โจวอวี่โดนนางตำหนิจนสีหน้าซีดขาวลงทุกที ในใจยิ่งพลุ่งพล่านราวคลื่นกระหน่ำ เขาอยากโต้แย้งแต่เถียงไม่ออก
ใช่แล้ว เขามักตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม ไม่รู้จักแยกแยะว่าใครเป็นใคร…
“ความจริงข้ารู้ว่าคนที่ทำเรื่องนี้อาจเป็นพี่เขย และข้ายังรู้อีกว่าเมื่อก่อนบิดาข้าเคยฝากความหวังไว้ที่ตัวข้า แม้เขาจะไม่ค่อยอยู่บ้าน มารดาก็สิ้นไปนานแล้ว คนที่ดีต่อข้ามากที่สุดในบ้านก็คือพี่หญิงใหญ่ ข้ารู้ว่านางไม่ชอบให้ข้าโดดเด่นเหนือกว่าน้องชายแท้ๆ ของนาง ดังนั้นข้าจึงละทิ้งการเล่าเรียนและสยบต่อนาง และยอมเข้าสู่ซือหลี่เจียนโดยการจัดแจงของพี่เขยข้า…” โจวอวี่ยิ้มอย่างขมขื่นน้ำตาคลอเบ้า
“ข้าคิดว่าทำเช่นนี้พี่หญิงใหญ่คงพอใจแล้ว แต่กลับนึกไม่ถึงว่าภายหลังจะเกิดเรื่องราวเหล่านี้ พัวพันถึงคนมากขนาดนี้…”
ชิวเยี่ยไป๋แลดูเขากล่าวอย่างดูแคลนว่า “งี่เง่า เอาล่ะ ข้าจะไม่พูดมากกับเจ้า เห็นแก่เคยเป็นสหายร่วมงานกัน ข้ามอบเข็มเล่มนี้ให้เจ้า ถ้าเจ้ายินดีฆ่าตัวตายก็ดีไป ถ้าเจ้าไม่ยินยอมข้าก็ไม่บังคับ เจ้าอยากไปไหนก็ไปเพียงแต่อย่ากลับไปกองคั่นเฟิงของซือหลี่เจียนอีกก็แล้วกัน มื้อนี้ถือว่าเลี้ยงส่ง”
นางวางเข็มเงินลงบนโต๊ะ ยกจอกสุราขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
โจวอวี่มองดูเข็มบนโต๊ะแล้วมองดูอาหาร ยิ้มอย่างรันทด ที่แท้สุราอาหารเหล่านี้คือสุราส่งวิญญาณ
โจวอวี่ยกป้านสุราทำด้วยทองแดงรินลงจอกช้าๆ แลดูสุราใสในจอก หัวร่อเบาๆ คราหนึ่ง ดวงตาแดงก่ำกล่าวว่า “ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยขออภัยต่อพี่ซือถูสักคำ ที่พัวพันเขาถึงขั้นนี้ และโจวอวี่ก็ขอขอบพระคุณใต้เท้าที่ดูแลในระยะนี้”
เขาก้มลงแล้วดื่มสุรารวดเดียวหมดจอก จากนั้นก็หยิบเข็มเงินขึ้นทิ่มใส่จุดชีพจรของตนเองอย่างมิลังเล
พริบตาที่ปลายเข็มแทงเข้าไปในร่าง ความเจ็บแปลบเล็กน้อยก็กระจายเข้าสู่เส้นปราณหัวใจแทบจะทันที เขาหลับตาลง น้ำตาสายหนึ่งไหลริน
ชิวเยี่ยไป๋เหมือนมองไม่เห็น ยังคงกินกับข้าวดื่มสุราของตนต่อ
หนึ่งเค่อผ่านไป โจวอวี่ยังคงนั่งอยู่ด้วยสีหน้าสุดรันทด สองเค่อผ่านไป เขารู้สึกว่าตนเองนั่งนานไปหน่อย ยาพิษเชียนจี[1]นี่ดูเหมือนจะออกฤทธิ์ช้าเกินไป ช่างทรมานเสียจริง ครึ่งชั่วยามผ่านไป…
ชิวเยี่ยไป๋กินแตงกวาหั่นจานสุดท้ายหมดไปแล้ว อิงกับราวระเบียงอย่างเกียจคร้าน ขบถั่วลิสงเป็นจานที่สอง
โจวอวี่ก้มมองข้อมือของตนเองแวบหนึ่ง ตรงนั้นนอกจากจุดแดงเล็กๆ สองจุดแล้ว กลับไม่เปลี่ยนเป็นสีดำหรือเขียวเลย เขาแลดูชิวเยี่ยไป๋รวบรวมความกล้าถามว่า “ใต้เท้าขอรับ ยา…ยาของท่านนี้ออกฤทธิ์ช้ามากหรือขอรับ”
ชิวเยี่ยไป๋มิได้มองเขา ดูเหมือนจะกำลังขะมักเขม้นกับการแกะเปลือกถั่วลิสง เพียงกล่าวช้าๆ เนิบนาบว่า “อืม ช้าหน่อย”
“แล้ว…ใต้เท้าขอรับ ยานี่มีปัญหาหรือไม่ขอรับ” โจวอวี่ถามอย่างอดมิได้
ชิวเยี่ยไป๋ครุ่นคิดแล้วกล่าวอย่างมินำพาว่า “เอ้อ น่าจะเพราะทับไว้ในก้น**บนานเกินไป ของเก่าสิบกว่าปีแล้ว ก็มิรู้ว่ายาหมดอายุหรือเปล่า ตอนเอาออกมาดูเหมือนจะหนอนขึ้นแล้ว”
สีหน้าของโจวอวี่บิดเบี้ยวในพริบตา “หมด…หมดอายุ…หนอนขึ้นแล้ว!”
หนอนกินแล้วยังไม่เป็นไร แสดงว่าเขาก็ไม่เป็นไรสินะ หลงกลอีกแล้ว!
ใต้เท้าหนอ ท่านจะบีบให้คนไปตายก็น่าจะจริงจังหน่อย เอายาพิษที่หนอนขึ้นแล้วมาใช้ ไม่ต้องขี้เหนียวอย่างนี้ก็ได้นี่นา ท่านคิดว่าคนเราฆ่าตัวตายมันง่ายเหมือนอาบน้ำกระนั้นหรือ
ชิวเยี่ยไป๋เห็นสีหน้าพิลึกกึกกือของโจวอวี่ก็เลิกคิ้ว “ว่าอย่างไร เจ้าอยากตายนักหรือ”
นางชี้ไปที่คลองขุดใหญ่ข้างๆ แล้วชี้ไปที่ดาบพกของเขา กล่าวเนือยๆ ว่า “ข้าฟังมาว่าเจ้าว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าเจ้าอยากตายจริงๆ เจ้าก็เลือกกระโดดน้ำหรือชักดาบเชือดคอได้เลย”
โจวอวี่มองดูสายน้ำดำมืดก็นึกขยาดในใจ ความทรงจำการจมน้ำในวัยเด็กผุดขึ้นในสมอง เขาหลับตาลงมือกุมที่ด้ามดาบของตนเองกล่าวเสียงเบาว่า “ไม่มีใครอยากตาย ข้าน้อยก็เช่นกัน เพียงแต่…”
เขามิใช่จอมยุทธ์และยิ่งมิใช่หน่วยกล้าตาย การตัดสินใจจะฆ่าตัวตายเมื่อครู่เป็นอารมณ์ชั่ววูบ พอกุมด้ามดาบความหุนหันไม่กลัวตายตอนแรกก็หมดไป แต่บางเรื่องบางราวเขากลับจำต้องข่มความหวาดกลัวนั้นและทำให้ได้
“ไม่อยากตาย ก็ไม่ต้องตายแล้วกัน” ชิวเยี่ยไป๋พลันส่งเสียงทำลายความคิดของเขา
โจวอวี่งงงัน “อะไรนะขอรับ”
ชิวเยี่ยไป๋จ้องมองเขา “ข้าบอกว่าเจ้าไม่อยากตายก็ไม่ต้องตาย ยังมิพักพูดถึงว่าเจ้าเคยตั้งใจทำตามความปรารถนาของนางจนยอมทิ้งอนาคตที่ดีไป เพียงการตัดสินใจฆ่าตัวตายอย่างองอาจโดยมิอาวรณ์เมื่อครู่ ก็เท่ากับเจ้าได้ทดแทนบุญคุณที่พี่สาวเจ้าผู้เกิดแต่อนุเลี้ยงดูเจ้ามาจนหมดแล้ว เจ้ามิได้ติดค้างอะไรนางอีก แต่คำสั่งเสียก่อนตายของเจ้าคืออะไร เจ้ายังจำได้หรือไม่”
โจวอวี่หลุบตาลง เงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าน้อยย่อมจำได้ ขออภัยต่อพี่ซือถู ยังมี ขออภัยต่อใต้เท้าด้วย”
ชิวเยี่ยไป๋รินสุราจอกหนึ่งวางลงตรงหน้าเขา “เจ้ารู้หรือยังว่าบัดนี้เจ้าเริ่มติดค้างผู้ใด”
โจวอวี่มองสุราจอกนั้น หัวร่ออย่างขมขื่นคราหนึ่ง ยกจอกสุราดื่มรวดเดียวหมด กล่าวเสียงหนักว่า “ข้าน้อยรู้ดี”
ชิวเยี่ยไป๋รินสุราให้อีกครั้ง ดีดปลายนิ้วคราหนึ่ง หมอกควันเล็กๆ สายหนึ่งผ่านจอกใบนั้น พริบตาเดียวสุราในจอกก็กลายเป็นสีเขียวมรกต
นางมองโจวอวี่ ยิ้มน้อยๆ “ครานี้เป็นสุราพิษของจริง พิษนี้กำเริบครึ่งปีครั้ง ยาขจัดพิษอยู่ที่ข้า ข้าเป็นคนขี้ระแวงแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นบัดนี้จึงอยากรู้ว่าข้าจะฝากแผ่นหลังและชีวิตไว้กับเจ้าได้หรือไม่”
โจวอวี่ตะลึง เงยหน้าขึ้นมองชิวเยี่ยไป๋ กลับเห็นดวงตาของนางสุกใสราวจันทราประดับฟากฟ้ายามราตรี เปิดเผยจริงใจ แต่คล้ายจะมองเห็นก้นบึ้งหัวใจของตน เขาใจสั่น จู่ๆ ก็หัวใจเต้นระรัว
เขาหลบสายตาอย่างทุลักทุเล กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยเข้าใจความหมายของท่าน ท่านกำลังบีบบังคับข้าหรือ มิรู้สึกต่ำช้าเกินไปหรือไร”
รู้ทั้งรู้ว่าเขามีฐานะเช่นนี้ อุปนิสัยเช่นนี้ กลับดันจะฝากชีวิตไว้กับเขา นี่มันบังคับกันชัดๆ จะให้เขาแบกความรับผิดชอบต่อชีวิตที่เดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับตนแต่อย่างใด และความเป็นความตายของบรรดาพี่น้องหยิบหย่งที่เหมือนตนในกองคั่นเฟิงเป็นภาระแต่ผู้เดียว!
ช่างเป็นการเรียกร้องที่ไร้เหตุผลแม้แต่น้อย
ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มให้ กล่าวอย่างหมดจดว่า “มิผิด ข้ากำลังบังคับเจ้า ความต่ำช้าของข้ามิแตกต่างอะไรกับตู้เทียนอวี่และพี่หญิงใหญ่ที่เกิดแต่อนุของเจ้า ถึงอย่างไรก็มิใช่ครั้งแรกที่ข้าทำเช่นนี้ ครั้งแรกเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก แต่ครั้งนี้เจ้าหมดสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับการบังคับของข้าผู้ต่ำช้า”
โจวอวี่กวาดสายตาเย็นเยียบอึมครึมช้าๆ ที่ดวงตาดุจดารา สันจมูกอันงดงาม ริมฝีปากแดงสดใส จากนั้นหยุดลงที่จอกสุราเบื้องหน้าตนเอง เขายิ้มอย่างดูแคลน ยกจอกขึ้นบิดข้อมือเล็กน้อย สุราสีมรกตสดใสไหลลงพื้นหยดหนึ่ง ที่พื้นพลันเกิดฟองที่เกิดจากการกัดกร่อน
——
[1] เชียนจี เป็นยาพิษขนานหนึ่งของจีนโบราณ ตัวยาสำคัญคือหม่าเฉียนจื่อหรือสมุนไพรแสลงใจในภาษาไทย