ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 21 กุหลาบสีน้ำเงิน

ห้องทำงานของเฉียวชูเฉี่ยนสะท้อนอยู่ในดวงตาเขา

บนโต๊ะที่ทำมาจากไม้แดงมีเครื่องคอมพิวเตอร์และชั้นวางเอกสารตั้งอยู่ ข้างๆ เครื่องคอมพิวเตอร์ยังวางต้นกระบองเพชรสองถึงสามกระถางเอาไว้เพื่อป้องกันรังสี สไตล์ห้องทำงานยังเป็นสีขาวที่ดูสง่าน่าเกรงขาม แต่พอเขาสะดุดไปเห็นกล่องสีม่วงๆ บนชั้นวางเอกสาร สายตาเขาก็อึมครึมขึ้นมา

เขารู้ว่าเฉียวชูเฉี่ยนชอบกุหลาบสีน้ำเงิน แต่หัวใจสำคัญคือ ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่ดูนุ่มนวลขนาดนี้ ใครส่งมากัน?

ทันใดนั้นก็มีคำสองคำผุดขึ้นในสมองของเฉินเป่ยชวน

ภายในชั่วพริบตา สีหน้าเขาก็ดูอึมครึมจนน่ากลัว เขาต่อสายภายในแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมออกไปว่า “ลินดา ผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าผมแพ้กลิ่นดอกไม้ คุณดูให้หน่อยว่าห้องทำงานไหนมีดอกไม้บ้าง แล้วเคลียร์ออกทันที!”

จากนั้นเฉินเป่ยชวนก็วางสายไป ลินดาที่เพิ่งป้อนอาหารเข้าปากยังคงอึ้งจนเซ่ออยู่อย่างนั้น

ประธานเฉินแพ้ดอกไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เธอไม่รู้เลยจริงๆ!

ในเวลาไล่เลี่ยกัน เฉียวชูเฉี่ยนที่เพิ่งไปซื้ออาหารกลางวัน รวมถึงกาแฟที่เฉินเป่ยชวนอยากดื่มก็ได้มาถึงที่บริษัท

เธอนำของเข้าไปในห้องทำงานเขา: “กาแฟอเมริกาโน่อุ่นๆ เพิ่มน้ำตาลหนึ่งก้อน ติดมือมาด้วยอาหารกลางวันหนึ่งที่สำหรับคุณค่ะ ลดน้ำส้มสายชูและพริกให้แล้ว คุณซดน้ำซุปก่อนแล้วค่อยทานอาหารนะคะ”

พอพูดติดกันเป็นพรืดจบ เฉียวชูเฉี่ยนถึงรู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไป จึงรีบวางของแล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ

เฉินเป่ยชวนจ้องดูถุงอาหารที่ซื้อมาบนโต๊ะ ในใจนั้นปฏิเสธแต่มือกลับยื่นออกไปอย่างไม่เชื่อฟัง เขาหยิบกล่องอาหารออกมาด้วยสีหน้าที่ดูคลุมเครือ

เวลาใกล้จะเลิกงาน เฉียวชูเฉี่ยนได้โทรหาลู่ฉี บอกให้เขาไปรอเธอที่บ้านตระกูลเฉียวเลย เดี๋ยวเธอจะขับรถกลับไปเอง

ตอนที่ลู่ฉีกลับเข้ามา เขาได้หิ้วของขวัญมาจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเครื่องบินบังคับวิทยุและโมเดลเรือรบจำลอง เฉียวจิ่งเหยียนชื่นชอบเป็นอย่างมาก เขาจูบหนักๆ ไปที่หน้าลู่ฉี “คุณอาลู่ฉีดีที่สุดเลย!”

“งั้นเดี๋ยวตอนออกไปทานอาหาร จิ่งเหยียนช่วยอะไรคุณอาอย่างได้ไหมครับ?” ลู่ฉีลูบศีรษะเขาและแอบกระซิบเจ้าตัวน้อยไปสองคำ

เจ้าตัวน้อยพยักหน้าแรงๆ จากนั้นก็ยิ้มจนตาหยีออกมา “คุณอาลู่ฉีวางใจได้ครับ ผมจะช่วยคุณอาแน่นอน!”

เวลาหนึ่งทุ่มตรง เฉียวชูเฉี่ยนที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็พาเจ้าตัวน้อยติดรถของลู่ฉีมาด้วย จากนั้นก็มาถึงร้านอาหาร Gramsey

นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่สวยงามและหรูหราที่สุดร้านหนึ่งในใจกลางเมืองซั่นเป่ย ไม่ว่าโต๊ะ เก้าอี้ จานรวมไปถึงสิ่งของที่ปรากฏภายในร้านล้วนเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ บรรยากาศก็งดงามละเอียดอ่อน ร้านนี้ต้องจองล่วงหน้าสามวันถึงจะมีที่นั่ง

เมื่อนั่งลงแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา: “ฉี แค่ทานข้าว ไม่เห็นต้องเลือกร้านอาหารไฮโซแบบนี้เลยนี่คะ”

“รสชาติอาหารร้านนี้ไม่เลวเลยนะครับ” ลู่ฉียิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ส่งสายตามาที่เธอเพื่อจะบอกว่าควรจะสั่งอาหารซักหน่อย “ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผมสั่งให้ไหมครับ?”

เฉียวชูเฉี่ยนพยักหน้าตกลง

ลู่ฉีพลิกเมนูและสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว พร้อมไวน์ Château Lafite-Rothschild ปี 1989 อีกหนึ่งขวด

ไวน์แดงในถังน้ำแข็งสีเงิน ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศรีมฮาเก้นดาสแบบถ้วยรส

สตรอว์เบอร์รี

“ว้าว! คุณอาลู่ฉีผมรักคุณอาจังเลยครับ!”

เจ้าตัวน้อยส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ แล้วหยิบถ้วยไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีเข้ามา: “หม่ามี๊ชอบห้ามผมทานนั่น ห้ามทานนี่ ผมเศร้าใจมากเลยครับ”

เฉียวชูเฉี่ยนเหลือบมองเขา เธอทั้งโมโหทั้งขำ: “พูดอย่างไม่อายเลยนะเรา? ทุกครั้งที่ทานขนม ก็ไม่ยอมทานข้าว เธอดูขาผอมๆ ทั้งสองข้างของเธอซิ ท่าจะวิ่งตามสาวๆ วัยเดียวกันไม่ทันแล้ว”

“ไม่จริงสักหน่อย!” เจ้าตัวน้อยเถียงกลับแล้วทำปากจู๋ใส่: “สมัยเรียนอนุบาล ผมได้ถ้วยรางวัลวิ่งระยะไกลแปดร้อยเมตรติดต่อกันสองสมัยเลยนะครับ คุณครูยังชมว่าผมเก่งมากด้วย!”

“จริงเหรอ จิ่งเหยียนของเราเก่งที่สุดเลย” ลู่ฉีหัวเราะชอบใจ พร้อมพูดกำชับเขาว่า: “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตอนทานข้าวเราต้องเป็นเด็กดีด้วยล่ะ!”

เจ้าตัวน้อยส่งเสียงตอบรับ: “ได้เลย ผมจะฟังคำพูดของคุณอาลู่ฉีครับ!”

อาหารของร้านนี้เสิร์ฟเร็วมาก ไม่นานรายการอาหารที่สั่งก็ขึ้นโต๊ะจนครบหมดแล้ว

เฉียวชูเฉี่ยนกวาดตามองไปทั่วก็พบว่าเป็นของที่ตัวเองชอบทั้งหมด รวมทั้งของหวานสไตล์จีนดั้งเดิม——ขนมข้าวเหนียวโรยน้ำตาล

เจ้าตัวน้อยมักปล่อยคำพูดติดตลกไม่คำก็สองคำ ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนและลู่ฉีอดไม่ได้ที่จะกระเซ้าเย้าแย่ จากนั้นก็หัวเราะออกมา

บรรยากาศการรับประทานอาหารของโต๊ะนี้จึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน กลมกลืน และมีชีวิตชีวา

ขณะที่เฉียวชูเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นโดยยังมีรอยยิ้มจางๆ ติดอยู่บนใบหน้า ในเวลาเดียวกัน

บริกรหนุ่มได้เปิดประตูออก จากนั้นก็มีเงาร่างสูงยาวเข่าดีผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสาวงามที่ดูอรชรอ้อนแอ้นอีกผู้หนึ่ง

เมื่อได้เห็นรูปโฉมของชายหนุ่มอย่างชัดเจน รูม่านตาของเฉียวชูเฉี่ยนก็หดเล็กลงด้วยความตกใจ เธอรีบก้มศีรษะลงโดยเร็ว

เขา เขามาทานอาหารที่นี่ได้อย่างไร?

ลู่ฉีสังเกตเห็นมือของเฉียวชูเฉี่ยนที่กำลังจับมีดและส้อมอยู่มีอาการสั่น จึงหันไปมองก็เห็นบริกรหนุ่มกำลังพาเฉินเป่ยชวนที่กำลังจูงนางฟ้าหลินเฟยเอ๋อร์เดินมาทางนี้

ทั้งยังบังเอิญมานั่งอยู่ด้านหลังพวกเขาอีก

“มาเฉี่ยนเฉี่ยน ลองชิมซอสครีมเห็ดนี้ดูครับ” ลู่ฉีมองเพียงสองวินาทีก็ถอนสายตากลับมาทำเป็นมองไม่เห็น จากนั้นก็หันมาคีบอาหารให้เฉียวชูเฉี่ยนอย่างสนิทสนม “นี่คืออาหารขึ้นชื่อของที่นี่ครับ”

“……ค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนพยักหน้า

แต่ไม่ว่าเธอจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจก็ยังรู้สึกราวกับมีสายตาเย็นชาจับจ้องอยู่ตลอด ราวกับเธอกำลังนั่งอยู่บนกองไฟก็ไม่ปาน แม้อาหารจะเลิศรสซักเพียงใดก็ไร้รสชาติไปในทันที

โต๊ะทั้งสองอยู่ไม่ไกลกัน เฉียวชูเฉี่ยนจึงได้กลิ่นน้ำหอมบนตัวหลินเฟยเอ๋อร์

เป็นน้ำหอมรุ่นที่เธอเคยชอบ——ความฝันอันแสนหวาน

เมื่อสิบปีก่อนน้ำหอมแบรนด์ Lilian ได้เกิดเหตุกรณีพิพาทด้านสินทรัพย์ทำให้ล้มละลาย หมวดน้ำหอมมีแบรนด์จึงถูกคัดออกและในสายการผลิตของโรงงานต่างๆ ก็ได้หยุดผลิตน้ำหอมแบบซีรีย์มาเนิ่นนานแล้ว

หรือว่าเฉินเป่ยชวนเอาของๆ ฉันไปให้หลินเฟยเอ๋อร์ทั้งหมด?

ตอนที่เฉินเป่ยชวนเดินเข้ามา เจ้าตัวน้อยก็เห็นอยู่ก่อนแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใด และพอได้มาเห็นพวกเขานั่งอยู่ด้านหลังอีก จึงไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น เขาบ่นอุบอิบออกไปว่า: “คุณป้านั่นทาแป้งบนหน้าหนาอะไรแบบนั้น แล้วยังมองกันเข้าไปได้อีก ระวังจะจูบติดแป้งนั่นมาด้วย เหอะ!”

พอได้ยินใบหน้าของหลินเฟยเอ๋อร์ก็แข็งทื่อขึ้นมา ในใจแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

ไอ้เด็กผี ไอ้เด็กผี!

ทำไมมาทานข้าวที่นี่ก็ต้องมาเจอเจ้าลูกหมีนี่อีก?

เฉียวชูเฉี่ยนหันไปถลึงตาใส่ เธอใช้สายตาตักเตือนเจ้าตัวน้อย: “เฉียวจิ่งเหยียน หรือเราอยากหันหน้าเข้ากำแพงครับ?”

เจ้าตัวน้อยรีบก้มหน้าทานไอศกรีมถ้วยรสสตรอว์เบอร์รีโดยเร็ว

“เจ้าตัวน้อยแค่พูดพล่อยๆ อย่าไปถือสาเลยครับ” ลู่ฉีกล่าวยิ้มๆ จากนั้นก็หยิบทิชชู่ตรงหน้ายื่นมือไปเช็ดมุมปากของเฉียวชูเฉี่ยน “ดูซิไม่ระวังเอาซะเลย ซอสเลอะปากแล้วครับ”

เฉินเป่ยชวนกำลังพลิกดูเมนูอาหาร สายตาบังเอิญไปเห็นการกระทำอันแสนอบอุ่นของลู่ฉีเข้า ดวงตาของเขาจึงหดแน่น

“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนตกใจไปชั่วขณะ เธอรีบหยิบทิชชู่ในมือเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระดากอาย

จานอาหารหลักถูกเก็บไปหลังจากที่ทานเสร็จ จากนั้นบริกรหนุ่มก็เสิร์ฟขนมหวานสไตล์ตะวันตกจำนวนหนึ่งเข้ามา

และในเวลานี้เอง ไฟในร้านอาหารจู่ๆ ก็ดับหมด แต่มีโคมไฟติดผนังสีเหลืองนวลสว่างขึ้นมาแทนที่ ทำให้บรรยากาศโดยรอบโอบล้อมไปด้วยความอบอุ่น จากนั้นนักดนตรีกลุ่มหนึ่งก็เดินมายังฟลอร์เต้นรำขนาดย่อมบริเวณกลางร้าน

จังหวะที่เฉียวชูเฉี่ยนกำลังมึนงงอยู่นั้น ลู่ฉีที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วหันไปแสดงท่าทีเชื้อเชิญเธอ

“คุณผู้หญิงพอจะเต้นรำกับผมซักเพลงได้ไหมครับ?”

“ผมตอบตกลงแทนหม่ามี๊เองครับ ได้ ได้ค่ะ!” เจ้าตัวน้อยพูดอย่างตื่นเต้น แล้วผลักตัวเฉียวชูเฉี่ยน: “หม่ามี๊รีบไปเถิดครับ อย่าให้เสียเวลาดีๆ ไปนะครับ!”

“ดีนี่ พวกคุณสมรู้ร่วมคิดกันใช่ไหมคะ?” เฉียวชูเฉี่ยนพอรู้ว่าเจ้าตัวน้อยกับลู่ฉีร่วมมือกัน ก็ทั้งโมโหทั้งขำขัน เธอลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็วางบนมือลู่ฉี

เสียงดนตรีดังขึ้น เฉียวชูเฉี่ยนถึงรู้ว่าเป็นจังหวะแทงโก้

และยังเป็นเพลงชื่อ Assassin“sTango ซึ่งเป็นเพลงประกอบหนังจากเรื่องที่เธอชื่นชอบ《Mr.& Mrs.Smith》อีกด้วย

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset