“ได้ค่ะ ฉันจะรีบตอบกลับคุณหลินค่ะ”
“จริงสิ ท่านประธานคะ เมื่อครู่นี้มีสายจากคนที่บ้านของท่านประธาน บอกว่านายผู้หญิงให้ท่านเลิกงานแล้วแวะไปหาสักหน่อยค่ะ”
คิ้วทรงดาบขมวดขึ้นเล็กน้อย คุณย่าไม่พอใจเรื่องที่เขากับหลินเฟยเอ๋อร์จะแต่งงานกันมาโดยตลอด เวลานี้ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว อารมณ์โกรธคงจะคลายลงแล้ว
“ผมรู้แล้ว”
หลังเลิกงาน เขาขับรถยนต์ยี่ห้อมายบัคออกจากลานจอดรถ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็มาถึงส่วนลานบ้านของคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉิน
“คุณชายใหญ่กลับมาแล้วหรือคะ?”
พอคนรับใช้เห็นเขากลับมาก็รีบมาช่วยเขาถือกระเป๋าเอกสาร “คุณย่ายังโกรธอยู่ไหม?”
“……คุณชายใหญ่ลองไปดูเองดีเถอะค่ะ”
คนรับใช้ลำบากใจไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านผู้หญิงพูดจาดีกับคนรับใช้ในบ้าน ปกติน้อยมากที่จะโกรธ แต่ครั้งนี้ดูท่าจะโกรธจริงๆ แล้ว หลายวันมานี้ท่านทานอาหารน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์เลยไม่ค่อยสู้ดี
เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วแล้วผลักประตูเดินเข้าไป ไม่ทันไรเสียงบอกความไม่พอใจก็ดังเข้ามาให้ได้ยิน “เด็กไม่รักดีรู้จักกลับมาได้แล้วหรือ!”
ท่านผู้หญิงนั่งอยู่ตรงโซฟา สีหน้าแย่กว่าครั้งก่อนมาก ดวงตาฉายอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัดว่าถ้าจะให้เธอยอมรับหลินเฟยเอ๋อร์เข้าบ้านดูท่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว!
“คุณย่าให้ผมกลับมาเอง ถ้าหากคุณย่าไม่อยากเจอผม ผมไปตอนนี้เลยก็ได้ครับ”
กำลังจะหมุนตัวเดินหนี ก็เจอเข้ากับหมอนที่โยนมาถูกหลังเอวเขา “เธอลองเดินออกดูสิ อย่าคิดว่าย่าแก่แล้วจะตีเธอจนขาหักไม่ได้!”
หลานสุดรักของเธอเป็นอะไรกันแน่ หรือจะหลงเสน่ห์หลินเฟยเอ๋อร์จนโงหัวไม่ขึ้น ถึงได้ทิ้งภรรยาเพื่อจะไปอยู่กับเขา
เฉินเป่ยชวนหันกลับมา แล้วเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟา “คุณย่า เรื่องงานแต่งงานของผมกับหลินเฟยเอ๋อร์เป็นที่แน่นอนแล้วและจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณย่าจะรับได้หรือไม่ครับ”
เจ็ดปีก่อน แม้ในใจเขาแทบอยากจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นใจจะขาด แต่กลับไม่คิดจะยกตำแหน่งคุณนายเฉินให้หญิงอื่น แต่เธอกลับไม่ทะนุถนอมมันเหมือนเคย ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องรอไปอีกเจ็ดปีแล้ว
ท่านผู้หญิงโมโหจนหน้ามืดตาลาย แต่เธอเข้าใจอารมณ์หลานตัวเองว่าเป็นอย่างไร จึงข่มความโกรธและอารมณ์ร้อนใจเอาไว้ก่อน เธอพยายามถอนหายใจออกมาเบาๆ “เป่ยชวน หลานบอกย่ามา ตกลงเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ คนอื่นไม่รู้ แต่ย่ารู้ดีว่าหลานมีใครอยู่ในใจ”
ทำไมถึงจะต้องแต่งงานกับหลินเฟยเอ๋อร์ให้ได้
“สิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจก็คือการแต่งงานกับหลินเฟยเอ๋อร์ครับ”
เมื่อพูดแทงใจเขา สายตาเฉินเป่ยชวนฉายความซับซ้อนออกมา คนที่อยู่ในใจเขาคือผู้หญิงคนนั้น แต่คนที่อยู่ในใจผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นชายอีกคน
“ทำไมย่าถึงมีหลานเฮงซวยแบบเธอได้ เฉินเป่ยชวน ย่าจะบอกเธออยู่อย่าง ถ้าหลานกล้าขอหลินเฟยเอ๋อร์แต่งงาน ย่าจะไม่ไปร่วมงานแต่งของพวกหลาน ตระกูลเฉินจะไม่ยอมรับสถานภาพของเขา ยังมีอีกหรือเธอไม่ต้องการสิทธิในการรับช่วงต่อบริษัทเฟิงฉิงแล้วหรือ?”
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นท่านผู้หญิงจึงได้ยกเรื่องสิทธิรับช่วงกิจการต่อมาข่มขู่ เว่ยชูหรงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดวงตาก็วาบขึ้น แทบอยากจะง้างคำตอบออกมาจากปากของเฉินเป่ยชวน
“คุณย่าแน่ใจนะครับว่าจะเอาของสิ่งนี้มาข่มขู่ผม?”
ไม่มีความกังวลใดๆ ต่อคำข่มขู่บนใบหน้าหล่อราวภาพสเก็ตซ์ “สมเป็นหลานตัวดีของย่าจริงๆ ในเมื่อหลานคิดดีแล้ว ย่าก็จะไม่บีบบังคับ แต่เธออย่าได้มาเสียใจในภายหลังแล้วกัน ยังมีอีกย่าจะไม่ไปร่วมงานแต่งของหลานกับยัยซุปเปอร์สตาร์นั่น ตระกูลเฉินของย่าก็จะไม่ต้อนรับยัยซุปเปอร์สตาร์เข้าบ้านเช่นกัน หลานไปเถอะ”
ยัยซุปเปอร์สตาร์อะไรนั่นเทียบไม่ได้กับยายหนูบ้านเธอแม้แต่นิ้วมือหนึ่ง ตกลงเป่ยชวนเป็นบ้าไปแล้วหรือเป็นอะไรไปกันแน่ ทำไมจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นให้ได้
“คุณย่าสบายใจได้ ผมจะไม่พาเธอมาที่นี่ครับ”
ร่างสูงโปร่งยืนขึ้น เฉินเป่ยชวนหน้านิ่งจนมองไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน หางตามองขึ้นไปทางห้องนอนของตนเอง หลินเฟยเอ๋อร์ยังไม่มีคุณสมบัติจะมาที่นี่
“ดี ดี หลานดีเสียจริง!”
เมื่อได้ยินเขาตอบกลับอย่างเร็ว สีหน้าของท่านผู้หญิงก็แย่กว่าเมื่อครู่หลายส่วน อีกหน่อยถึงเจ้าเด็กหน้าเหม็นคนนี้จะมากอดน่องขาเธอร้องไห้ เธอก็จะไม่ช่วยเขา
เว่ยชูหรงมีสีหน้าหดหู่ ยายแก่หนังเหนียว เห็นๆ อยู่ว่าใจยังโอนเอียงไปทางเฉินเป่ยชวนอยู่ เธอจะต้องหาทางวิธีทำให้จิ้นถงมีสิทธิในการสืบทอดตระกูลเฉินให้จงได้
ในขณะเดียวกัน เฉินจิ้นถงกำลังดื่มไวน์ Château Lafite-Rothschild ปี 82 ซ้ายขวารายล้อมไปด้วยหญิงสาวสวยหยาดเยิ้มที่กำลังหว่านเสน่ห์ใส่ชายหนุ่มอย่างเต็มที่ แต่ทว่านัยน์ตาภายใต้แว่นตาของเขายังคงปรากฎรอยยิ้มบางๆ ของผู้มีการศึกษาออกมา
เมื่อพยายามอยู่นานเขาก็ยังไม่หวั่นไหว ในที่สุดหญิงสาวสวยหยาดเยิ้มที่ล้อมรอบตัวเขาก็ชักสีหน้าทันที จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปหาเป้าหมายอื่น โดยไม่รู้ว่าขณะที่ตัวเองหมุนตัวเดินออกไป สายตาที่บ่งบอกถึงคนมีการศึกษาก็เปลี่ยนเป็นอึมครึม
เฉินจิ้นถงเทไวน์ใส่แก้วของตัวเอง อีกไม่กี่วันเฉินเป่ยชวนก็จะแต่งงานกับหลินเฟยเอ๋อร์แล้ว ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีคนมาขัดขวางเขาเพื่อให้ได้เฉียวชูเฉี่ยนอีกต่อไป!
ริมฝีปากที่คล้ายคลึงกับเฉินเป่ยชวนยกขึ้นอย่างพิกล ตอนที่แต่งงานสานสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฉินและตระกูลเฉียว คนที่เฉียวชูเฉี่ยนเลือกไม่ใช่เขา เขาจะให้เธอเข้าใจว่าการตัดสินใจผิดพลาดมันเป็นอย่างไร และจะทำให้เธอรู้ว่าการตัดสินใจที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไรอีกด้วย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฉินจิ้นถงมองไปที่หน้าจอแล้วกดรับโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม
“ว่ามา”
“คุณเฉิน หลินเฟยเอ๋อร์เริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ คาดว่าคงจะดำเนินการในวันแต่งงานครับ”
เสียงแหบแห้งดังขึ้นมาในโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “ผู้หญิงคนนี้ยังคงเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ”
เรื่องในครั้งก่อนตอนที่โทรหาเขาก็ดูเหมือนจะสติแตกแล้ว หากรอจนถึงงานแต่งก็น่าจะถึงขีดจำกัดของเธอ
“จะให้หยุดเธอไหมครับ?”
“ทำไมต้องหยุดด้วย?”
เมื่อเจอคำถามของลูกน้อง เขาก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเย้ยหยันในฉับพลัน ความผิดพลาดบางอย่างในเมื่อจะแก้ไขใหม่ก็ควรแก้ไขให้หมดจด สิ่งที่ติดมากับความผิดพลาดนั่นก็ต้องถูกกำจัดทิ้งไปพร้อมๆ กัน
“ครับ ผมรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรครับ”
เขาตัดสายทิ้งทันที เฉินจิ้นถงยกแก้วไวน์ขึ้นตรงหน้า มุมปากที่ยกขึ้นดูอึมครึมพิกล “เฉียวชูเฉี่ยน ในเมื่อเฉินเป่ยชวนเชื่อว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา ก็สู้ให้เขาสูญเสียไปตลอดกาลเลยไม่ดีกว่าหรือ”
ยุติความผิดพลาดทั้งหมดถึงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ถูกต้องได้ มิใช่หรือ?
สื่อประจำเมืองซั่นเปยดูจะอึกทึกครึกโครมเกือบทั้งนั้น แทบจะนับเวลาถอยหลังเพื่อรอดูงานแต่งงานระดับโลกกัน หัวข้อข่าวในแต่ละวันก็หนีไม่พ้นเฉินเป่ยชวนกับหลินเฟยเอ๋อร์สองชื่อนี้ แต่เฉียวชูเฉี่ยนกลับไม่ได้ไปสนใจอะไรมาก
เห็นได้ชัดว่างานใหม่ไม่ได้ราบรื่นเหมือนสมัยทำที่ MR นั่น การกีดกันจากเพื่อนร่วมงานเอย คำซุบซิบนินทาจากทุกสารทิศเอย คำพูดเสียๆ หายๆ ที่เข้ามาตลอดเหมือนจะทดสอบความอดทนของเธอ
หากไม่เป็นเพราะจะสืบหาความจริงของตระกูลเฉี่ยวในปีนั้น เกรงว่าเธอคงหน้าไม่หนาขนาดที่จะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่นี้ต่อไป
“บางครั้งฉันก็เลื่อมใสเขานะ ประธานเฉินจะแต่งงานอยู่แล้ว เธอยังใจเย็นมาทำงานนี่ได้”
“หรือไม่จริง เวลานี้ก็ต้องทำหน้าหนาๆ เข้าไว้ ไม่อย่างนั้นจะให้ถูกคนไล่ออกจากบ้าน โดนทิ้งอย่างน่าเวทนาได้หรือ แม้กระทั่งงานที่ทำให้ตัวอุ่น อิ่มท้องก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว”
ถึงประตูห้องทำงานจะปิดอยู่แต่ก็หลบไม่พ้นเสียงนกเสียงกาจากด้านนอกอยู่ดี เธอเลยเปิดประตูทำงานทุกวัน ไม่กี่วันต่อมาก็พบว่าพวกผู้หญิงปากยาวๆ พวกนั้นก็ยังคงพูดวนเวียนไม่ต่างจากเดิม
“จริงสิ พวกเธอได้ยินเรื่องนั้นไหม บริษัทกิ๊กของเขาดูเหมือนจะเจอปัญหาใหญ่ ใกล้จะปิดตัวอยู่แล้ว”
“ตระกูลลู่นั่นนะหรือ?”
พวกผู้หญิงที่อยากรู้อยากเห็นก็รีบมารวมตัวกัน หัวข้อข่าวในช่วงสองวันนี้ล้วนเสนอข่าวความคืบหน้าในการเตรียมงานแต่งระดับศตวรรษทั้งนั้น มีเพียงสื่อเล็กๆ บางส่วนที่ได้เสนอข่าวสองฝ่ายที่ใกล้จะถูกสาธารณชนละเลยออกมา