ก่อนที่จะพูดออกไป เฉียวชูเฉี่ยนทำใจไว้แล้วว่าจะถูกปฏิเสธ
แต่ใครจะคิดว่าหลิวหนานจะพยักหน้ารับหลังจากตรึกตรองอยู่เพียงครู่เดียว “เผอิญผมว่างพอดี คงมีเวลาคุยกับคุณสัก 20 นาที”
เฉียวชูเฉี่ยนรีบคว้าโอกาสนี้เชิญประธานหลิวไปนั่งคุย และทั้งสองคนก็เดินเคียงคู่กันไปยังที่นั่งที่จัดไว้ใกล้ๆ
เธอไม่รู้เลยว่า มีสายตาคมกริบคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาจากทางด้านหลังอย่างไม่วางตา และแทบจะบีบแก้วให้แหลกคามือ
เฉินเป่ยชวนทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ถามอย่างระวังว่า “ท่านประธานเฉินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เฉินเป่ยชวนเบนสายตากลับมา สีหน้าเฉยเมย ตอบนิ่งๆ ว่า “ไม่มีอะไร”
เฉียวชูเฉี่ยนนำเอกสารสัญญาและปากกามาด้วย สิ่งที่พูดแทบจะตรงตามข้อเรียกร้องในสัญญาเป๊ะๆ เธอก้มตัวลงเล็กน้อยและวางแขนพาดไว้บนโต๊ะกระจก โดยที่มีสายตาของหลิวหนานเหล่มองที่บริเวณเนินอกของเธอ
ยิ่งมองนานๆ สายตานั้นก็ยิ่งดูแปลกๆ
“ประธานหลิว ฉันพูดจบแล้วค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนโน้มตัวขึ้นมาแล้วยกมือขึ้นเสยผมทัดหู ใบหน้าที่งดงามอยู่แล้วเมื่ออยู่ใต้แสงไฟยิ่งดูน่าหลงใหลและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น “ถ้าท่านคิดว่ามีจุดไหนยังบกพร่องบอกได้เลยนะคะ ฉันจะกลับไปคุยกับเจ้านายให้ค่ะ”
ประธานหลิวทำเป็นหยิบสัญญาขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจและทำท่าเหมือนพอใจ
เขาพยักหน้า “จริงๆ เงื่อนไขที่บริษัท MR ของพวกคุณเสนอมาก็ไม่เลว แต่ตอนนี้พวกคุณล้มละลายแล้ว การร่วมงานกับพวกคุณจึงมีความเสี่ยงสูง”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวลค่ะ MR จะไม่ล้มละลายแน่นอน” เฉียวชูเฉี่ยนยิ้มอย่างเชื่อมั่น
“ตอนนี้ MR ได้ท่านประธานเฉินเป่ยชวนมารับช่วงต่อ ฉันเชื่อว่าประธานหลิวคงรู้ศักยภาพของประธานเฉินดี ในวันข้างหน้า MR จะต้องเหนือกว่าบริษัท Diamond Pictures อย่างแน่นอนค่ะ”
หลิวหนานชะงักไปนิดหนึ่ง พูดเย้าๆ ว่า “คุณดูเชื่อมั่นในตัวท่านประธานของคุณจริงๆ นะ”
“ประธานเฉินเป็นคนมีความสามารถ พวกเราทุกคนในบริษัทต่างเชื่อมั่นในความสามารถของท่านประธานค่ะ ในฐานะที่เป็นเลขา เป็นธรรมดาที่ดิฉันจะต้องเชื่อมั่นในความสามารถของท่านให้มากยิ่งขึ้น”
“เลขาเฉียวเป็นคนฉลาดพูดจริงๆ ในที่สุดประธานเฉินของพวกคุณก็เจอผู้ช่วยดีๆ เสียที” หลิวหนานพูดอย่างเบิกบาน เขาเรียกบริกรและสั่งไวน์แดงมาสามขวด
หลังจากบริกรนำไวน์แดงที่เปิดแล้วสามขวดมาเสิร์ฟ หลิวหนานจึงชี้ไปที่ไวน์เหล่านั้น แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่เฉียวชูเฉี่ยน
“ขอเพียงแค่เลขาเฉียวดื่มไวน์สามขวดนี้หมด ผมจะเซ็นต์สัญญานี้ให้ทันที!”
คิ้วเรียวของเฉียวชูเฉี่ยนขมวดเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบายใจ
ประธานหลิวประวิงเวลาอยู่เป็นนานเพียงเพื่อวางแผนจะใช้สัญญานี้บังคับให้เธอดื่มเหล้างั้นหรือ?
เมื่อเห็นว่าเฉียวชูเฉี่ยนไม่พูดอะไร ประธานหลิวจึงกระแอมเบาๆ และขอโทษยิ้มๆ “ถ้าเลขาเฉียวดื่มไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นี่ก็เกือบจะยี่สิบนาทีแล้ว ผมยังมีธุระต่อ ต้องขอตัวไปทางนั้นก่อนละ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะดื่ม!” เฉียวชูเฉี่ยนกัดฟันพูดและหยิบไวน์มารินใส่แก้วของตัวเองจนเต็ม
ไวน์แดงไม่ใช่เหล้าขาวดีกรีสูงจนถึงกับจะทำให้เธอกลัวได้
เฉียวชูเฉี่ยนดื่มไวน์แดงทีละแก้วๆ ตรงหน้าหลิวหนาน การดื่มไวน์อย่างเอาเป็นเอาตายนี้ทำให้คนอื่นๆ ในงานพากันมองอย่างแปลกใจ คิดว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่าถึงดื่มไวน์ราวกับเป็นน้ำเปล่าแบบนี้
แม้แต่เฉินเป่ยชวนที่ยืนอยู่ในมุมลับตาคนก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเย็นชาจนน่ากลัว
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เฉียวชูเฉี่ยนก็ดื่มไวน์แดงหมดทั้งสามขวด
นอกจากผิวแก้มทั้งสองข้างที่กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ เธอยังมีสติดีมาก ส่งเอกสารสัญญาและปากกาให้หลิวหนาน “ฉันดื่มไวน์ครบสามขวดแล้ว รบกวนประธานหลิวรักษาสัญญาที่ให้ไว้ด้วยนะคะ”
สีหน้าของหลิวหนานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะยังมีสติดีหลังจากดื่มไวน์หมดไปสามขวด
แต่ในเมื่อพูดไปแล้ว จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเซ็นสัญญาอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว หลิวหนานก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ เฉียวชูเฉี่ยน ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีเงาสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งพาดทับเข้ามา พร้อมกับความรู้สึกคล้ายกับว่ามีไอเย็นยะเยือก จนทำให้รู้สึกหนาวสั่นจับขั้วหัวใจ
“ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ประธานหลิว”
เสียงทุ้มต่ำนั้นทำให้ร่างกายของเฉียวชูเฉี่ยนสั่นสะท้าน เธอรีบก้มหน้าเก็บสัญญาใส่ลงไปในกระเป๋า ลุกขึ้นและรีบก้าวออกไปจากตรงนี้อย่างซวนเซ