“เฉี่ยนเฉียน เธอเหนื่อยเกินไปแล้วนะ พักผ่อนดี ๆ เถอะนะ”
ความคิดในใจของเธอไม่สามารถหลีกหนีจากดวงตาของเหยียนสือเซี่ยได้ไปโดยปริยาย ช่วงเวลานี้เฉี่ยนเฉียนแทบจะไม่ได้นอนหลับอย่างดีเลย สองแก้มที่เคยอวบอิ่มนั้นก็ยุบลงไป ทำให้ดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องห่วง ฉันทนไหว”
เธอฉีกรอยยิ้มอันเข้มแข็งออกมา เรื่องของจิ่งเหยียนทำให้เธอเข้าใจหลักการหนึ่งขึ้นมาได้ในทันที นั่นก็คือตอนนี้เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของจิ่งเหยียน ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอจะต้องทนให้ไหว
“จำไว้นะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรฉันอยู่แบ่งเบาไปพร้อมกับเธอ ต่อให้ต้องต่อสู้เราสองคนเพื่อนรักก็จะต่อสู้ไปพร้อมกัน เธออย่ารับมืออยู่คนเดียวโง่ ๆ เลย”
เหยียนสือเซี่ยโอบเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ยากมากกว่าที่จะได้เผยความในใจออกมาเช่นนี้แม้แต่ตนเองก็ยังรู้สึกว่าแปลก ๆ
“ขอบใจเธอนะสือเซี่ย ฉันโชคดีที่มีเธอจริง ๆ”
สองแขนโอบเธอกลับ การที่มีเพื่อนอย่างสือเซี่ยเป็นโชคที่ดีที่สุดในชาตินี้ของเธอ
“ถือโอกาสจากนี้ไปฉันจะไม่หาผู้ชายแล้ว เธอก็อย่าหา พวกเรามาเลี้ยงลูกชายให้โตไปพร้อมกันเถอะ”
ระหว่างที่พูด ตนเองก็ยังรู้สึกขำในความคิดของตนเอง ถ้าหากยังไม่หาผู้ชายอีก เธอคงเริ่มสงสัยปัญหาการเลือกของตนเองแล้ว
บนใบหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา “ฉันคิดว่าเธอกับถังอี้เหมาะสมกันดีออกนะ”
ครั้งนี้ถังอี้ช่วยเหลือไว้เยอะมาก น่าจะไม่ใช่เห็นแก่หน้าตาของเฉินเป่ยชวน น่าจะเกี่ยวข้องกับสือเซี่ย
“อย่าพูดถึงไอ้คนชั่วมาทำลายบรรยากาศได้ไหม ? ที่รัก ฉันจะไปทำกับข้าวให้เธอกินก่อนนะ”
เมื่อถูกหยิบยกชื่อของใครบางคนขึ้นมา เหยียนสือเซี่ยจึงเอือมละอาและอับจนหนทาง ทำได้เพียงเดินหนีไป
……
หลินเฟยเอ๋อร์ถูกนำตัวออกจากห้องสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบสอบสวนเธอส่ายหน้าอย่างเอือมละอา ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมรับอะไรเลย การสอบสวนแบบนี้ต่อให้ทำวันละหนึ่งครั้งก็ไร้ซึ่งความหมาย
“คุณหลินครับ ตอนนี้หลักฐานที่พวกเรามียืนยันตัวคุณทั้งนั้น ต่อให้คุณไม่ยอมรับ สุดท้ายทางศาลก็จะตัดสินโทษของคุณอยู่ดี ผมขอแนะนำว่าให้คุณให้ความร่วมมือเราดี ๆ ไม่แน่ว่าจะสามารถลดหย่อนโทษได้บ้างนะครับ”
“ฉันไม่ได้ทำผิด ทำไมฉันต้องพูดด้วย ทำไมฉันต้องให้ความร่วมมือพวกคุณด้วย”
นัยน์ตาของหลินเฟยเอ๋อร์มีความสับสนวุ่นวาย เธอใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ครั้นภายในใจชัดเจนดีกว่าเมื่อตนเองยอมรับแล้ว ชีวิตทั้งชาตินี้ของเธอก็ต้องพังทลายลงทันที
“แค่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าฉันมีโทษ ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกทนาย มีอิสระส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน ฉันจะโทรศัพท์ พวกคุณเอาโทรศัพท์คืนมาให้ฉัน”
เธอขับแขนของตำรวจเอาไว้ด้วยความกระวนกระวาย ขอแค่เธอได้โทรหาชายผู้นั้น และหากเขาต้องการที่จะปกป้องตนเอง ไม่มีทางเสียหรอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างลำบากใจ หลินเฟยเอ๋อร์พูดถูก ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้คาดโทษเธอในตอนนี้ เธอก็มีสิทธิ์ที่จะโทรศัพท์ได้ ดังนั้นเขาจึงยื่นโทรศัพท์ไปให้ด้วยความจำยอม
หลินเฟยเอ๋อร์รับโทรศัพท์มา ภายในแววตามีความหวังขึ้นมาทันควัน จากนั้นก็โทรหาเบอร์นั้น ครั้นฝ่ายนั้นกลับปิดเครื่อง
ทว่าเธอยังคงไม่ยอมแพ้ โทรเข้าไปใหม่เรื่อย ๆ ในที่สุดก็มีคนรับโทรศัพท์เสียที
“ฮัลโหล ฉันเอง คุณต้องช่วยฉันนะ ถ้าคุณไม่ช่วยฉันฉันไม่มีวันให้คุณได้อยู่สุขแน่”
เธอหันหลังให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกดเสียงต่ำข่มขู่ฝ่ายนั้น ความหวังทั้งหมดที่เธอมีในตอนนี้ล้วนอยู่ในตัวของชายผู้นั้นแล้ว นอกจากเขาก็ไม่มีบุคคลที่สองที่จะมาช่วยเหลือเธอได้อีกแล้ว
“คุณแน่ใจนะว่าจะให้ผมช่วยคุณ ?”
น้ำเสียงปลายสายที่ลึกลับดังขึ้นมา ทำให้ภายในใจของหลินเฟยเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุกขึ้นมา ครั้นนี่คือคนเดียวที่จะช่วยชีวิตเธอได้ จะต้องคว้าไว้ถึงจะถูกต้อง
“ขอร้องละช่วยฉันด้วยนะ ฉันไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในคุกครึ่งชีวิตหรอกนะ”
น้ำเสียงที่ข่มขู่เมื่อสักครู่นี้กลายเป็นอ้อนวอนเพียงชั่วพริบตาเดียว เธอยังมีอนาคตที่ยาวไกล จะมาอยู่ในคุกตลอดชีวิตไม่ได้
ทันใดนั้นปลายสายก็เงียบไป หลินเฟยเอ๋อร์จึงกระวนกระวายขึ้นมาทันควัน “คุณพูดอะไรหน่อยสิ ขอร้องละ ช่วยฉันด้วย ขอแค่ฉันออกไปได้ ฉันรับปากว่าจะไม่ติดต่อคุณอีกตลอดไป”
“ได้ ผมจะช่วยคุณ ผมจะหาเวลาไปเจอคุณที่ห้องขังสักครั้ง”
กล่าวจบก็มีเสียงตัดสายดังขึ้นมา ตู้ด ตู้ด
หลินเฟยเอ๋อร์ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือว่าควรกระวนกระวายใจดี คิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่ลึกลับคนนั้นจะมาเจอหน้าตน เธอจะต้องถูกช่วยเหลือออกไปได้แน่ จะต้องได้แน่
ภายในคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉิน เฉินจิ้นถงเดินลงจากห้องชั้นบน ท่านผู้หญิงกำลังดูข่าวที่ถ่ายทอดในโทรทัศน์ห้องรับแขก ซึ่งส่วนมากเกี่ยวกับหลินเฟยเอ๋อร์ทั้งนั้น
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะกับเป่ยชวนเลย ไม่เหมาะกับตระกูลเฉินเราด้วย ดูสิ คิดไม่ถึงว่าจะฆาตกรรมคนอื่น !”
ถ้าหากไม่เป็นเพราะข่าวนี้แพร่ออกมา คนที่เป็นย่าอย่างเธอคงไม่ทราบว่าเหลนคนโตสุดที่รักของเธอเกือบจะถูกคนพรากชีวิต
“คุณแม่คะ ตำรวจยังไม่บอกว่าเธอเป็นฆาตกรเลยนะคะ”
เว่ยชูหรงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ภายในใจกลับรู้สึกว่าโล่งอก เฉินเป่ยชวนแต่งงานกับดาราสาวที่เป็นฆาตกร ทำให้ตระกูลเฉินขายหน้าผู้หลักผู้ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง จิ้นถงของเธอดีกว่าไม่ใช่น้อยเลย
“ผู้หญิงแบบนี้ฉันอยากจะสับให้เป็นหมื่นท่อนไปเลย”
ท่านผู้หญิงมีความเดือนดาล จากนั้นจึงได้เอามือกุมหน้าอกเอาไว้ สีหน้าก็ดูย่ำแย่ขึ้นมา
“คุณย่าครับ คุณย่าอย่าทำให้ร่างกายย่ำแย่เพราะโมโหคนอื่นเลยนะครับ จริงสิ พี่ใหญ่ไปทำงานต่างถิ่นได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น น่าจะกลับมาจัดการสักหน่อย”
เฉินจิ้นถงเอ่ยปลอบประโยนไปพร้อมยื่นแก้วน้ำอุ่นไปให้ ดวงตาหลังแว่นตานั้นมีแสงแห่งความไม่มีพิษภัยผุดขึ้นมา
“เขาไม่กลับมาก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงแบบนี้มีอะไรให้จัดการเหรอ ให้กฎหมายลงโทษหล่อนก็พอแล้ว”
ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ต่อให้ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตก็จะต้องถูกขังอยู่ในคุกตลอดชีวิต
“คุณย่า แต่ว่าถึงยังไงตอนนี้เธอก็เป็นสามีภรรยากับพี่ใหญ่นะครับ คนทั้งซั่นเป่ยรู้กันไปทั่ว”
คำพูดของเฉินจิ้นถงทำให้ท่านผู้หญิงขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นอยู่ ๆ นัยน์ตาก็ผุดแสงสว่างวาบขึ้นมา “นึกออกแล้ว จิ้นถง เธอให้ทนายทำใบสำคัญการหย่าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วเอาไปให้หลินเฟยเอ๋อร์ ย่าจะให้หล่อนหย่ากับเป่ยชวน !”
ภรรยาของหลานชายเธอจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้ วันที่แต่งงานก็คิดจะฆ่าเหลนของเธอเสียแล้ว
“คุณย่าครับ ทำอย่างนี้มันจะดีเหรอครับ ?”
เฉินจิ้นถงทำสีหน้าลังเลเล็กน้อย ครั้นหางตาที่ถูกแว่นปกปิดอยู่กลับมีรอยยิ้มแก้แค้นขึ้นมา
“มีอะไรไม่ดีเหรอ ย่าจะให้ชื่อเสียงของตระกูลเฉินสกปรกเพราะผู้หญิงจิตใจชั่วช้าแบบนี้ไม่ได้”
ท่านผู้หญิงเฉินไร้ซึ่งความเมตตาที่มีอยู่ น้ำเสียงมีความดุดัน ถ้าหากครั้งนี้เป่ยชวนยังดื้อรั้นอยู่ มองไม่ออกว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด ก็รอความเสียใจภายหลังในอนาคตเสียเถอะ
“คุณย่าครับ ผมจะทำตามที่คุณย่าบอกครับ”
มุมปากของเฉินจิ้นถงโค้งขึ้นมาเล็กน้อย ในแววตามีความรู้สึกเคียดแค้นขึ้นมา
ภายในห้องขัง เพิ่งจะผ่านไปได้สองวัน หลินเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกซูบผอมจนดูไม่ได้แล้ว ไม่มีท่าทีของดาราสาวชื่อดังเหมือนอย่างเมื่อก่อนเลยสักนิด แววตาที่สับสนวุ่นวายนั้นพยายามแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง ครั้นสองขาที่เดินไปมาไม่หยุดได้เปิดเผยความหวาดกลัว ความผวาที่อยู่ในใจของเธอ
ตำรวจเหล่านี้จะต้องมีหลักฐานที่แน่ชัดแล้ว ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะมาเจอหน้าเธอได้เมื่อไร ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอจะต้องเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ แน่
“หลินเฟยเอ๋อร์ มีคนมาพบคุณ”
ทันใดนั้นเสียงของผู้คุมก็ดังเข้ามาจากข้างนอก แววตาอันกระส่ายกระสับของเธอจึงมีความตื่นเต้นผุดขึ้นมาทันควัน คนผู้นั้นมาจริง ๆ ด้วย !
หลินเฟยเอ๋อร์กักเก็บความตื่นเต้นในใจเอาไว้ ให้ตนเองมองดูสงบนิ่งสุขุม การที่คนผู้นั้นมาก็แสดงว่าในใจเขากลัวว่าเธอจะพูดเรื่องเขาออกมา เพราะฉะนั้นยิ่งตนเองสงบนิ่งมากเท่าไร เขาจึงจะช่วยเหลือตนให้ออกจากที่นี่โดยเร็วเท่านั้น
เธอเดินตามหลังผู้คุมเข้าไปยังห้องเยี่ยม แขนเสื้อปกคลุมกุญแจมืออันเย็นเฉียบบริเวณข้อมือเธอเอาไว้ เธอเป็นดาราสาวชื่อดัง เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเฉินเป่ยชวน จะยอมให้ผู้อื่นคิดว่าตนเป็นนักโทษประหารที่อยู่ในคุกไม่ได้