หลินเฟยเอ๋อร์อดใจรอต่อไปไม่ไหว จึงรีบเปิดถุงออกเพื่อดูรูปที่อยู่ข้างใน จากนั้นก็ทำตาโตในทันที เฉียวชูเฉี่ยนกับเว่ยชูหรงไปอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
“ดูรูปต่อไปสิครับ ด้านหลังยังมีที่เด็ดกว่านี้อีก”
เซี่ยวเซิงพูดด้วยรอยยิ้ม อย่างที่คิดเธอดูต่อแล้วก็เห็นรูปเฉียวชูเฉี่ยนตบหน้าเว่ยชูหรง
หากเฉินเป่ยชวนและเฉียวชูเฉี่ยนมีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน เธอจะรู้จักกับเว่ยชูหรงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ดูท่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
“คุณอยากจะจัดการผู้หญิงแซ่เฉียวคนนี้ และไม่แน่ว่าเธอคือคนรักใหม่ของประธานเฉินสินะครับ?”
เซี่ยวเซิงหัวเราะแหะๆ ออกมา ผู้ชายก็เลวด้วยกันทั้งนั้น พอควงจนเบื่อก็อยากจะเปลี่ยนคน
“คุณอย่าพูดซี้ซั้วออกมานะ ฉันแค่…..แค่เห็นผู้หญิงคนนี้แล้วไม่สบายใจก็เท่านั้น” พอเขาพูดตรงกับที่ตัวเองกำลังกังวลอยู่ สีหน้าหลินเฟยเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
ไม่ว่าในเมืองซั่นเป่ยจะมีผู้หญิงที่พิชิตใจเฉินเป่ยชวนได้สักกี่คน แต่สุดท้ายเขาจะต้องเป็นของตนเท่านั้น
“งั้นก็จัดการง่ายแล้วครับ ขอเพียงภาพนี้ถูกปล่อยออกไป เฉียวชูเฉี่ยนผู้นี้ก็จะกลายเป็นคนที่ล่วงเกินผู้หญิงของตระกูลเฉิน ต่อไปจะทำอะไรก็คงลำบากแล้วล่ะครับ และด้วยนิสัยใจคอของเว่ยชูหรง เขาย่อมไม่ปล่อยเธอไปแน่”
คำพูดของเซี่ยวเซิงตรงกับความคิดหลินเฟยเอ๋อร์พอดี มุมปากเธอโค้งขึ้นเล็กน้อย แววตาเปล่งแสงที่สุขสกาวออกมา “ในเมื่อคุณคิดว่าทำเช่นนี้แล้วดี ก็รบกวนคุณช่วยจัดการเรื่องนี้ต่อเลยแล้วกันค่ะ คุณวางใจเถอะ ตามที่ฉันรับปากคุณไว้ จำนวนเงินสองแสนบวกเพิ่มอีกหนึ่งแสน และจะยังจะเพิ่มให้คุณอีก ถ้าหากคุณสามารถขุดคุ้ยข้อมูลอะไรขึ้นมาได้อีกค่ะ”
เซี่ยวเซิงเป็นคนละโมบโลภมากคนหนึ่ง ขอเพียงมีเงินให้เขาได้มากพอ เขาก็จะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่จนตัวเธอเองไม่รู้สึกเสียดายเงินที่เสียไป
“ผมก็ชอบผู้หญิงอย่างคุณนี่ล่ะ คุณวางใจเถอะ เรื่องความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ของเฉียวชูเฉี่ยนให้เป็นหน้าที่ของผมเองครับ”
พอเห็นเซี่ยวเซิงตบอกรับรอง รอยยิ้มของหลินเฟยเอ๋อร์ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น หากรูปนี้ถูกแพร่ออกไป เฉียวชูเฉี่ยนก็อยู่ยากแล้ว ส่วนเว่ยชูหรงก็จะทำให้ตระกูลเฉินต้องขายหน้า เมียน้อยคนหนึ่งคิดจะมาเป็นนายหญิงตัวจริงแห่งตระกูลเฉิน คุณไม่คู่ควร
สำคัญที่สุดก็คือ หากเฉินเป่ยชวนเกิดสืบได้ว่าเป็นเธอปล่อยข่าวออกไป เธอก็จะอ้างว่าไม่ชอบเว่ยชูหรง ถึงอย่างไรเว่ยชูหรงกับเฉินเป่ยชวนก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
เมื่อพบว่าแผนของตัวเองไร้ข้อบกพร่องใดๆ หางตาของหลินเฟยเอ๋อร์ก็โค้งขึ้น
เฉียวชูเฉี่ยน ฉันจะดูว่าเธอจะจัดการกับจุดจบของตัวเองในวันพรุ่งนี้อย่างไร
เฉียวชูเฉี่ยนพาเจ้าตัวน้อยไปทานอาหารจานด่วน เธอได้โยนเรื่องที่เกิดกับเว่ยชูหรงทิ้งไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าวันต่อมาเธอจะได้รับโทรศัพท์ปลิดชีวิตจากเหยียนสือเซี่ยแต่เช้าตรู่
“เช้าอะไรแบบนี้ เป็นทนายความเขาต้องนอนเช้าตื่นสายเพื่อฟื้นฟูเซลล์ที่กำลังบาดเจ็บกันทั้งนั้นมิใช่หรือ?”
เธอลืมตาขึ้นมาอย่างงงงวย อดไม่ได้ที่จะบ่นออกไป เมื่อคืนไม่รู้เป็นเพราะนอนไม่ถูกท่าหรือไม่ เธอฝันตลอดคืน ไม่ง่ายกว่าจะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาหน่อย ก็มาโดนเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นเสียแล้ว
“ยินดีด้วยที่เธอสามารถชิงข่าวหน้าหนึ่งแห่งวงการบันเทิงมาได้ และไม่แน่อาจดังทะลุจอในข่าวเดียวอีกด้วย”
เสียงหยอกล้อที่ดังผ่านหูโทรศัพท์ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนผงะไปทั้งตัว ข่าวหน้าหนึ่งของวงการบันเทิงอะไร อะไรคือดังทะลุจอในข่าวเดียว
“เปิดหน้าเว็บไซต์ดูเองสิ ถ้าโชคไม่ดีถูกตกเป็นจำเลย ฉันจะช่วยแนะนำเพื่อนร่วมงานที่ทำคดีฟ้องร้องประเภทนี้มาให้”
เหยียนสือเซี่ยที่อยู่ในสายเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังมึนๆ งงๆ อยู่ พอพูดจบเธอก็วางสายไป
เธอรีบเปิดเว็บไซต์โดยเร็วก็พบรูปตัวเองถูกถ่ายด้วยความละเอียดสูงปรากฏอยู่ในนั้น ยังมีสุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่งยืนเอียงไปทางด้านข้างและกำลังแสดงอาการตื่นตระหนกตกใจอยู่ หากไม่ใช่เว่ยชูหรงที่โดนเธอตบหน้า แล้วจะเป็นใครไปได้อีก?
“ทำไมถึงมีคนมาถ่ายได้ล่ะ?”
เธอบ่นพึมพำขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ นักข่าวพวกนี้ออกจะมหัศจรรย์ไปหน่อยแล้วกระมัง แค่ทานข้าวก็ถูกพบเห็นเสียแล้ว
เมื่อดูหัวข้อข่าวอย่างละเอียด ที่เขียนเอาไว้ว่า “ลูกสาวตกอับตบหน้าคุณหญิงมหาเศรษฐี” เฉียวชูเฉี่ยนแทบกระอักเลือดออกมา คำหยอกล้อนี้ช่างจริงใจเสียจริง
เพียงประโยคเดียวก็ตัดสินถูกผิดสูงต่ำระหว่างตนเองและเว่ยชูหรงออกมาได้แล้ว
เธออ่านเนื้อข่าวแล้วก็ไม่คิดจะดูคำวิจารณ์เกือบพันที่อยู่ด้านล่าง เท่ากับตัวเองกำลังมีปัญหาแล้วใช่ไหม
เธอเผลอดูเวลาบนโทรศัพท์มือถือก็ตีศีรษะตัวเองไปทีหนึ่ง แย่ล่ะ วันนี้เจ้าตัวน้อยต้องไปเรียนเป็นวันแรก
เธอรีบไปปลุกเจ้าตัวน้อยให้ลุกขึ้นมาล้างหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุด แล้วจับขึ้นรถไปอย่างชุลมุน เจ้าตัวน้อยตีสีหน้าไม่สบอารมณ์ “หม่ามี๊ อาหารเช้าแห่งความรักตามที่คุยกันเอาไว้ล่ะครับ?”
“……”
เฉียวชูเฉี่ยนทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่านาฬิกาปลุกจะปลุกเธอไม่ขึ้น ต้องโทษความฝันเมื่อคืนทำให้วุ่นไปทั้งคืน
“จิ่งเหยียนเด็กดีของหม่ามี๊ วันนี้หม่ามี๊ตื่นสายไปหน่อย พรุ่งนี้ได้ไหมจ้ะ พรุ่งนี้หม่ามี๊จะทำอาหารเช้าเยอะๆ เอาให้ลูกเลย”
“สายไปหน่อยที่ไหนกัน เห็นชัดๆ ว่าดึกมากเลยล่ะครับ” เฉียวจิ่งเหยียนมุ่ยปากอย่างเย่อหยิ่ง ต้องหิ้วท้องว่างไปเรียนตั้งแต่วันแรก เด็กที่ไม่ทานอาหารเช้าจะมีผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาได้
พูดเสียจนเธอไปไม่ถูกเลย จึงหันไปพูดกับคนขับแท็กซี่ที่นั่งอยู่ข้างหน้า “รบกวนโชเฟอร์ช่วยขับรถเร็วหน่อยนะคะ ลูกชายฉันไปเรียนวันแรก ไม่อยากไปสายนะค่ะ”
“ได้ครับ”
โชเฟอร์ตอบรับอย่างฉับไว จากนั้นก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วในทันที แล้วขับไปตามทิศทางเล็กๆ
เธอย่ำเท้าพาเจ้าตัวน้อยเข้าโรงเรียนทันเสียงกระดิ่งเข้าเรียน เฉียวชูเฉี่ยนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดูท่าแล้ววันหลังเธอต้องให้นาฬิกาปลุกปลุกทุกๆ ห้านาทีเสียแล้ว
ต่อมา เธอก็นึกไปถึงเรื่องข่าวล่าสุดระหว่างเธอกับเว่ยชูหรง คิ้วอันประณีตและสวยงามของเธอค่อยๆ ขมวดขึ้น ในเมื่อข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป เพื่อนร่วมงานในบริษัทก็คงเตรียมจะหัวเราะเยาะเธอแล้วกระมัง
หากเป็นเพราะเรื่องนี้แล้วทำให้เธอถูกไล่ออกจริงๆ ก็ไม่เลวนะ
เมื่อไตร่ตรองถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนก็เข้าบริษัทไปอย่างไม่ใส่ใจ ตั้งแต่เริ่มย่างเท้าเข้าประตูหมุน ร่างเธอก็ประหนึ่งมีแสงออร่าเปล่งออกมาดึงดูดสายตาผู้คนเป็นจำนวนน้อยเลยทีเดียว
“เธอว่าเขารนหาที่ตายหรือไม่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นเลขาท่านประธานเฉิน ไม่กี่วันนี่เองก็ไปตบหน้าคุณหญิงเฉินเสียแล้ว ฉันว่าเขาทำงานได้ไม่นานก็คงต้องเก็บข้าวของออกจากบริษัทแล้วล่ะ”
“ก็พูดยากนะ ฉันได้ยินมาว่าประธานเฉินของพวกเรากับคุณหญิงเฉินท่านนั้น ไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวจริงๆ” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดเสียงเบาๆ ออกไป ชาวเมืองซั่นเป่ยโดยส่วนใหญ่ต่างรู้กันว่าคุณหญิงเฉินท่านนี้เป็นภรรยาน้อย ไม่ใช่คุณแม่แท้ๆ ของเฉินเป่ยชวน
เฉียวชูเฉี่ยนรู้ดีว่าแต่ไหนแต่ไรมาสถานที่ที่มีผู้หญิงอยู่มาก ความขัดแย้งก็มีมากตาม ดังนั้นเธอจึงรีบเดินไปที่ลิฟต์ ทิ้งความคิดเห็นเหล่านั้นออกไปนอกลิฟต์
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นของห้องทำงาน ลินดาก็ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ “เลขาเฉียว ประธานเฉินเป็นคนยึดในหลักการเสมอค่ะ ตราบใดที่งานของคุณไม่มีข้อผิดพลาด ท่านคงไม่ไล่คุณออกหรอกค่ะ”
“ลินดา ขอบคุณค่ะ”
ยากนักที่จะมีคนที่ไม่เห็นเรื่องของผู้อื่นเป็นเรื่องตลก เธอจึงส่งยิ้มกลับไปด้วยความจริงใจ แต่เธอยังสงสัยคนที่ยึดในหลักการอย่างเฉินเป่ยชวนที่ออกมาจากปากของลินดา
เฉินเป่ยชวนเป็นผู้ชายที่อะไรก็สามารถทำได้ต่างหาก
กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง บังเอิญมู่ลี่บังตายังไม่ถูกดึงลงมา เธอจึงสแกนมองอย่างรวดเร็วไปที่ห้องทำงานของเฉินเป่ยชวน แต่กลับไม่พบหลังของผู้ชายคนนั้น
เวลานี้แล้ว เขายังมาไม่ถึงห้องทำงานอีกหรือ?
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเฉิน