ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 120 เปลี่ยนงาน

เมื่อเลิกงานแล้วเดินออกมาจากบริษัท รถยนต์ของเหยียนสือเซี่ยได้จอดอยู่ลานจอดรถหน้าทางเข้าบริษัทแล้ว

“ที่รักขึ้นรถสิ”

“ทำไมเธอมารับฉันล่ะ ?” เฉียวชูเฉี่ยนขึ้นไปนั่งบนรถ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อก่อนธุระที่สำนักงานยุ่งจนต้องทำโอทีทุกวัน ครั้นเหตุใดช่วงนี้เหยียนสือเซี่ยจึงได้ว่างเช่นนี้

“วันแรกที่เพื่อนรักฉันเปลี่ยนงาน แน่นอนว่าฉันก็ต้องมารับเธอหลังเลิกงานน่ะสิ เป็นไง วันนี้ทำงานรู้สึกยังไงบ้าง ? มีเพื่อนร่วมงานรังแกเธอหรือเปล่า ?”

“ใครจะมารังแกฉันได้ ? ไปกันเถอะ”

เธอยิ้มพลางเอ่ยเร่งรัด เรื่องของวันนี้เธอเจ็บปวดเพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากเหยียนสือเซี่ยทราบเรื่องเข้า เกรงว่าคงต้องไปเจรจากับเฉินเป่ยชวนเป็นแน่

“ไม่มีใครรังแกดีที่สุด ถ้ามีคนรังแกเธอจะต้องบอกฉันนะ ฉันคือการจุติของกฎหมายและความยุติธรรมเชียวนะ ฉันจะฟ้องพวกเขาให้ตายกันไปข้างเลยคอยดู”

น้ำเสียงที่ทำให้อบอุ่นหัวใจดังขึ้นอีกครั้ง มุมริมฝีปากของเธอจึงมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมา ครั้นไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความเป็นห่วงและความจริงจังขึ้นมา “สือเซี่ย เธอไปเตือนลู่ฉีหน่อยได้ไหม ให้เขาทำงานละเอียดหน่อย”

คำขู่ของเฉินเป่ยชวนไม่มีทางที่จะเป็นเพียงการพูดเรื่อยเปื่อย เธอเป็นห่วงจริง ๆ ว่าเนื่องจากความสัมพันธ์ของเธอจะทำให้ลู่ฉีเผชิญหน้ากับความตกที่นั่งลำบาก และทำให้ลู่กรุ๊ปเผชิญหน้ากับจุดจบ

“ทำไมต้องให้ฉันไปเตือนเข้าด้วย ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม ?”

เหยียนสือเซี่ยขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา ลู่ฉีผู้นี้ทำงานอย่างละเอียดรอบคอบมาตลอด ไม่จำเป็นต้องตักเตือนด้วยซ้ำไป การที่เฉี่ยนเฉียนเอ่ยมาเช่นนี้จะต้องเป็นเพราะเกิดเรื่องอันใดขึ้นแน่นอน

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่รู้สึกว่าช่วงนี้มีหลายบริษัทที่มีปัญหาด้านการบริหารน่ะ เลยเป็นห่วงว่าลู่กรุ๊ปจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นเหมือนกันเท่านั้นแหละ”

หวังว่าเฉินเป่ยชวนจะเพียงแค่เอ่ยขึ้นเนื่องจากบันดาลโทสะเท่านั้น คงไม่บีบลู่กรุ๊ปเข้าสู่จุดจบจริง ๆ

ประสิทธิภาพการจัดการของเหยียนสือเซี่ยนั้นสุดยอดเกินกว่าที่เฉียวชูเฉี่ยนต้องการเสียอีก ขณะที่เลิกงานวันต่อมา เธอเดินออกมาจากตึกใหญ่ก็มองเห็นลู่ฉีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รถยนต์ SUV ยี่ห้อ BMW สีฟ้า

“คุณมาทำไมคะ ?”

เธอสาวเท้าเดินเข้าไป เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเฉินเป่ยชวนเมื่อวานนี้ต้องการที่จะแก้แค้นลู่ฉี เธอเป็นห่วงว่าหากทั้งสองคนเจอหน้ากันจะทำให้การแก้แค้นนี้เพิ่มทวีคูณขึ้น เธอจึงให้เหยียนสือเซี่ยไปเตือนสติเท่านั้น ครั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาเธอที่ Q&C เช่นนี้

“คุณเปลี่ยนงานแล้วทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะ เฉี่ยนเฉียน คุณไปทำงานที่ลู่ฉีได้นะ……”

อย่างน้อยสถานะของเฉี่ยนเฉียนเมื่ออยู่ใน Q&C แล้วก็มีแต่จะถูกบีบให้ออก เมื่อเจ็ดปีก่อนเขาช่วยเหลือเธอไม่ได้ ทว่าปัจจุบันนี้เขารับประกันได้ว่าเธอจะมีตำแหน่งที่สบายอยู่ในลู่กรุ๊ป

“ลู่ฉีขอบคุณคุณมากนะคะ แต่ว่าฉันชอบทำงานที่ Q&C มากกว่า” ไม่รอให้เขาเอ่ยจบ เฉียวชูเฉี่ยนก็เอ่ยปฏิเสธขึ้นมาทันควัน ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่เธอคุ้นเคยทุกประการ และมีคำตอบที่เธอต้องการด้วย

นัยน์ตาที่แวววาวมีความผิดหวังแวบผ่านเข้ามา ครั้นยังคงยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ผมสามารถเป็นคนแรกที่คุณขอความช่วยเหลือได้นะ”

คำพูดที่อบอุ่นทำให้เธออบอุ่นหัวใจ “ลู่ฉี คุณช่วยเหลือฉันมาเยอะมากแล้ว”

เจ็ดปีมานี้ เธอและจิ่งเหยียนมีเรื่องให้เขาช่วยเหลือไม่น้อยเลย ถ้าหากถามว่าเธอติดค้างผู้ใดนั้น ลู่ฉีจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน

“คุณรู้ว่าผมเต็มใจ”

แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้งทำให้เธอต้องเบี่ยงสายตามองไปอีกทาง และเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญเธอจึงรีบกล่าวตักเตือนเขาทันที “เฉินเป่ยชวนอาจจะแก้แค้นคุณ คุณจะต้องระวังตัวด้วยนะคะ”

เวลาต่อมาอยู่ ๆ ลู่ฉีก็จับมือเธอเอาไว้ เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยความขัดขืนเล็กน้อย ครั้นกลับมองเห็นเป็นนัยน์ตาอันแน่วแน่คู่นั้น “เฉี่ยนเฉียน ไม่ว่าเขาจะแก้แค้นผมยังไง ผมก็ไม่อยากล้มเลิกโอกาสที่จะจีบคุณไปหรอกนะ”

ตั้งแต่เด็กที่ไม่รู้เรื่องจนถึง 30 ปี เข้าชัดเจนดีว่าผู้หญิงที่ตนเองรักนั้นคือใคร

“……”

“ฉันต้องไปรับจิ่งเหยียนอีกค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”

เฉียวชูเฉี่ยนไม่ทราบว่าควรตอบรับความรู้สึกของเขาเช่นไรดี จึงทำได้เพียงชักมือตนเองกลับคืนมาโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ จากนั้นก็โบกมือขึ้นรถแท็กซี่ไปอย่างรวดเร็ว

ลู่ฉีทำได้เพียงจับจ้องมองเธอจากไปอยู่อย่างนั้น เฉี่ยนเฉียน การรักผม มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ ?

เสียงแจ้งเตือนว่ามีอีเมลเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นมา เขาเปิดอีเมลดู จึงมองเห็นอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน ขณะที่สายตามองเห็นเนื้อหาบนนั้นแล้ว คิ้วก็ขมวดเข้าหากันพร้อมบึ่งรถไปยังลู่กรุ๊ปทันที

“ท่านประธานลู่ กลับมาสักทีนะคะ”

เมื่อเลขาเห็นว่าเขากลับมาแล้วจึงรีบยื่นเอกสารให้เขาอย่างกระวนกระวายใจ และตัวอักษรอันใหญ่เบื้องหน้าของเอกสารทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ ?”

เหตุใดทางธนาคารจึงได้ระงับเงินทุนหมุนเวียน 80% ของพวกเขาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ?

“เมื่อสักครู่ฉันติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้วค่ะ เป็นเพราะพวกเขาได้ยินว่าโครงการที่มิลเลนเนียมพาร์คของเรามีส่วนที่ผิดกฎหมายค่ะ เพราะงั้นเพื่อเป็นการรักษาเงินกู้ที่ธนาคารของพวกเขา เลยระงับเงินทุนหมุนเวียนเราค่ะ”

สีหน้าของเลขาแลดูร้อนรนใจเป็นอย่างยิ่ง โครงการมิลเลนเนียมพาร์คมีส่วนที่ผิดกฎหมายจริง ๆ เพียงเพราะตอนนั้นแปลนที่ดินนี้เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ครั้นก่อนที่ประธานลู่คนก่อนจะเกษียรได้วางแผนที่ดินนี้เป็นอาคารสำนักงานพาณิชย์ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเป็นเรื่องปกติในบริษัทอื่น หลังจากที่ประธานลู่คนปัจจุบันเข้าดำรงตำแหน่งแล้วก็เร่งมือประสานงานกับแผนกที่เกี่ยวของสำนักงานออกแบบผังเมืองอย่างกะตือรือร้น เดิมทีเขาจัดการได้พอสมควรแล้ว ครั้นไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีข่าวคราวเช่นนี้เล็ดลอดออกมาอย่างกะทันหันได้

“ทางสำนักงานออกแบบผังเมืองว่ายังไงบ้าง ?”

ลู่ฉีมีสีหน้าที่กลัดกลุ้ม สองปีมานี้เขาติดต่อกับทางสำนักงานออกแบบผังเมืองอยู่ไม่น้อยครั้ง ครั้นดูเหมือนว่าจะมีคนเล่นแง่อยู่ข้างใน

“พวกเขาบอกว่าการวางแผนการใช้ที่ดินทั้งหมดในซั่นเป่ยต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ค่ะ”

เมื่อเอ่ยถึงคำตอบของทางสำนักงานออกแบบผังเมือง เลขาก็มีสีหน้าอันกลัดกลุ้มใจ ทั้งที่เมื่อก่อนผู้อำนวยการของสำนักงานออกแบบผังเมืองได้รับปากว่าจะเปลี่ยนแปลงให้แล้ว ครั้นบัดนี้อยู่ ๆ กลับแตกหักทำเหมือนไม่รู้จักกันเสียแล้ว

“ผมเข้าใจแล้ว คิดหาวิธีปิดกั้นข่าวสารในเรื่องนี้ก่อน ผมจะคิดหาวิธีจัดการเอง”

ผู้ที่สามารถทำให้สำนักงานออกแบบผังเมืองเปลี่ยนคำพูดได้อย่างกะทันหัน แถมยังสามารถทำให้ทางธนาคารทำการระงับเงินทุนหมุนเวียนโดยไม่แม้แต่แจ้งล่วงหน้าได้เช่นนี้ มีเพียงเฉินเป่ยชวนเท่านั้น

เมื่อนึกถึงคำตักเตือนของเฉี่ยนเฉียน สีหน้าของเข้าก็แสดงถึงความกลัดกลุ้มใจขึ้นมากยิ่งกว่าเดิม การแก้แค้นของเฉินเป่ยชวน มาอย่างรวดเร็วและรุนแรงจริง ๆ

“ประธานลู่คะ เกรงว่าเรื่องนี้คงระงับไว้ต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ”

เลขามีความลำบากใจเล็กน้อย เรื่องที่เกิดขึ้นโดยกะทันหันครั้งนี้จะต้องมีคนจงใจกระทำขึ้นมาแน่นอน ไม่มีโอกาสให้ได้หายใจเลยสักนิด

“คุณไปทำธุระก่อนเถอะ”

เฟิงฉิงรวมถึงสื่อทั้งหมดในซั่นเป่ย เฉินเป่ยชวนจะให้โอกาสกับตนในการรับมือต่อไปได้อย่างไร

เขากระตุกเนคไทด้วยความรู้สึกหงุดหงิด พยายามทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ให้ได้ เรื่องที่ควรเร่งรีบไปทำก่อนในตอนนี้คือติดต่อกับทางธนาคาร ให้พวกเขายกเลิกการระงับเงินเสียก่อน ไม่อย่างนั้นหากบริษัทไม่มีเงินทุนหมุนเวียน ต่อให้ไม่มีผู้ใดจงใจกดขี่ มันก็จะล้มละลายด้วยความรับไม่ไหวไปเองเป็นแน่

เมื่อเทียบกับความกระวนกระวายใจของประธานลู่แล้วนั้น ภายในห้องทำงานของเฟิงฉิง นัยน์ตาของเฉินเป่ยชวนเย็นชาเย่อหยิ่ง หลังจากที่ได้ยินการรายงานจากลูกน้องเสร็จสิ้นแล้ว ริมฝีปากอันบางเฉียบของเขาจึงฉีกขึ้นอย่างเย็นชา

เข้าควรจัดการลู่ฉีผู้นี้ไปตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อนแล้ว

เฉียวชูเฉี่ยน ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าสายตาของเธอย่ำแย่แค่ไหน ปล่อยผู้ชายที่ดีที่สุดไปไม่เห็นคุณค่า ดันไปหลงรักไอ้คนน่าไม่อายผู้อ่อนแอเสียได้

“ท่านประธานคะ เมื่อสักครู่นี้คุณหลินโทรเข้ามา ถามว่าตอนเที่ยงคุณว่างหรือเปล่า อยากจะทานข้าวเที่ยงกับคุณน่ะค่ะ ?”

เลขาเคาะประตูเดินเข้ามา สถานะของคุณหลินในตอนนี้เป็นถึงภรรยาของท่านประธานในอนาคต ครั้นเหตุใดเธอจึงคิดเสมอว่าความจริงแล้วท่านประธานไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่โทรเข้าห้องเลขาแบบนี้

“บอกไปว่าผมไม่ว่าง”

เฉินเป่ยชวนตอบกลับไปด้วยความเย็นชา ไม่มีแม้แต่ความลังเล เธออยากได้ตำแหน่งคุณนายเฉินเขาสามารถให้ได้ ทว่าสำหรับเรื่องอื่น เธอไม่สมควรคิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset