ถังอี้ต้องการโน้มน้าวและชี้แจง แต่หลังจากไตร่ตรองไล่เรียงคำพูดเป็นเวลานาน จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วการไม่พูดอะไรเลยน่าจะดีกว่า เขาเป็นแค่ผู้ชม ถึงแม้บางเรื่องเขาจะดูออกก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป
“ถ้าอย่างนั้นนายจะหมั้นกับหลินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ?”
วันมะรืนนี้จะเป็นการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย
“ฉันไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”
สายตาของเฉินป่วยชวนดูอาฆาตเล็กน้อย ยัยสารเลวนั่นจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาทั้งรักทั้งแค้นมาตลอดเจ็ดปี โง่เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่มีวันโง่ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก
“นายตัดสินใจดีแล้วก็ดี ฉันก็แค่กลัวว่านายจะเสียใจภายหลัง”
เขากับเป่ยชวนรู้แก่ใจดีว่าหลินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับหมากฝรั่งอยู่ข้างถนน ถ้าติดแล้วไม่มีทางสลัดออกไปได้ง่ายๆ
ในห้องเริ่มเงียบสงัด ถังอี้ยักคิ้วพลางทักทายสาวๆ ที่กำลังเข้ามาชนแก้วกับเฉินเป่ยชวน จู่ๆ ก็ีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเป็นโทรศัพท์สไตล์ผู้หญิง เขามองไปที่เบอร์โทรบนหน้าจอก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล เหยียนสือเซี่ย นี่คือสถานีตำรวจ มีคนแจ้งความว่าคุณทำร้ายคนอื่น ทำให้กล้องของเขาพัง ขอเชิญมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”
“คุณบอกว่าเหยียนสือเซี่ยทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ? ”
เมื่อถังอี้ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นี่เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่เคารพในอาชีพทนายอย่างเหยียนสือเซี่ยจะทำร้ายคนอื่น
โถ่เอ๊ย ฉากสำคัญๆ แบบนั้นจะพลาดไปได้อย่างไร!
“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ยเหรอ? ”
ทันทีที่ได้รับคำตอบของชายคนนั้น ปลายสายอีกข้างของโทรศัพท์ก็ถามด้วยความสับสนทันทีเมื่อได้รับรายงาน พวกเขาก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ย ตอนนี้มีปาปารัสซี่ขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงจดบันทึกคำให้การไว้และเรียกทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กันให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว
ถังอี้ต้องการโน้มน้าวและชี้แจง แต่หลังจากไตร่ตรองไล่เรียงคำพูดเป็นเวลานาน จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วการไม่พูดอะไรเลยน่าจะดีกว่า เขาเป็นแค่ผู้ชม ถึงแม้บางเรื่องเขาจะดูออกก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป
“ถ้าอย่างนั้นนายจะหมั้นกับหลินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ?”
วันมะรืนนี้จะเป็นการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย
“ฉันไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”
สายตาของเฉินป่วยชวนดูอาฆาตเล็กน้อย ยัยสารเลวนั่นจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาทั้งรักทั้งแค้นมาตลอดเจ็ดปี โง่เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่มีวันโง่ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก
“นายตัดสินใจดีแล้วก็ดี ฉันก็แค่กลัวว่านายจะเสียใจภายหลัง”
เขากับเป่ยชวนรู้แก่ใจดีว่าหลินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับหมากฝรั่งอยู่ข้างถนน ถ้าติดแล้วไม่มีทางสลัดออกไปได้ง่ายๆ
ในห้องเริ่มเงียบสงัด ถังอี้ยักคิ้วพลางทักทายสาวๆ ที่กำลังเข้ามาชนแก้วกับเฉินเป่ยชวน จู่ๆ ก็ีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเป็นโทรศัพท์สไตล์ผู้หญิง เขามองไปที่เบอร์โทรบนหน้าจอก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล เหยียนสือเซี่ย นี่คือสถานีตำรวจ มีคนแจ้งความว่าคุณทำร้ายคนอื่น ทำให้กล้องของเขาพัง ขอเชิญมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”
“คุณบอกว่าเหยียนสือเซี่ยทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ? ”
เมื่อถังอี้ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นี่เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่เคารพในอาชีพทนายอย่างเหยียนสือเซี่ยจะทำร้ายคนอื่น
โถ่เอ๊ย ฉากสำคัญๆ แบบนั้นจะพลาดไปได้อย่างไร!
“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ยเหรอ? ”
ทันทีที่ได้รับคำตอบของชายคนนั้น ปลายสายอีกข้างของโทรศัพท์ก็ถามด้วยความสับสนทันทีเมื่อได้รับรายงาน พวกเขาก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ย ตอนนี้มีปาปารัสซี่ขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงจดบันทึกคำให้การไว้และเรียกทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กันให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว
ถังอี้ขยับนิ้วของเขาและชายข้างๆ เขาก็ส่งกระเป๋าให้เขาทันที
นักข่าวชายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอเปิดกระเป๋า ตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น มันเป็นกล้องที่มีราคาแพงกว่ากล้องเดิมหลายเท่า
“นี่เป็นค่าชดเชยของผมเหรอ?”
หากเขาจะจ่ายด้วยสิ่งนี้ เรื่องนี้ก็คุยกันง่ายขึ้นหน่อย
“เปล่า”
“… ” ชายคนนั้นสับสนเล็กน้อย หมายความว่าอะไรกันแน่ ไม่ได้ชดเชยให้เขางั้นเหรอ? เขาจะต้องแจ้งความจับเหยียนสือเซี่ย ถังอี้ยิ้มอย่างชั่วร้าย ” ไม่ได้ชดเชยให้คุณ แต่เพื่อให้คุณ หาวิธีที่จะล้มเธอให้ได้อีกครั้ง”
“… ”
นักข่าวชายรู้สึกได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้มันโรคจิตชัดๆ
“ตราบใดที่คุณทำให้เธอล้มลงอีกครั้ง ฉันจะให้คนอื่นจ่ายเงินให้คุณทันทีสำหรับกล้องที่แพงกว่านี้สองเท่า”
ถังอี้นั่งไขว่ห้างพลางจิบหลงจิ่ง เพลงจินตนาการถึงความยากลำบากที่เธอต้องพบเจอ เขาก็รู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก
“คุณพูดจริงๆ เหรอ? ”
นักข่าวชายถามอย่างไม่แน่ใจ และถังอี้ก็โยนนามบัตรให้ “ดูสิ แล้วจะรู้ว่าฉันพูดจริงหรือเปล่า? ”
ถังอี้ต้องการโน้มน้าวและชี้แจง แต่หลังจากไตร่ตรองไล่เรียงคำพูดเป็นเวลานาน จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วการไม่พูดอะไรเลยน่าจะดีกว่า เขาเป็นแค่ผู้ชม ถึงแม้บางเรื่องเขาจะดูออกก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป
“ถ้าอย่างนั้นนายจะหมั้นกับหลินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ?”
วันมะรืนนี้จะเป็นการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย
“ฉันไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”
สายตาของเฉินป่วยชวนดูอาฆาตเล็กน้อย ยัยสารเลวนั่นจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาทั้งรักทั้งแค้นมาตลอดเจ็ดปี โง่เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่มีวันโง่ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก
“นายตัดสินใจดีแล้วก็ดี ฉันก็แค่กลัวว่านายจะเสียใจภายหลัง”
เขากับเป่ยชวนรู้แก่ใจดีว่าหลินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับหมากฝรั่งอยู่ข้างถนน ถ้าติดแล้วไม่มีทางสลัดออกไปได้ง่ายๆ
ในห้องเริ่มเงียบสงัด ถังอี้ยักคิ้วพลางทักทายสาวๆ ที่กำลังเข้ามาชนแก้วกับเฉินเป่ยชวน จู่ๆ ก็ีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเป็นโทรศัพท์สไตล์ผู้หญิง เขามองไปที่เบอร์โทรบนหน้าจอก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล เหยียนสือเซี่ย นี่คือสถานีตำรวจ มีคนแจ้งความว่าคุณทำร้ายคนอื่น ทำให้กล้องของเขาพัง ขอเชิญมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”
“คุณบอกว่าเหยียนสือเซี่ยทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ? ”
เมื่อถังอี้ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นี่เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่เคารพในอาชีพทนายอย่างเหยียนสือเซี่ยจะทำร้ายคนอื่น
โถ่เอ๊ย ฉากสำคัญๆ แบบนั้นจะพลาดไปได้อย่างไร!
“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ยเหรอ? ”
ทันทีที่ได้รับคำตอบของชายคนนั้น ปลายสายอีกข้างของโทรศัพท์ก็ถามด้วยความสับสนทันทีเมื่อได้รับรายงาน พวกเขาก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ย ตอนนี้มีปาปารัสซี่ขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงจดบันทึกคำให้การไว้และเรียกทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กันให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว