ตอนแรกเธออยากที่จะอ่านดูสัญญาระหว่างทาง จะได้สะดวกต่อการที่ฝ่ายลูกค้าร้องขออันใดเพิ่มเติมตนจะได้อธิบายและตอบสนองกลับอย่างชัดเจน ทว่าคนขับรถเอาแต่สนทนากับเธอไม่หยุดหย่อน เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทเธอจึงทำได้เพียงตอบคำถามคุยกับเขาไป จนกระทั่งรถยนต์จอดลงเมื่อถึงที่หมาย ซองกระดาษหนังวัวที่อยู่ในมือยังไม่ได้ถูกเธอเปิดขึ้นเลย
“เลขาเฉียวครับ ที่นี่แหละครับ ผมยังมีธุระต่อ อีกหนึ่งชั่วโมงค่อยมารับคุณได้ไหมครับ ?”
“เสียวหลี่ คุณแน่ใจนะคะว่าเซ็นสัญญาที่นี่ ?”
เฉียวชูเฉี่ยนมองเวดดิ้งสตูดิโอที่อยู่เบื้องหน้า ชุดแต่งงานของร้านนี้จะต้องถือว่าอยู่ระดับสูงสุดของเมืองซั่นเป่ยแน่นอน ตอนนี้เฉียวกรุ๊ปยังมีการร่วมมือกับเวดดิ้งสตูดิโอด้วยหรือนี่ ?
“ผมมั่นใจแน่นอนครับ” คนขับรถกล่าวจบก็โบกไม้โบกมือลาพร้อมขับรถยนต์ออกไปทันควัน
เธอเปิดซองกระดาษหนังวัวขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อของฝ่ายลูกค้าบนสัญญาแล้ว ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงขึ้นทันที ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ?
บริษัทที่ Q&C ร่วมมือคือเฟิงฉิงหรือนี่ ?
หรือว่าผู้ที่ต้องเซ็นสัญญาฉบับนี้คือเฉินเป่ยชวน ?
ภายในหัวฉายวนบทสนทนาของคนเหล่านั้นขณะรับประทานอาหารเมื่อวานนี้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะเป็นพนักงานของร้านนี้
ฝีเท้าของเธอหยุดชะงักอยู่กับที่ทันที เลขาหวังไม่ได้ยุ่งจนหัวหมุน ครั้นจงใจที่จะให้เธอมาทำเรื่องนี้ และเมื่อสักครู่นี้ที่เสียวหลี่เอาแต่สนทนากับตนบนรถ ไม่ใช่เนื่องจากเป็นห่วงเป็นใยพนักงานคนใหม่อย่างเธอ แต่เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอทราบว่าผู้ที่จะต้องเซ็นสัญญานั้นเป็นใครต่างหาก พวกเขาบีบบังคับเธอ บีบให้เธอทำในสิ่งที่ลำบากใจโดยการมาเซ็นสัญญานี้
เธออยากที่จะถอยหลังกลับ อยากที่จะออกไปจากสถานที่ที่มีกลิ่นอายอันเข้มข้นของเฉินเป่ยชวนโดยเร็ว ครั้นสติสัมปชัญญะของเธอกลับไม่ให้เธอเลือกที่จะหลบหนีเช่นนี้
ถ้าหากตนไม่ไปให้เขาเซ็นชื่อ เสียเวลาทำให้สัญญาเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลานั้นทางบริษัทจะต้องจัดการเธอเพราะเรื่องนี้แน่นอน เธอจะก้าวเข้า Q&C ด้วยขาหน้า ครั้นถูกไล่ออกมาด้วยขาหลังไม่ได้เป็นอันขาด
เธอสูดหายใจเข้าลึก คลายคิ้วอันยุ่งเหยิงของตนออก เพื่อที่จะได้อยู่ใน Q&C ต่อไป จึงทำได้เพียงแบกหน้าเดินเข้าไปเท่านั้น
ภายในเวดดิ้งสตูดิโอ หลินเฟยเอ๋อร์คล้องแขนของเฉินเป่ยชวนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสนิทสนม “เป่ยชวนขา ขอบคุณคุณมากนะคะที่ยอมมาลองชุดแต่งงานกับฉันวันนี้”
เมื่อเทียบกับนัยน์ตาที่ควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ของเธอ บนใบหน้าของเฉินเป่ยชวนกลับมองไม่เห็นถึงความปลื้มปิติที่จะได้เป็นเจ้าบ่าวผุดขึ้นบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นแววตาของเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับชุดแต่งงานที่แขวนอยู่ข้าง ๆ เลยด้วยซ้ำ
“คุณเฉิน คุณหลินคะ นี่คือชุดแต่งงานของทั้งสองท่านค่ะ ได้ปรับปรุงตามปัญหาที่แจ้งเมื่อก่อนหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญทั้งสองท่านลองได้เลยนะคะ”
เนื่องจากความพิเศษของลูกค้า ผู้จัดการร้านจึงมาดูแลด้วยตัวเอง ทว่าก็ยังคงเอ่ยด้วยความระมัดระวังอยู่ดี เนื่องจากเกรงว่าตนเองจะทำไม่ดีในส่วนใด จนทำให้ลูกค้ารายใหญ่ไม่พอใจขึ้นมาหรือไม่
“เป่ยชวนคะ ชุดแต่งงานชุดนี้ของฉันแก้มาหลายรอบแล้ว อีกสักครู่คุณต้องช่วยฉันดูหน่อยนะคะว่าสวยหรือเปล่า ก็เค้าอยากจะใส่ชุดสวย ๆ ในวันแต่งงานกับตัวเองนี่นา”
หลินเฟยเอ๋อร์ใช้น้ำเสียงอันออดอ้อนต่อหน้าทุกคน เมื่อก่อนหน้านี้หลายครั้งที่เธอมาลองชุดแต่งงาน เฉินเป่ยชวนมักจะบอกว่าที่บริษัทมีงานยุ่งจึงมาไม่ได้ ทำให้เธออับอายเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ในที่สุดก็พาเขามาได้สำเร็จเสียที จึงต้องกู้ความขายหน้ากลับคืนมาถึงจะถูกต้อง
“ชุดนี้เหมาะกับคุณดี”
เฉินเป่ยชวนกวาดสายตามองชุดแต่งงานสีขาวที่อยู่ข้าง ๆ แวบหนึ่ง ไม่แม้แต่จะเดินเข้าไปดูด้วยซ้ำ
นิ้วมือที่จับชุดแต่งงานเอาไว้กุมแน่นมากขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับยังคงหวานเลี่ยนเช่นเคย “ถ้าคุณพูดแบบนี้ฉันเขินที่จะลองแล้วนะคะ”
สิ้นเสียงหลินเฟยเอ๋อร์ก็ทิ้งแววตาอันสื่อรักอออดอ้อนเอาไว้ จากนั้นก็กลับหลังหันเดินเข้าห้องลองชุดไป
“คุณเฉินคะ คุณอยากจะลองชุดแต่งงานด้วยไหมคะ ?”
ชุดสูทที่ตัดขึ้นเองด้วยมือนั้นเป็นชุดที่ให้เหล่าพนักงานจากต่างประเทศเร่งมือทำขึ้นมา กลัวก็แต่ว่าเฉินเป่ยชวนจะไม่พอใจหรือมีส่วนที่ต้องปรับเปลี่ยนอีก ครั้นชุดได้ส่งกลับประเทศมาหลายวันแล้ว เขากลับไม่เคยมาลองแม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่ละ”
เขาปฏิเสธทันควันโดยไม่คิดสักนิด จากนั้นก็เดินไปนั่งโซฟาข้าง ๆ วันนี้ถ้าหากไม่เป็นเพราะคุณย่าบังคับให้ตนกลับไปทานข้าวที่บ้าน เขาเองก็คงไม่รับปากหลินเฟยเอ๋อร์ในการมาลองชุดที่นี่หรอก
“ประธานเฉินคะ ด้านนอกมีคนจาก Q&C มาหาคุณค่ะ”
“ให้เขาเข้ามา”
เมื่อดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ คิ้วของเขาจึงขมวดขึ้นทันที คนจาก Q&C มาสาย
เฉียวชูเฉี่ยนสูดหายใจเข้าลึกหลายครั้งค่อยเดินเข้าไปด้วยจังหวะเท้าที่เป็นปกติ ครั้นเมื่อสายตามองเห็นชุดแต่งงานสีขาวอันสง่างามเหล่านั้นแล้ว ในใจของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะผุดความคิดที่ว่าต้องการหลบหนีขึ้นมา
การที่มายืนอยู่เบื้องหน้าเฉินเป่ยชวนและหลินเฟยเอ๋อร์นั้นจำเป็นต้องมีความกล้าที่เพียงพอ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเมื่อเห็นท่าทางอันมีความสุขของทั้งสองคนเมื่อสวมชุดแต่งงานเลย
“คุณเฉียว เดินตามมาสิคะ”
ภายในใจของพนักงานได้เบิกบานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้นบนใบหน้ากลับทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด อีกไม่นานก็จะได้เห็นฉากเด็ดแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวมาลองชุดแต่งงาน ภรรยาเก่าก็มาร่วมคึกคะนองด้วยเวลานี้พอดี แค่คิดก็รู้สึกว่าจะต้องมีละครฉากเด็ดรออยู่เป็นแน่
“อ้อ ค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนถูกน้ำเสียงนั้นเรียกสติกลับคืนมา จึงสาวเท้าเดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในเมื่อต้องการที่จะขุดคุ้ยความจริงเมื่อเจ็ดปีก่อนของเฉียวกรุ๊ปมาให้ได้ ต้องการที่จะเอาเฉียวกรุ๊ปกลับคืนมาให้ได้ เธอคงหลีกเลี่ยงที่จะไม่เผชิญหน้ากับเฉินเป่ยชวนไม่ได้เช่นกัน เธอหลบหนีมานับเจ็ดปี และความจริงทำให้เธอกระจ่างในเรื่องหนึ่งแล้ว นั่นก็คือ การหลบหนีไม่มีประโยชน์อันใด
เสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้นมาบริเวณมุมบันไดชั้นสอง เฉินเป่ยชวนเอียงหน้าไปดู แววตาอันเฉียบคมจึงสาดส่องเข้ามาทันที
ครั้นเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดแล้วคิ้วของเขาก็ยกขึ้น เหตุใดจึงเป็นผู้หญิงคนนี้ที่มาส่งสัญญากัน
เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกอึดอัดและเศร้าใจที่ตนมักจะล็อกสายตาของเฉินเป่ยชวนจากกลุ่มคนได้ทุกเมื่อ สติสัมปชัญญะและร่างกายของเธอในตอนนี้ราวกับแบ่งเป็นสองส่วน สติสัมปชัญญะบอกว่าให้เธอเห็นเขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ครั้นร่างกายกลับทำสัญลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมาบนตัวเขา
การได้เห็นคนผู้หนึ่งท่ามกลางผู้คนนับหมื่นนับพันคนเป็นชะตากรรมที่ทำให้เธอหัวใจเต้นแรงเป็นอย่างยิ่ง ครั้นปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นรอยบาดแผลที่ทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจ
“ประธานเฉินคะ ฉันชื่อเฉียวชูเฉี่ยนพนักงานจาก Q&C ค่ะ นี่คือสัญญาของบริษัทเราและบริษัทของคุณค่ะ เลขาหวังมีธุระต้องออกไปกะทันหัน ดังนั้นฉันจึงเป็นตัวแทนมาส่งสัญญาฉบับนี้ให้คุณค่ะ”
สิ้นเสียงเธอก็ยื่นสัญญาที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วให้เขา เธอพยายามที่จะให้สีหน้าตนเองดูไม่ตื่นเต้น ถือเสียว่าวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความพันธ์ใหม่ของพวกเขาก็แล้วกัน
เฉินเป่ยชวนรับสัญญามา นัยน์ตาอันลึกลับกวาดอ่านเนื้อหาบนสัญญาแวบหนึ่ง “สัญญาฉบับนี้แก้ได้ไม่น่าพอใจนัก ขออภัย ผมไม่สามารถเซ็นได้”
“……”
เมื่อเฉียวชูเฉี่ยนได้ยินคำพูดนี้ ภายในใจก็เริ่มกระวนกระวายขึ้นมา เฉินเป่ยชวนจงใจที่จะทำให้เธออึดอัดหรือว่าพวกหวังลี่จงใจที่จะกลั่นแกล้งตนกันแน่ ?
“คุณรอสักครู่นะคะ ฉันขอโทรหาเพื่อนร่วมงานก่อนค่ะ”
เธอเอียงตัวไป จากนั้นก็โทรหาหวังลี่ ครั้นฝ่ายนั้นกลับปิดเครื่องอยู่
ให้ตายสิ ดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจที่จะกลั่นแกล้งเธอ
“ประธานเฉินคะ ในเมื่อคุณไม่พอใจในเนื้อหาสัญญาฉบับนี้ อย่างนั้นฉันจะเอากลับไปให้เพื่อนร่วมงานฉันแก้ไขให้นะคะ”
ในเมื่อเซ็นไม่ได้ เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เนื่องจากทุกครั้งที่อยู่ตรงนี้ ยามเธอหายใจเข้านั้นจะรู้สึกลำบากและทุกข์ใจเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องหรอก วันนี้ผมอารมณ์ดี เนื้อหาบนนั้นผมฝืนใจยอมรับได้”
ขณะที่เธอกำลังจะออกไปจากที่นี่อยู่ ๆ เฉินเป่ยชวนก็ตะโกนขึ้นหยุดเธอไว้ เฉียวชูเฉี่ยนทำได้เพียงเตรียมคำพูดขอบคุณเท่านั้น ครั้นเขาเอ่ยขึ้นต่อว่า “คู่หมั้นของผมกำลังลองชุดแต่งงานเจ้าสาว คุณก็เป็นผู้หญิง ถ้างั้นช่วยเธอดูช่วยออกความคิดเห็นให้หน่อยสิว่าสวยหรือเปล่า ?”
คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเขาจะเอ่ยความต้องการมาเช่นนี้ ภายในใจของเธอจึงผุดไฟแห่งโทสะขึ้นมา สิ่งที่เขากระทำเป็นการบีบบังคับโดยเอาสัญญามาอ้างอย่างเห็นได้ชัด
“ประธานเฉินคะ ฉันตาไม่ดี ไม่จำเป็นต้องรับฟังความเห็นของฉันหรอกมั้งคะ”
หากให้เธอไปดูพวกเขาทั้งสองคนลองชุดแต่งงาน อีกทั้งยังต้องแสดงความคิดเห็นให้พวกเขาอีก เธอไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยจริง ๆ
“ถือว่ามีความเจียมตัวดี”
ทันใดนั้นน้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น นัยน์ตาเฉินเป่ยชวนนั้นผุดบันดาลโทสะขึ้นมาอีกครา ผู้หญิงทุกคนในเมืองซั่นเป่ยต่างก็ทราบดีว่าคำว่าคุณนายเฉินนั้นหมายความว่าอย่างไร ครั้นผู้หญิงคนนี้กลับไม่เข้าใจ
“……”
เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง อะไรคือรู้จักเจียมตัว