เมื่อนึกถึงเรื่องที่ว่าบนหัวของตนเองถูกสวมเขาโดยไม่ได้ผ่านการสอบถามความคิดเห็นก่อน อารมณ์ของเขาจึงหงุดหงิดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเห็นเด็กที่ยืนอยู่เบื้องหน้าซึ่งมีหน้าตาคล้ายคลึงตนเองแท้ ๆ ครั้นดันไม่ใช่ลูกของตนเอง
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นก็รีบกลับไปซะ”
“เฉินเป่ยชวน คุณพูดเองนะ อย่าคิดเสียใจภายหลังก็แล้วกัน !”
บนใบหน้าของเจ้าตัวน้อยมีความโกรธเคืองเพิ่มขึ้นมา วันนี้ที่เขามาก็เพื่อต้องการให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับคนเลวผู้นี้ ครั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
“คนที่ควรเสียใจภายหลังคือเขาต่างหาก”
น้ำเสียงทุ้มต่ำตอบโต้กลับทันควัน เฉินเป่ยชวนราวกับถูกยั่วให้โมโหอย่างไรอย่างนั้น ผู้หญิงโง่เขลาผู้นั้นปล่อยตำแหน่งคุณนายเฉินไป แล้วไปอยู่กับไอ้คนชื่อลู่ฉี่นั่น ดี ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะสนองความต้องการพวกเขาให้เอง คอยดูว่าเมื่อถึงเวลาแล้วคนที่เสียใจภายหลังจะเป็นใครกันแน่ !
กำหมัดน้อย ๆ ใต้แขนเสื้อของเฉียวจิ่งเหยียนกำแน่นอย่างแรง “คุณมันคนชั่ว !”
ปากพลางตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์โมโหจัด และเท้าก็ไม่ปล่อยให้อยู่นิ่ง ขาที่สั้นและอวบครั้นกลับมีเรี่ยวแรงได้ยกขึ้นมาทันควัน จากนั้นก็เตะเข้าไปยังบางตำแหน่งของหว่างขาเฉินเป่ยชวนอย่างแรงราวกับเล็งเป้าหมายอย่างชัดเจนเอาไว้แล้ว
คนชั่วผู้นี้ไม่ใช่พ่อที่ดีอันใด และไม่ใช่สามีที่ดีด้วย ! เตะนี้ก็คือการลงโทษของเขาที่มีต่อพ่อและสามีคนเลวผู้นี้ !
เฉินเป่ยชวนคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเจ้าตัวน้อยจะมีการกระทำเช่นนี้ขึ้นมากะทันหัน ความเจ็บปวดที่เข้ามากะทันหันทำให้สีหน้าของเขาซีดเซียวลง ครั้นทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ ให้ตายสิ เตะนี้ของเจ้าตัวเปี๊ยกไม่แน่ว่าอาจทำให้เขาจบเห่ได้เลย
“ผมกับหม่ามี๊ไม่อยากเจอหน้าคุณอีกต่อไปแล้ว”
หลังจากที่กระทำอย่างโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมลงไปแล้ว เฉียวจิ่งเหยียนจึงเอ่ยส่งท้ายความไม่พอใจของตนเองขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดัน จากนั้นก็กลับหลังหันเดินออกไปทันที
ภายในห้องทำงานไม่มีผู้อื่นอยู่แล้ว เฉินเป่ยชวนลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้นทันที บนหน้าผากผุดเป็นเหงื่อเย็น ๆ ขึ้นมาหนาแน่น เจ้าตัวเปี๊ยก เตะเข้ามาแรงมากจริง ๆ !
เหยียนสือเซี่ยนั่งรอในรถด้านล่างตึก แม้เพิ่งจะผ่านไปสิบกว่านาทีเท่านั้น ครั้นกลับรู้สึกทรมานแทบแย่ เฉินเป่ยชวนคงไม่รังแกเด็กเล็กหรอกใช่หรือไม่ ?
เมื่อคิดสภาพว่าลูกบุญธรรมของตนเองอาจถูกผู้อื่นเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง เธอจึงไม่สามารถนั่งรออย่างใจเย็นได้อีกต่อไป ขณะที่เธอลงรถอย่างรวดเร็วหมายจะบุกตามเข้าไปนั้น ก็มองเห็นเจ้าตัวน้อยที่เธอเป็นห่วงอยู่สาวเท้าเร็ว ๆ เดินออกมาจากประตู
“แม่เป็นห่วงหนูแทบแย่ เฉินเป่ยชวนไม่ได้ตีหนูใช่ไหม ?”
ถ้าหากเขากล้าตีลูกบุญธรรมของเธอแม้แต่นิดเดียว เธอจะฟ้องร้องจนชื่อเสียงของเฉินเป่ยชวนป่นปี้เลยคอยดู
“เขาไม่ได้ตีผมครับ”
เฉียวจิ่งเหยียนส่ายหน้าเอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็ดึงประตูรถออกแล้วขึ้นไปนั่งเรียบร้อย ภายในใจรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย เตะนั่นเป็นการเตะที่ใช้แรงทั้งหมดที่มีของเขาเชียว
“แล้วเมื่อกี้หนูไปหาเฉินเป่ยชวนทำอะไรเหรอคะ ?” เหยียนสือเซี่ยยังคงมีความไม่สบายใจอยู่นิดหน่อย ถึงอย่างไรจิ่งเหยียนก็ยังเป็นเด็กอยู่ ไม่แน่ว่าอาจถูกเฆี่ยนตีอย่างแรงก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ถูกข่มขู่อีกก็เป็นได้
“ไปจัดการความผิดพลาดให้จบสิ้นครับ”
ในเมื่อเป็นพ่อและสามีที่ดีไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่สมควรที่จะยินยอมให้เขาทำร้ายผู้อื่น
บนอินเทอร์เน็ตต่างก็มีการแบ่งปันข่าวสารบันเทิงและข่าวสารที่ว่าดาราสาวชื่อดังจะแต่งงานในอีกครึ่งเดือนข้างหน้าติดต่อกันหลายวัน อีกทั้งในฐานะที่เป็นภรรยาเก่าผู้เย็นชาเมื่อเริ่มแรกที่ได้เห็นข่าวก็มีความรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อย ครั้นผ่านไปได้ไม่กี่วันความระคายเคืองนั้นก็ลดลงแล้ว
ทว่านี่ถือเป็นเรื่องที่ดีในเรื่องร้ายสำหรับเฉียวชูเฉี่ยน
“เฉี่ยนเฉียน เลิกเล่นเน็ตได้แล้ว บนเน็ตมีข่าวขยะเยอะเกินไป”
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังท่องหน้าเว็ปไซต์อยู่ เหยียนสือเซี่ยนจึงรีบพับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คทันที ไม่ง่ายเลยว่านักข่าวเหล่านั้นจะไม่มาโอบล้อมยุ่งเรื่องชาวบ้านทุกวันแล้ว เหตุใดต้องไปรนหาความปวดหัวด้วยตัวเองอีก
“เร็วเข้า อย่ายุ่งน่า ฉันกำลังทำธุระสำคัญอยู่นะ”
เฉียวชูเฉี่ยนตบไปยังมือของเธอที่กำลังกดฝาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอยู่ จากนั้นก็เปิดฝาเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นอีกครั้ง เธอไม่เพียงแต่ลาออกจากงานที่ MR แล้วเท่านั้น แม้แต่งานที่สำนักงานใหญ่ก็ลาออกไปด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือหางานทำสักงาน ซึ่งเป็นงานที่สามารถทำให้เธอได้สืบสาวเรื่องราวเมื่อปีนั้นได้ดียิ่งขึ้นด้วย
“ธุระสำคัญอะไรกัน ?”
เหยียนสือเซี่ยยื่นหน้าเข้ามามองดู เมื่อสายตาเหลือบไปเห็น Q&C แล้วนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปทันที “เฉี่ยนเฉียน……”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่มันต้องกลับมาเป็นชื่อเดิม”
บริษัทเฉียวกรุ๊ปในเมื่อก่อนได้เปลี่ยนโฉมหน้ากลายเป็น Q&C แล้ว ครั้นเธอเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่มันจะกลายมาเป็นของตระกูลเฉียวอีกครั้ง
“ช่วงนี้ Q&C กำลังรับสมัครงานอยู่ก็จริง แต่ว่าเฉี่ยนเฉียน เธออยากเข้าทำงานที่นั่นน่าจะไม่ง่ายเลยนะ”
ตัวตนของเฉียวชูเฉี่ยนจะทำให้ผู้ถือหุ้นของ Q&C รู้สึกไม่สงบ จะอนุญาตให้เธอสมัครเข้าทำงานที่บริษัทได้อย่างไร
“ไม่ลองดูจะรู้ได้ไงว่าได้หรือไม่ได้ ?”
เธอแนบประวัติส่วนตัวในอีเมลที่กำหนด บนใบหน้าผุดความมั่นใจขึ้นมา ไม่ว่าจะยากเพียงใดเธอก็จะลองดูสักตั้ง
“ในเมื่อเป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะสนับสนุนเธอ” เหยียนสือเซี่ยเอ่ยจบก็ตบขาน่องอย่างแรกขึ้นมากะทันหัน “ฉันนึกออกแล้ว เมื่อก่อนฉันเคยต่อสู้คดีหย่าร้างให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทพวกเขา ฉันไปขอร้องเขาได้และทำให้เธอมีโอกาสสัมภาษณ์ได้อีกด้วย ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อเห็นเธอเร่งรีบไปโทรศัพท์ มุมริมฝีปากของเฉียวชูเฉี่ยนจึงยกขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่อยากที่จะเข้าไปด้วยการพึ่งเส้นสาย ครั้นการที่สามารถได้รับโอกาสสัมภาษณ์งานนั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง
เรื่องการสัมภาษณ์งานจัดการเรียบร้อยในวันนั้นเลย เช้าตรู่ของวันถัดมา เฉียวชูเฉี่ยนแต่งหน้าบาง ๆ ไปที่ Q&C ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าบัดนี้ Q&C มีการพัฒนาได้ดีและเติบโตเข้มแข็งกว่าเฉียวกรุ๊ปในตอนนั้นจริง ๆ เมื่อมาถึงจึงพบว่ากลุ่มผู้สมัครมีมากกว่าที่เธอจินตนาการไว้เยอะมาก
เนื่องจากเป็นตำแหน่งงานเลขาของผู้จัดการทั่วไป ดังนั้นผู้ที่มาสมัครงานก็เป็นสาว ๆ ที่หน้าตาดีกันเป็นส่วนมาก เธอนั่งอยู่บนที่นั่งของตนเองรอเวลาอย่างเงียบ ๆ ครั้นข้างใบหูกลับไม่สงบเงียบเลยสักนิด
“พระเจ้า ผู้หญิงคนนั้นคือเฉียวชูเฉี่ยนหรือเปล่าน่ะ ? ภรรยาเก่าที่เฉินเป่ยชวนไม่ต้องการ ?”
“เหมือนว่าจะใช่นะ ไม่จริงมั้ง แม้จะถูกเศรษฐีไล่ออกจากบ้าน แต่อย่างน้อยก็ต้องให้เงินค่าเลี้ยงดูมหาศาลสิ ทำไมถึงยังมาแย่งงานเราอีก ?”
“นั่นน่ะสิ ๆ เฉียวชูเฉี่ยนนี่ใจกล้าจริง ๆ เนอะ ยังบึ่งมาสมัครงานที่ Q&C อีก ตอนนี้ใครจะไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นลูกสาวของเฉียวกรุ๊ปกัน”
เหล่าผู้หญิงกลุ่มหนึ่งถกเถียงกันไม่หยุด เฉียวชูเฉี่ยนกลับก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่ตนเองจัดเตรียมมาราวกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
ความจริงแล้วเธอไม่ต้องอ่านก็สามารถตอบเรื่องของ Q&C ได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าหลายปีมานี้เธอจะอยู่ที่ต่างประเทศ ครั้นก็จับตาดูบริษัทนี้อยู่ตลอด ผู้อื่นอาจจะทำการบ้านมาเจ็ดวันเพื่องานนี้ ครั้นเธอพยายามมาแล้วถึงเจ็ดปี
“คนต่อไป เฉียวชูเฉี่ยน”
เลขาข้างในที่ตะโกนชื่อเดินออกมา ขณะที่ตะโกนชื่อเธอออกมานั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย เฉียวชูเฉี่ยนจึงลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปทันที
ภายในห้องประชุมสัมภาษณ์เล็ก ๆ มีผู้บริหารระดับสูงนั่งอยู่สามคน เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา จึงมองหน้าสบตากันแล้วเอ่ยขึ้น “เชิญนั่ง”
“คุณน่ะเหรอเฉียวชูเฉี่ยน ?”
“ใช่ค่ะ”
เธอพยักหน้าโดยไม่มีการปิดบังแต่อย่างใด เธอนี่แหละเฉียวชูเฉี่ยน
“ทำไมมาสัมภาษณ์งานที่ Q&C ?” คณะกรรมการสัมภาษณ์ที่นั่งอยู่ตรงกลางสอบถามขึ้นมา บัดนี้ทั้งเมืองซั่นเป่ยต่างก็ทราบตัวตนของเฉียวชูเฉี่ยนกันหมดแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงฉายาที่ว่าเป็นภรรยาเก่าของเฉินเป่ยชวนก่อน สำหรับสถานะที่ว่าเธอเป็นลูกสาวของเฉียวกรุ๊ป ซึ่งเป็น Q&C รุ่นก่อนก็สามารถทำให้เธอถูกปฏิเสธออกไปข้างนอกอย่างง่ายดายได้เลย
“เพราะว่าดิฉันคิดว่า Q&C เป็นบริษัทที่พัฒนาอย่างเข้มแข็ง สามารถมอบสภาพแวดล้อมการทำงานและเงินเดือนตอบแทนที่ดียิ่งกว่าให้ได้ค่ะ”
เดิมทีวันนี้เธอตั้งใจที่จะเอาชนะความเป็นไปไม่ได้ให้ชนะอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดตามกฎพื้นฐานของการสัมภาษณ์แต่อย่างใด การที่เธอตอบเช่นนี้กลับทำให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย
“พวกเราชัดเจนดีถึงความสัมพันธ์ของคุณและเฉียวกรุ๊ป โปรดบอกเหตุผลที่จะทำให้เรารับคุณเข้าทำงานที”
คณะกรรมการสัมภาษณ์เองก็ถามอย่างตรงประเด็นเช่นกัน เนื่องจากตำแหน่งงานเลขาผู้จัดการทั่วไปนี้สำคัญมาก สิ่งที่ผ่านเข้ามือเลขานั้นต่างก็เป็นเอกสารที่สำคัญของบริษัททั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเรื่องของความสามารถและสถานะของผู้สมัครงานก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพิจารณาด้วย
“เพราะว่าฉันเข้าใจ Q&C มากกว่าคนนอกค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นของเธอไม่ได้หลบสายตาที่มองมาของสามคนนั้นแต่อย่างใด เธอเข้าใจบริษัทของครอบครัวตนเองดี ครั้นหลังจากที่มันไม่ได้เป็นของตระกูลเฉียวอีกต่อไปแล้วนั้น เธอเองก็ใช้เวลาและกำลังวังชาอย่างมหาศาลในการทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เช่นกัน