วันต่อมา
ครืด ครืด ครืด… เสียงโทรศัพท์สั่นดังรบกวนอยู่ข้างหูของเฉียวชูเฉี่ยนไม่หยุด
เธอยื่นมือออกมาจากใต้ผ้าห่ม
ทันทีที่คว้าโทรศัพท์ได้แล้วกดรับสาย เสียงของผู้หญิงที่อยู่ปลายสายก็ดังขึ้นมาก่อนอย่างน้อยใจ “เป่ยชวน เมื่อคืนทำไมคุณไม่บอกฉันว่าจะไม่ไปที่ร้านอาหาร ฉันรอคุณอยู่ตั้งสี่ชั่วโมง”
เป่ยชวน?
เฉิน – เป่ย – ชวน?!
คำพูดของหลินเฟยเอ๋อร์ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นเต็มตา ตัวแข็งทื่อ
ถ้าอย่างนั้น… โทรศัพท์ที่อยู่ในมือเธอตอนนี้เป็นของเฉินเป่ยชวนงั้นหรือ?
ขณะนั้นเองก็มีเสียงฮึมฮัมอย่างอึดอัดดังขึ้นจากเบื้องหลัง เมื่อเปิดผ้าห่มออกดูก็แทบจะพลัดตกจากเตียง
เฉียวชูเฉี่ยนไม่มีเวลามาสนใจหลินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังพูดอยู่ทางปลายสาย เธอนั่งคุกเข่าอย่างงุนงงอยู่บนพรมขนสัตว์ ในหัวคิดได้เพียงอย่างเดียว… เธอนอนกับเฉินเป่ยชวน… อดีตสามีของเธอ!
“เป่ยชวน คุณอย่าโกรธนะคะ”
หลินเฟยเอ๋อร์คิดว่าเฉินเป่ยชวนโกรธเพราะสิ่งที่เธอพูด จึงรีบบอกว่า “ถ้าคุณยุ่งจนมากินข้าวไม่ได้ก็น่าจะบอกฉันหน่อย ฉันจะได้ไม่ต้องรอนานขนาดนี้”
เวลานี้โทรศัพท์ในมือของเฉียวชูเฉี่ยนกลายเป็นเหมือนมันเผาร้อนๆ จนเธอต้องตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็ว
อาจเป็นเพราะเสียงกระทบกันกรุ๊งกริ๊งของกำไลและสร้อยข้อมือ หลินเฟยเอ๋อร์จึงจับได้และจิตใจก็พลุ่งพล่าน
หลินเฟยเอ๋อร์ที่สวมเครื่องประดับมาตลอดรู้ทันทีว่าเสียงนั้นมาจากผู้หญิง เมื่อเกิดระแวงว่าเป็นผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ เธอก็กินอาหารเช้าไม่ลง รีบบอกให้คนขับรถขับรถพาไปที่ทะเลสาบหมิงเยว่
เมื่อรถตู้ของเธอมาถึงทะเลสาบหมิงเยว่ก็เจอเข้ากับลินดาที่บัญเอิญมาส่งเอกสารพอดี
ลินดาทักทายหลินเฟยเอ๋อร์อย่างสุภาพ “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหลิน ทานข้าวเช้าหรือยังคะ?”
หลินเฟยเอ๋อร์ตอบรับสั้นๆ อย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้ฉันรีบมาเลยไม่ได้เอากุญแจมาด้วย เธอช่วยเปิดประตูให้ทีสิ”
ความจริงเธอไม่มีกุญแจอะไรทั้งนั้นเพราะเฉินเป่ยชวนไม่เคยให้กุญแจอพาร์ตเมนต์แก่เธอ
ลินดารู้ว่าเจ้านายของตนมีความสัมพันธ์อย่างไรกับนักแสดงสาวผู้นี้ เมื่อหลินเฟยเอ๋อร์พูดแบบนี้เธอจึงไม่สงสัยอะไร หยิบกุญแจมาเปิดประตูให้แล้ววางเอกสารในมือไว้ตามปกติอย่างที่เคยทำ “งั้นฉันไปก่อนนะคะคุณหลิน”
“ไปเถอะ ฉันจะไปทำอาหารเช้าให้เป่ยชวน”
หลินเฟยเอ๋อร์กล่าวแล้วเดินเข้าไปในครัว แสร้งทำเป็นแม่ศรีเรือนผู้เพียบพร้อม
ทว่าหลังจากที่ลินดาออกไปแล้ว สีหน้าของเธอก็ตึงขึ้นและรีบวิ่งไปที่ชั้นบนทันที
ประตูห้องนอนถูกเปิดแง้มไว้อยู่แล้ว หลินเฟยเอ๋อร์แค่ผลักเบาๆ ประตูก็เปิดออก
ผ้าม่านภายในห้องถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง บนเตียงใหญ่ที่ยับย่นมีเฉินเป่ยชวนนอนหลับสนิทอยู่โดยมีผ้าห่มปกปิดตั้งแต่ช่วงเอวลงมา
กลิ่นอายของการแสดงความรักที่ยังหลงเหลืออยู่จากเมื่อคืนทำให้หลินเฟยเอ๋อร์กำมือแน่นจนร่างกายเกรงไปทุกส่วน
เธอนึกว่าเมื่อคืนเฉินเป่ยชวนยุ่งมากจนไม่ได้ไปตามนัด ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเขาจะพาผู้หญิงอื่นมาที่นี่!
ด้วยความกลัวว่าเฉินเป่ยชวนจะตื่น หลินเฟยเอ๋อร์จึงอยู่ในห้องนอนเพียงครู่หนึ่งก็เดินออกไป
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันถึงกล้ามาแย่งผู้ชายของหลินเฟยเอ๋อร์คนนี้!
หลินเฟยเอ๋อร์เหลือบไปเห็นซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะกาแฟเข้าพอดีขณะที่เดินลงมาผ่านห้องนั่งเล่น แววตาที่เป็นประกายหรี่ลงนิดหนึ่งก่อนจะโผเข้าไปทางนั้น
เฉินเป่ยชวนไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของของเขาโดยพลการ หลินเฟยเอ๋อร์รู้ดีและไม่เคยยุ่งกับเอกสารหรือสิ่งใดๆ ของเขาเลย แต่ว่าก่อนที่ลินดาจะกลับไปเธอกำชับถึงสามครั้งว่าอย่าแตะต้องของของเฉินเป่ยชวน จนทำให้หลินเฟยเอ๋อร์เริ่มสงสัย
หากไม่ใช่เอกสารลับที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องย้ำขนาดนี้
หลินเฟยเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจหยิบซองเอกสารนั้นขึ้นมา แกะเชือกเปิดออกดูก็เห็นว่าในนั้นไม่มีสิ่งของอะไรนอกจากกระดาษบางๆ สองแผ่น จึงล้วงมือหยิบออกดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
มันคือรายงานผลการทดสอบดีเอ็นเอของลูกและผู้ปกครอง
กรุณาส่ง : เฉินเป่ยชวน
ที่ด้านล่างสุดของผลทดสอบแนบตัวเลขอ้างอิงของการตรวจสอบดีเอ็นเอมาด้วย
‘อัตราความถูกต้องที่ทั้งคู่มีความสัมพันธ์เป็นบิดาและบุตร เท่ากับร้อยละ 99.6’ หลินเฟยเอ๋อร์อ่านข้อความบรรทัดนี้แล้วรู้สึกหน้ามืด ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรงทั้งที่ยังถือรายงานอยู่
เฉินเป่ยชวนแอบไปมีลูกชายหรือ…?
เป็นไปไม่ได้… เธอรู้จักเฉินเป่ยชวนมานาน ไม่เคยเห็นเขามั่วกับผู้หญิงคนไหนเลย แล้วอยู่ๆ เขาจะมีลูกชายได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมที่ผู้หญิงคนเมื่อคืนจะเป็นคนที่ให้กำเนิดลูกของเขา?
หลินเฟยเอ๋อร์ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน
เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าความฝันที่อยากจะร่ำรวยและมีอำนาจของเธอแหลกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้วหรือ
เหวินเหวินผู้เป็นผู้จัดการซึ่งหลินเฟยเอ๋อร์ขอให้ไปซื้ออาหารเช้ามาให้ ถือถุงอาหารร้อนๆ เข้ามาในห้อง เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเศร้าซึมของหลินเฟยเอ๋อร์ก็รีบวางอาหารลงและวิ่งเข้าไปถาม “คุณเฟยเอ๋อร์ เป็นอะไรไปหรือเปล่า”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง” หลินเฟยเอ๋อร์กัดฟันพูดขณะที่กำผลตรวจดีเอ็นเอในมือแน่น “ไม่นึกเลยว่าเฉินเป่ยชวนจะแอบไปมีผู้หญิงคนอื่น แถมยังมีลูกชายอีกคน…”
เหวินเหวินที่ยื่นศีรษะไปเพ่งมองเนื้อหาในเอกสารนั้นถึงกับตกตะลึงไปเช่นกัน
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ประธานเฉินจะมีลูกชายแล้ว?!
“อย่ากังวลไปเลยคุณเฟยเอ๋อร์” เหวินเหวินพูดอย่างลังเล เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง “ในเมื่อประธานเฉินต้องการตรวจดีเอ็นเอ แสดงว่าเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของเขา ไม่ดีกว่าหรือถ้าเราทำแบบนี้…”
เหวินเหวินโน้มลงมากระซิบบอกบางอย่างที่ข้างหูของหลินเฟยเอ๋อร์ ทำให้สีหน้าที่หมดหวังของเธอดูฮึกเหิมขึ้นมาทันที คว้ามือเหวินเหวินมากุมไว้แน่น
“ถ้าคุณไปจัดการให้ฉันตอนนี้ ทันทีที่งานเสร็จฉันจะจ่ายให้ทันทีสามแสน!”
เงินสามแสนหยวนทำให้เหวินเหวินใจเต้นไม่เป็นส่ำ พยักหน้ารับเกือบจะทันที “แต่คุณเฟยเอ๋อร์คะ นี่อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก คุณจำเป็นต้องถ่วงเวลาประธานเฉินเอาไว้!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะถ่วงเวลาให้เอง!”
หลังจากเหวินเหวินออกไปอย่างรีบร้อนพร้อมผลดีเอ็นเอ หลินเฟยเอ๋อร์ก็หยิบกระจกในกระเป๋าออกมาเติมลิปสติกเพิ่มและเช็คใบหน้าว่าดูดีหรือยัง สีหน้าปรากฏแววของความเชื่อมั่น
ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของผู้หญิงคนไหนก็ตาม เธอไม่มีวันปล่อยให้เขาได้เป็นลูกของเฉินเป่ยชวนเด็ดขาด
หลินเฟยเอ๋อร์อุ่นนมและจัดอาหารเช้าที่เหวินเหวินซื้อมาให้ใส่จาน เธอใส่ถาดยกขึ้นไปชั้นบนในจังหวะที่เฉินเป่ยชวนลุกขึ้นมาแต่งตัวพอดี รอยขีดข่วนที่เห็นบนแผ่นหลังกว้างทำให้เธอกัดฟันแน่น ควบคุมตัวเองไม่อยู่จนเกือบจะโยนถาดในมือทิ้ง
รูปร่างของชายหนุ่มตรงหน้าดีพอๆ กับหุ่นนายแบบ ไหล่กว้าง เอวคอด โดยเฉพาะช่วงขาที่ยาวและกระชับ
ทำให้รู้สึกเจริญตาเจริญใจ
เฉินเป่ยชวนชักสีหน้าเมื่อเหลือบไปเห็นหลินเฟยเอ๋อร์ตรงเข้ามาโดยไม่เคาะประตู เขารีบดึงผ้าขนหนูมาคาดรอบเอวไว้ น้ำเสียงเจือไปด้วยความขุ่นมัว “คุณเข้ามาได้ยังไง?”
“ตอนที่ฉันมาถึง บังเอิญเจอลินดามาส่งเอกสารพอดี” หลินเฟยเอ๋อร์ยิ้มอย่างอ่อนหวาน เธอวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะหวายนอกระเบียงและยังคงชายตามองไปที่เฉินเป่ยชวน
เฉินเป่ยชวนหยิบกางเกงขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างใจเย็น
หลินเฟยเอ๋อร์เตรียมเสื้อสูทและเนคไทไว้ให้ รอจนเขาล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย เขย่งเท้าช่วยเขาผูกเนคไทราวกับว่าเป็นภรรยาที่เพียบพร้อม “สวมเนคไทสีน้ำเงินแบบนี้ ฉันว่ามันดูดีมากเลย”
“วันนี้ไม่ต้องออกงานหรือ ถึงมาที่นี่เช้าขนาดนี้” เฉินเป่ยชวนมองเธอด้วยหางตา กางแขนออกเพื่อให้เธอช่วยสวมเสื้อสูทให้ “ครั้งหน้าอย่าเข้ามาโดยพลการอีก ผมไม่ค่อยชอบ”
หลินเฟยเอ๋อร์เม้มริมฝีปากแน่น เอื้อมมือไปโอบเอวเขาจากทางด้านหลัง พูดอย่างอ่อนหวานว่า “เป่ยชวน… ฉันแค่อยากดูแลคุณให้มากขึ้น ถ้าคุณเต็มใจ ฉันก็ยินดีจะละทิ้งอาชีพการแสดงและคอยเป็นคนที่สนับสนุนคุณอยู่เบื้องหลัง”
เฉินเป่ยชวนดึงมือของเธอออกแล้วหันกลับไปหา ใช้นิ้วเรียวยาวจับคางของเธอไว้ สีหน้าเหมือนจะยิ้ม
“เฟยเอ๋อร์ คุณสวยขนาดนี้ ถ้าหากว่าหยุดแสดง คุณรู้ใช่ไหมว่าแฟนๆ คงจะเสียใจมาก?”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการปฏิเสธเธออย่างสุภาพ!