เฉินเป่ยชวนนอนลงบนเตียงตามไปด้วย ต้องควบคุมตนเองเอาไว้บ้างจึงจะสามารถทำให้ไม่เลยเถิดไปไกล
“ในเมื่อคุณกลับมาแล้วก็ควรรู้ว่าต้องทำอะไร”
บาดแผลที่อยู่ในจิตใจถูกฉีกขาดอย่างแรงจนลึกขึ้นกว่าเดิม อดไม่ได้ที่จะอยากบีบคอเขาแล้วถามว่าเหตุใดเขาจึงต้องทำเช่นนี้กับตน เหตุใดต้องเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอเช่นนี้ด้วย ครั้นเธอทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
น้ำตาที่อดกลั้นมาตลอด ในเวลานี้ควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป มันได้ไหลรินลงมาจากหางตาอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ฉันไม่ชอบเห็นหน้าตาตอนคุณร้องไห้เสียใจ ไม่พอใจเหรอ ? ไม่พอใจก็ออกไป”
น้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดดุดันพร้อมความหึงหวงทำให้เขาต้องกัดฟันแน่น ดวงตาและคิ้วที่เย็นชาเดิมทีควรดูสวยงามนั้นมีความรู้สึกเคียดแค้นอันแรงกล้าผุดขึ้นมา “เฉียวชูเฉี่ยน คุณหาเรื่องใส่ตัวเองนะ”
……
เฉียวชูเฉี่ยนไม่ทราบว่าตนเองนอนหลับไปนานเท่าไร เธอทราบเพียงว่าขณะที่ตนตื่นขึ้นมานั้นท้องฟ้าใกล้จะมืดลงแล้ว เธอมองไปรอบด้านด้วยความสะลึมสะลือ กลับไม่เห็นเงาร่างของเฉินเป่ยชวนเลย
เขากลับไปก็ดีแล้ว อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องถูกย่ำยีศักดิ์ศรีจากนั้นก็ถูกดูหมิ่นซ้ำอีก
เธอลงมาจากบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นก็ลากผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ถ้าหากเธอกลับไปด้วยสภาพในตอนนี้ของเธอ สือเซี่ยและจิ่งเหยียนจะต้องเป็นห่วงอย่างมากเป็นแน่
เธอเปิดก๊อกน้ำของอ่างอาบน้ำออก กระแสน้ำอุณหภูมิอุ่นห่อหุ้มความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอ ทำให้ความเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาดนั้นดีขึ้นมาบ้าง
เธออาบน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำชำระล้างร่างกายตนเองให้สะอาด เมื่อมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เดินผิดปกติจนเกินไป จึงหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่ ครั้นหางตากลับเหลือบไปให้เงินกองหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
“ค่าบริการของเธอ”
บนกระดาษสีขาวมีตัวอักษรสีดำซึ่งเต็มไปด้วยความเย็นชาของผู้ที่เขียนมัน เฉียวชูเฉี่ยนขยำแผ่นกระดาษนั้นเป็นก้อนกลม พร้อมทั้งอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา
เธอทิ้งเงินและกระดาษไว้ในถังขยะข้าง ๆ จากนั้นก็ยื่นมือเปิดประตูห้องออก อยากที่จะหนีออกจากห้องที่ทำให้เธอหดหู่จนหายใจไม่ออกนี้เต็มทน
ครั้นขณะที่เปิดประตูออกมานั้น ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านนอกทำให้เธอมีความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เหตุใดหลินเฟยเอ๋อร์จึงได้มาอยู่หน้าประตูได้
“เลขาเฉียว ฉันจะแต่งงานกับเฉินเป่ยชวนอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าคุณยังตัดใจไม่ลงที่จะปล่อยตำแหน่งคุณนายเฉินไปสินะ”
บนใบหน้าของหลินเฟยเอ๋อร์มีรอยยิ้มอันฝืนใจผุดขึ้นมา ครั้นนิ้วมือที่บีบกระเป๋าอยู่กลับต้องการที่จะบีบคอผู้หญิงเบื้องหน้านี้ให้ตายไปเสีย เมื่อคืนนี้เธอโทรหาเป่ยชวน ต้องการยืนยันเมนูอาหารวันแต่งงานกับเขาอีกครั้ง ครั้นกลับไม่มีคนรับสาย
เธอจึงใช้ให้คนไปตรวจสอบตำแหน่งโทรศัพท์ของเฉินเป่ยชวน จึงทราบว่าเขาอยู่ที่โรงแรมหวงจยา
อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะต้องแต่งงานกันแล้ว ครั้นสามีในอนาคตของเธอกลับมามั่วกับผู้หญิงคนอื่นที่โรงแรม เธอนอนไม่หลับทั้งคืน พอเวลาเช้าตรู่จึงควบคุมตัวเองไม่อยู่จนต้องพาตัวเองมายังโรงแรมแห่งนี้ เธอต้องการที่จะยืนยันว่าผู้ที่อยู่กับเป่ยชวนเมื่อคืนนี้เป็นใคร ? ใช่เฉียวชูเฉี่ยนหรือไม่
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอจริง ๆ !
ผู้หญิงคนอื่นเธอไม่สนใจก็ได้ ต่อให้เฉินเป่ยชวนไปมีเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงคนอื่นทั้งคืน อย่างมากก็เป็นแค่หญิงขายบริการที่ใช้เงินซื้อมาก็ได้ ครั้นเฉียวชูเฉี่ยนเหมือนกัน
“ฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดแล้วละค่ะ ฉันอวยพรพวกคุณจากใจจริง หวังว่าคุณนายเฉินและคุณเฉินจะรักกันตลอดไป”
เมื่อคืนนี้ เธอไม่ยินยอมให้ความรู้สึกของตัวเองเย็นชาลง ครั้นบัดนี้มันได้แข็งไปแล้ว
“เฉียวชูเฉี่ยนหยุดเดี๋ยวนี้นะ !”
หลินเฟยเอ๋อร์ดึงเธอที่กำลังจะเดินออกไปเอาไว้ทันที นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ในเมื่ออวยพรให้พวกเรา ก็อย่าได้แจ้นไปยั่วยวนเป่ยชวนบนเตียงอีก ไม่อย่างนั้นคุณก็เป็นนังเมียน้อยน่าไม่อาย”
ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะรอจนเฉินเป่ยชวนยินยอมได้ เธอไม่มีวันให้ใครหน้าไหนมาทำลายเป็นแน่
เฉียวชูเฉี่ยนกลับไม่ได้โกรธเคือง อยู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา “ใช่ค่ะ ฉันยั่วยวนเฉินเป่ยชวนจริง ๆ แถมเขายังให้ฉันทานยาปลุกอารมณ์เพื่อมายั่วยวนเขาโดยเฉพาะด้วย ในฐานะคู่หมั้นฉันสงสารคุณจับใจจริง ๆ คุณทานยาแล้วก็ยังทำให้เขาสนใจไม่ได้ใช่ไหมคะ เพราะงั้นเขาเลยนัดฉันมาเปิดห้องที่โรงแรมแบบนี้”
ศักดิ์ศรีและร่างกายถูกทำลายทิ้งไปพร้อมกันแล้ว อยู่ ๆ เธอก็ไม่สนสติสัมปชัญญะ รู้เพียงว่าตนต้องการที่จะระบายออกมาอย่างรุนแรงเท่านั้น ต่อให้เห็นเพียงใบหน้าอันซีดเซียวของหลินเฟยเอ๋อร์เธอก็รู้สึกว่าสะใจแล้ว
เหมือนอย่างที่คิด สีหน้าของหลินเฟยเอ๋อร์เปลี่ยนไป เป่ยชวนเรียกเธอมาที่โรงแรม แถมให้ยาปลุกอารมณ์ที่เธอเพิ่งเอ่ยเมื่อสักครู่นี้……
เรื่องราวที่หวาดกลัวอยู่ในใจราวกับเกิดขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว สีหน้าของเธอซีดเซียวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ผู้คนที่อยู่ในซั่นเป่ยต่างก็คิดว่าเธอเอาชนะภรรยาเก่าของเฉินเป่ยชวนได้และกำลังจะแต่งงานเข้าสู่ตระกูลเศรษฐี ครั้นมีเพียงตัวเธอเท่านั้นที่เข้าใจดีว่าเธอไม่อยู่ในใจของเฉินเป่ยชวนเลย
“ถ้าคุณอยากชื่นชมศึกต่อสู้ของคู่หมั้นตัวเอง คุณเข้าไปเพลิดเพลินข้างในได้นะคะ รบกวนหลีกไปด้วย !”
เธอใช้แรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดในร่างกาย สะบัดแขนที่ถูกจับกุมไว้ออก จากนั้นก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินจากไป
หลินเฟยเอ๋อร์มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเธอ แววตาเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นขึ้นมา
เหยียนสือเซี่ยไม่ได้ซักไซ้ถามว่าเมื่อคืนนี้เธอไปไหนมาอย่างเหนือความคาดหมาย ส่วนจิ่งเหยียนเธอเลือกที่จะใช้กำโกหกอันสุจริตบอกเขาไป เดิมคิดว่าเรื่องนี้จะผ่านไปกับความเงียบและคำโหกแล้ว ครั้นลู่ฉีกลับมาหาเธอด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้
“เกิดเรื่องขึ้นกับลู่กรุ๊ปอีกแล้วใช่ไหม ?”