ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 123 จรรยาบรรณในวิชาชีพ

เธอกำนิ้วมือของตัวเองเอาไว้แน่น จากนั้นก็ยืดตัวตรงเดินเข้าไป

“คุณผู้หญิงมีนัดหรือเปล่าคะ?”

“ฉันมาพบเฉินเป่ยชวนค่ะ”

พอถูกพนักงานหญิงที่อยู่ส่วนต้อนรับหยุดไว้ เธอก็พูดด้วยความอายจนอยากจะมุดลงดินไป

ทั่วเมืองซั่นเป่ยต่างรู้ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว แล้วยังรู้ด้วยว่าเฉินเป่ยชวนและหลินเฟยเอ๋อร์กำลังจะแต่งงานกันในอีกสองถึงสามวันข้างหน้า แต่เธอคนที่ควรจะหลบไปไกลๆ กลับมาหาอดีตสามีตัวเองที่โรงแรมในเวลาที่คลุมเครือเช่นนี้

หากถูกกระจายข่าวออกไปเธอคงรู้สึกเหลือเชื่อมาก

“คุณเฉียว ประธานเฉินรอคุณอยู่ที่ห้อง Presidential Suite เลขที่ 1818 ชั้นบนสุด นี่คือคีย์การ์ดค่ะ”

ในมือเธอมีคีย์การ์ดปั๊มทองเคมาเพิ่มอีกหนึ่งใบ จากนั้นเฉียวชูเฉี่ยนจึงได้แต่ก้าวเท้ายาวๆ เข้าลิฟต์ไปโดยเร็ว แม้เธอจะให้กำลังใจตัวเองไม่หยุดตั้งแต่คุยโทรศัพท์แล้ว แต่พอใกล้จะถึงเวลาจริงๆ เธอยังคิดที่จะก้าวถอยหลังแล้วหลบหนีไปอยู่ดี

ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก เธอบีบคีย์การ์ดในมือแล้วสอยเท้าสั้นๆ ไปหยุดอยู่หน้าห้อง 1818 สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถึงจะหยิบคีย์การ์ดมาเปิดประตูเดินเข้าไป

เฉินเป่ยชวนน่าจะมาถึงตอนดึกๆ เพื่อปล่อยให้เธอรอจนทนไม่ได้กระมัง

แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ ไฟในห้องพักที่เปิดสว่างอยู่ กับเฉินเป่ยชวนที่มีสีหน้าเกียจคร้านกำลังยืนสูบซิการ์อยู่ข้างเตียง ตามพื้นที่อยู่ด้านข้างมีเสื้อผ้าถูกโยนทิ้งไปทั่ว

ทั้งบนเตียงนอนใหญ่ที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะมีคนนอนมาก่อนแล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีร่องรอยการกลิ้งไปมาอย่างดุเดือดอีกด้วย

เธอเก็บกดความเจ็บปวดไว้ในใจ คิดจะก้าวถอยหลัง แต่สายตาของชายหนุ่มที่ยืนริมหน้าต่างกลับล็อคตัวเธอเอาไว้ราวกับเป็นสัตว์ที่กำลังถูกไล่ล่า

“ดีมาก ยังมีจรรยาบรรณในวิชาชีพที่ควรมีอยู่ด้วย”

คำพูดถากถางที่ปล่อยออกมาทำให้เฉียวชูเฉี่ยนหน้าซีด จะรีบทำให้เธอต้องขายหน้าเร็วไปแล้ว ให้เวลาค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเสียหน่อยก็ไม่ได้

“เรื่องของลู่กรุ๊ป คุณต้องการให้ทำอย่างไรถึงจะยอมปล่อยมือคะ?”

นิ้วมือหดเกร็งอยู่ด้านหลัง แต่เมื่อก้าวเท้าแรกออกมาแล้วก็จะไม่ยอมให้ตัวเองถอยหลังกลับอีกต่อไป

“งั้นก็ต้องดูว่าเธอยอมทุ่มเทเพื่อลู่ฉีได้แค่ไหน”

เฉินเป่ยชวนเดินจากริมหน้าต่างเข้ามาหา ชุดนอนผ้าไหมแท้บนตัวราวกับถูกย้อมด้วยสีดำดั่งคืนที่เหน็บหนาวและเงียบเหงาจากภายนอก ทั้งเข้มข้นและอันตราย

“คุณคิดจะให้ฉันทำอะไรค่ะ?”

นิ้วมือแทบจะพันกัน เธอกัดฟันจนกล้ามเนื้อที่ฟันเจ็บไปหมดแล้ว ถึงจะบังคับตัวเองไม่ให้ถูกแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาทำให้เซถอยไปด้านหลัง แต่หัวใจที่เต้นแรงมาก่อนหน้านี้เริ่มจะเต้นรัวจนบังคับไม่อยู่เสียแล้ว

เธอถึงขั้นไม่รู้ถึงความอับอายขั้นสูงสุดว่ามันเป็นอย่างไร เธอรักเฉินเป่ยชวนมาสิบปีแล้ว แต่กลับมองผู้ชายคนนี้ไม่ออกเลย

“ถอดเสื้อผ้าแล้วนอนลงซะ”

เสียงที่เย่อหยิ่งและเย็นชาดังขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้เธอแทบจับอารมณ์เขาไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ดูราวกับเป็นคำสั่งง่ายๆ แค่นั้น

เฉียวชูเฉี่ยนเงยหน้าขึ้น ตอนที่เฉินเป่ยชวนเอ่ยชื่อโรงแรมหวงจยาออกมาเธอก็พอจะนึกออกแล้วว่าเขาจะสร้างความอับอายให้ตัวเองอย่างไร แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำเกินจากสิ่งที่ตัวเองจิตนาการเอาไว้มากนัก

ที่นี่เพิ่งผ่านฉากที่ร้อนแรงไปหมาดๆ ไม่ว่าจะเป็นหลินเฟยเอ๋อร์ก็ดี หรือผู้หญิงแปลกหน้าก็ตาม แค่เธอมองเตียงนี้เธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียนไปหมดแล้ว อย่าพูดถึงจะเธอนอนลงไปเลย

“ผมไม่ชอบเอาเวลามาทิ้งไว้กับเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ คุณเลือกได้ว่าจะปล่อยให้ลู่กรุ๊ปเจ๊งแล้วปิดตัวลง หรือจะให้ผมปล่อยตัวลู่ฉีไป”

เฉินเป่ยชวนอาศัยช่วงตัวที่สูงกว่าชายตามองลงมาที่ตัวเธออย่างโอหัง ริมฝีปากบางๆ ที่เย็นชาและเหี้ยมโหดวาดโค้งขึ้นทำให้ใจเธอราวกับถูกฉีกให้เป็นแผลบาดลึก

“คุณไม่กลัวว่าที่ภรรยาจะเสียใจหรือคะ?”

เฉียวชูเฉี่ยนไม่รู้ว่าทำไมตัวเองยังไปคิดถึงความรู้สึกของหลินเฟยเอ๋อร์ขึ้นมาได้ บางทีเธออาจจะต้องการหาเหตุผลที่สองมาหยุดเฉินเป่ยชวนก็ว่าได้

เสียงหัวเราะเยาะที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดและอันตรายดังก้องไปทั่วห้องกว้าง “คุณไม่ต้องกังวลแทนเขาไปหรอก ผมไม่ได้มีความรักนอกสมรสเสียหน่อย ก็แค่นอนกับผู้หญิงง่ายๆ ที่ใช้เงินมาแลกผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกันก็เท่ากัน มีอะไรให้ต้องเสียใจกันล่ะ”

“หรือคุณคิดว่าคุณนอนบนเตียงนี้แล้วจะส่งผลต่อเรื่องการแต่งงานระหว่างผมกับเขาได้?”

เขาบีบคางเฉียวชูเฉี่ยนให้เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่แทบจะไม่มีสีเลือดอยู่แล้วถูกบังคับให้สบตากับเขา เขาเปรียบตัวเธอเป็นหญิงสาวที่ร่วมหลับนอนเพื่อแลกกับเงินอย่างนั้นหรือ!

เธอบังคับน้ำตาไม่ให้ไหลผ่านเบ้าตาลงมา “ทำให้ฉันต้องอับอายเช่นนี้ คุณคงมีความสุขมากใช่ไหมคะ?”

เสียงสั่นๆ ดังออกมาจากลำคอ เธอคิดว่าตัวเองได้เตรียมใจรับความอับอายมาแล้ว แต่กลับพบว่ามันยังห่างไกลอยู่มากนัก

“คุณให้เกียรติตัวคุณเองไปแล้ว”

เฉินเป่ยชวนพูดเสร็จก็หยิบกล่องยาเล็กๆ ออกมาจากตู้ข้างๆ เฉียวชูเฉี่ยนไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่หลังจากที่ได้เห็นฉลากยาที่อยู่หน้ากล่อง ดวงตาเธอก็เต็มไปด้วยความตกใจ

“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนี้ เมื่อครู่คุณไม่ได้คิดอยากให้มีผมความสุขหรอกหรือ ผมมีความสุขได้ แต่จำเป็นจะต้องให้คุณทุ่มเทมันออกมาให้เต็มที่ด้วย”

กล่องยาถูกส่งมาให้เธอ คิ้วที่แข็งแกร่งก็เลิกขึ้น หางตาบ่งบอกความเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด

ไม่คาดว่าเขาจะเตรียมยาปลุกอารมณ์สำหรับผู้หญิงมาด้วย!

“เฉินเป่ยชวน นี่ก็ค่าตอบแทนที่คุณจะยอมปล่อยลู่ฉีและลู่กรุ๊ป ถูกต้องไหมคะ?”

น้ำตาไหลทะลักออกมาจากใต้ตาเธออย่างหนัก อับอายเสียจนสั่นเบาๆ ไปทั้งตัว ความอับอายเช่นนี้ทำให้เธอแทบอยากจะฆ่าคน แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้แล้ว ความรู้สึกอับจนหนทางได้กลืนกินไปจนหมดแล้ว

ทำไมเขาต้องทำกับเธอแบบนี้

“ใช่”

คำพูดเย็นๆ หนึ่งคำทำให้เลือดในกายเธอแข็งตัวขึ้น ไม่มีคำศัพท์ใดๆ สามารถบรรยายความโกรธและความทรมานใจออกมาได้

“หวังว่าคุณจะรักษาคำพูดของตัวเอง”

สายตาเธอมองไปทางอื่น แล้วหยิบยาเม็ดเล็กๆ เนื้อละเอียดจากในกล่องออกมา จากนั้นก็กลืนลงไปโดยไม่ต้องดื่มน้ำ เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นิ้วที่สั่นเทาของเธอมาแตะตรงกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเอง

อยู่มาสามสิบปี เป็นครั้งแรกที่เข้าใจว่าคนผู้หนึ่งสามารถโหดร้ายได้มากขนาดไหน

เฉินเป่ยชวนมองด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย มีอาการสั่นน้อยๆ บนใบหน้าที่หล่อราวรูปปั้นแกะสลัก เขาไม่เร่งเร้าแต่ก็ไม่ห้ามอะไร เหมือนเป็นผู้ชมคนหนึ่งที่กำลังเพลิดเพลินอย่างเงียบๆ กับภาพเคลื่อนไหวที่อยู่ตรงหน้า

เสื้อตกลงบนพื้นพรมโดยปราศจากเสียงใดๆ แต่เธอกลับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังแตกร้าว เจ็บปวดถึงเพียงนั้น

นิ้วมือของเฉียวชูเฉี่ยนหยุดลงในขณะที่กำลังจะถอดกระโปรง ลูกกระเดือกของเฉินเป่ยชวนขยับโดยไม่ตั้งใจ “ถอดให้หมด”

ชิ้นผ้าบนตัวที่เหลืออยู่คือเกียรติยศเล็กๆ ชิ้นสุดท้ายของเธอ เธอกัดฟันแล้วค่อยๆ ถอดออก เสมือนเธอกำลังถอดเกียรติยศทั้งหมดบนตัวออกแล้วโยนลงพื้น เพื่อปล่อยให้เขาเหยียบย่ำมันลงไป

เฉียวชูเฉี่ยนหลับตาปี๋ จู่ๆ เธอก็หวังให้ตัวเองในตอนนี้เป็นดั่งร่างกายที่ไร้จิตวิญญาณ ไม่อยากจะตื่นมาเผชิญกับความอัปยศที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ผมไม่ได้ให้คุณมาปิดตาแล้วเสพสุขนะ”

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset