ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 2 พบกันโดยบังเอิญที่ร้านอาหาร

ณ ร้านอาหาร Sana Zoan——

ทันทีที่พนักงานเสิร์ฟส่งเมนูอาหารมาให้ เฉียวจิ่งเหยียนก็ยื่นมือป้อมๆ มาดึงเมนูไป แต่หลังจากที่พลิกไปได้สองสามหน้า เขาก็ขมวดคิ้วราวกับไส้เดือนตัวน้อยๆ

“หม่ามี๊ ทำไมมาที่นี่ก็ยังเป็นสเต็กฟัวกราส์ราดซอสล่ะครับ……ตอนอยู่อเมริกาพวกเราทานกันจนเบื่อแล้วนะครับ!”

“……โธ่” เฉียวชูเฉี่ยนชำเลืองตาไปมองลู่ฉี จากนั้นก็ดึงเมนูอาหารในมือเฉียวจิ่งเหยียนไป “คุณสั่งเถอะค่ะ จิ่งเหยียนไม่ค่อยรู้ความ อย่าไปสนใจเลยค่ะ”

ลู่ฉียิ้มด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน “ไม่เป็นไรครับ กับผมไม่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยอะไรมาก คุณก็รู้ สำหรับผมแล้วจิ่งเหยียนก็เปรียบเสมือนลูกของผม”

คำพูดนี้ชวนให้เสียดแทงหัวใจผู้อื่นเหลือเกิน พนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงด้วยความอับอาย จากนั้นก็ชำเลืองมองไปทางชายหนุ่ม

เฉียวชูเฉี่ยนก็หน้าแดงเช่นกัน เธอไม่กล้ามองตาลู่ฉีตรงๆ จึงรีบหยิบเมนูอาหารส่งให้พนักงานเสิร์ฟ “ขอ French steak สองชุด ชุดอาหารสำหรับเด็กหนึ่งชุด เพิ่มฟัวกราส์หนึ่งที ขอบคุณค่ะ”

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟเดินไป ลู่ฉีก็รินน้ำชาหนึ่งถ้วยผลักไปตรงหน้าเฉียวชูเฉี่ยน และถามเธอว่า “กลับมาคราวนี้คุณคิดจะทำอะไรต่อไปหรือครับ?”

“ทางสำนักงานใหญ่ส่งฉันมาทำงานที่บริษัท M&R ในฐานะเลขานุการของประธานบริษัทนะค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ลู่ฉีขมวดคิ้ว “M&R นั่นมันบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์เล็กๆ ที่กำลังจะปิดตัวไม่ใช่หรือครับ?”

เธอไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “คือทางนั้นเอาเงินก้อนสุดท้ายมาลงทุนกับทางสำนักงานใหญ่ของพวกเราที่อเมริกา โดยขอให้ทางเราส่งทีมงานมาเป็นกำลังสำคัญที่ซั่นสุ่ย และคนที่ถูกเลือกคนนั้นก็เป็นฉัน บังเอิญไหมละคะ?”

ขณะที่เฉียวชูเฉี่ยนกำลังพูดอยู่ได้มีพนักงานเสิร์ฟเข้ามารินน้ำร้อน จากนั้นก็ขยับไปยืนด้านข้างเหลือช่องว่างเอาไว้ให้เล็กน้อย

ในเวลาเดียวกันนี้ ตรงระเบียงทางเดินอันเงียบสงบซึ่งอยู่ไมไกลนัก ได้มีเงาคนจำนวนสองสามคนกำลังเดินมาอย่างเร่งรีบ ปะปนมาด้วยเสียงรองเท้าหนังดังกระทบพื้น สวบ สวบ อย่างทรงพลัง

และเสียงรองเท้าส้นสูง

“คุณเฉินไม่ลองพิจารณาโปรเจคของพวกเราอีกสักครั้งหรือครับ? ดาราที่รูปงามมากความสามารถเพียบพร้อมอย่างเฟยเอ๋อร์ พวกเราจะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้เธอแน่นอนครับ และหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่มีแววรุ่งที่สุดของเราเชียวนะครับ” ชายวัยกลางคนในชุดสูทลักษณะคล้ายผู้จัดการคนหนึ่งกำลังเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างเร็ว

“สิ่งที่พวกเราต้องการคือหนัง IP ติดกระแสขนาดใหญ่ที่ทรงคุณค่า ไม่ใช่หนังขายเนื้อหนังที่สวยแต่รูป แต่ภายในกลวงโบ๋นะครับ”

เฉินเป่ยชวนที่มือหนึ่งสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง อีกมือหนึ่งกำลังคีบซิการ์ติดไฟอยู่ ส่วนหญิงสาวที่กำลังโอบแขนเขาอยู่ข้างๆ ก็คือหลินเฟยเอ๋อร์ หนึ่งในสี่นางฟ้าของวงการบันเทิงแห่งยุค

เงาแสงสีเหลืองอ่อนตกกระทบผ่านใบหน้านวลผ่องราวกับหยกของเธอ ทิ้งให้เห็นเงาสันจมูกอันบอบบาง ริมฝีปากอวบอิ่มฉ่ำวาบ และขนตาที่แน่นฟูบนเปลือกตา

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความภูมิใจ สำหรับเธอแล้วชายที่เธอกำลังโอบแขนอยู่นั้นเป็นชายหนุ่มที่สง่างามและโดดเด่นที่สุดของเมืองซั่นเป่ยแห่งนี้

“หนังของพวกผมจะเรียกว่าหนังขายเนื้อหนังไปได้อย่างไรกันครับ แม้ในบทจะมีฉากบนเตียงอยู่สองสามฉาก แต่ทุกวันนี้ต่างก็นิยมหนังประเภทเผยเนื้อหนังกันทั้งนั้นมิใช่หรือครับ? ผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ไม่เหมาะสมเลยนะครับ!” ชายวัยกลางคนยังคงพูดไม่รู้จบ

เฉินเป่ยชวนเหมือนจะไม่ได้ฟังคำพูดของเขา เขาพ่นควันซิการ์ออกมาเป็นวงจางๆ กลับกลายเป็นหลินเฟยเอ๋อร์ที่หยุดเท้าอยู่ตรงนั้น

เธอเอียงศีรษะไปด้านข้าง พูดอย่างขำขันออกไปว่า “ประธานหวัง หรือคุณยังไม่เข้าใจความหมายของเป่ยชวนอีกหรือคะ? ฉันกับเป่ยชวนมีความสัมพันธ์กันแบบไหน เขาจะยอมให้ฉันไปเล่นหนังหรือละครที่มีฉากบนเตียงได้อย่างไรล่ะคะ?”

‘เป่ยชวน’ สองคำนี้ฟังดูสนิทสนมเหลือจะเปรียบ ทำให้ชายวัยกลางคนตกตะลึงไปชั่วขณะ

หรือว่าหลินเฟยเอ๋อร์กับเฉินเป่ยชวนจะมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น?

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset