวว่า “พี่รอง ท่าทางนอบน้อมถ่อมตัวชั่วพริบตาเช่นนี้ ข้าไม่ชินจริงๆ หรือว่าท่านกำลังทำอะไรผิด”
ชิวเฟิ่งฉูสีหน้าเรียบเฉย กล่าวต่ออย่างระมัดระวัง “มีที่ไหนกัน พักนี้ข้าได้แต่อ่านหนังสืออยู่ในหอ สงบเสงี่ยมจะตายไป”
“เช่นนั้นหรือ ที่แท้คนที่สมคบคิดกับชิวซั่นหนิงบีบจนชิวซั่นจิงสติฟั่นเฟือน ทำให้พี่ใหญ่เพ่งเล็งข้า ป้ายความผิดให้ข้า ก็เป็นพี่รองผู้แสนสงบเสงี่ยมเท่านั้นเองหรือ ข้าน้องสี่ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ” ชิวเยี่ยไป๋สาวเท้าเข้าไปถึงหน้าเก้าอี้โยกของชิวเฟิ่งฉู มองเขาจากที่สูงกว่าแล้วแค่นหัวร่อเย็นชา
ก่อนหน้านี้แม้ชิวซั่นหนิงจะมีนิสัยเหิมเกริมเอาแต่ใจ แต่ไม่ถึงกับเ**้ยมเกรียม นางเป็นคนตื้นเขิน มักถูกคนอื่นยุยงได้ง่าย ย่อมต้องมีคนยุให้นางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้แน่
นางนึกดูแล้ว ใครบ้างในจวนที่จะได้ประโยชน์จากการนี้ นอกจากชิวเฟิ่งฉูก็ไม่มีใครแล้ว บวกกับเมื่อครู่หนิงชุนเพิ่งสืบได้ว่าหญิงรับใช้คนสนิทของชิวเฟิ่งฉูเคยติดต่อกับสาวใช้ส่วนตัวของชิวซั่นหนิงหลายครั้ง เท่ากับยืนยันทางอ้อมถึงข้อสันนิษฐานของนาง
ชิวเฟิ่งฉูตกใจจนหน้าถอดสี แล้วรีบปฏิเสธปากแข็ง “ไม่ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร”
นางยิ้มแล้วยื่นมือเรียวงามให้เขาดู “อ้อ พี่รองมิรู้ว่าข้าพูดอะไร แล้วรู้จักนี่ไหม”
ชิวเฟิ่งฉูงงงัน “นี่คือมือ”
ชิวเยี่ยไป๋ส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ไม่ใช่ นี่เป็นกำปั้นที่จะชกไอ้หน้าโง่!”
พลั่ก เพิ่งขาดคำ ท่ามกลางแววตาตื่นตระหนกของชิวเฟิ่งฉู กำปั้นของนางก็ฮุกใส่ท้องของชิวเฟิ่งฉูอย่างดุดัน ขณะที่กำลังจะแหกปากร้องก็ถูกเสื้อชั้นในของหญิงรับใช้ที่ตกอยู่บนพื้นยัดเข้าเต็มปาก
“โอ๊ย…อื้อ…ฮือ” เสียงร้องของชิวเฟิ่งฉูแค่ครึ่งคำ ที่เหลือถูกกลืนลงท้องหมด ได้แต่มองดูชิวเยี่ยไป๋ อย่างตื่นกลัว
“ไม่รนหาที่ก็ไม่ตาย พี่รองรู้ไหมว่าหนอนน้อยที่รนหาที่สุดท้ายจะเป็นอย่างไร” ชิวเยี่ยไป๋ตบแก้มเขาเบาๆ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเ**้ยมเกรียมกระซิบเสียงเย็นเยือกที่ข้างหู “ก็คือโดนอัดจนตาย!”
ชิวเฟิ่งฉูตาถลนด้วยความหวาดกลัว ฉากระทึกขวัญที่หอไผ่เขียววาบขึ้นในหัว เขาร้องและดิ้นอย่างทุรนทุราย
ไม่ เขาไม่ต้องการ เขาไม่ต้องการเรื่องน่ากลัวแบบนั้นอีก!
และครั้งนี้ยังเป็นเจ้ามารปีศาจชิวเยี่ยไป๋ลงมือเองด้วย!
เขาต้องตายแน่! ตายลูกเดียว!
เขาพยายามสั่นศีรษะอย่างสุดชีวิต ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนทารกมีน้ำมูกน้ำตานอง เบิกตาจนหางตาแทบฉีก ผิดไปแล้วจริงๆ เขาไม่มีวันกล้าตอแยคนคนนี้อีกตลอดกาล!