“คุณย่าอย่าพูดอย่างนี้สิคะ สุขภาพคุณย่าดีขนาดนี้ จะ….”
เฉียวชูเฉี่ยนหยุดพูดแต่เพียงเท่านี้ คุณย่าดีกับเธอมากจริงๆ เธอจึงได้แต่หวังว่าคุณย่าจะมีชีวิตที่ยืนยาว
“ยายหนู ย่ารู้ว่าหนูเป็นห่วงย่า แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ มีคนคอยห่วงแบบนี้แค่พักหน่อยก็หายแล้ว”
ท่านผู้หญิงพูดพลางดึงมือเธอมากุมไว้ เฉียวชูเฉี่ยนนิ่งงันไปนิดหนึ่ง คุณย่าจะไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆ งั้นหรือ
“นี่มันเป็นโรคประจำตัวคนแก่ แค่คอยดูแลดีๆ คืนเดียวก็หายแล้ว”
เฉินเป่ยชวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจหลังจากที่ท่านผู้หญิงส่งสัญญาณบอกใบ้ให้ครั้งแล้วครั้งเล่า และลูกไม้ของคุณย่าก็ทำให้ผู้หญิงงี่เง่าอย่างเฉียวชูเฉี่ยนหลงกลได้
“จริงหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี”
เฉียวชูเฉี่ยนเชื่ออย่างสนิทใจ ในตระกูลเฉินมีคนรับใช้อยู่หลายคนซึ่งคงจะพอดูแลคุณย่าได้ และเธออยากให้แน่ใจว่าคุณย่าจะไม่เป็นอะไรมาก ทว่ายังไม่ทันโล่งใจก็ได้ยินคุณย่าพูดขึ้นมาว่า “ยายหนู ย่าไม่ได้คุยกับหนูมานานแล้ว วันนี้หนูกับเจ้าตัวน้อยอยู่ต่อก่อนได้ไหม จะได้อยู่เป็นเพื่อนคุยกับย่า ไม่อย่างนั้นย่าคงต้องเหงาตายแน่ๆ”
“…”
ทำไมอยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนหลอก
“คุณย่าคะ หนู…”
“ยายหนูรังเกียจเพราะเห็นว่าย่าแก่แล้วหรือ จึงไม่อยากอยู่คุยกับย่าแล้ว”
ท่านผู้หญิงรีบใช้ท่าไม้ตายทันทีโดยไม่ปล่อยให้เฉียวชูเฉี่ยนมีโอกาสปฏิเสธ
ไม่ใช่นะคะ หนูจะรังเกียจคุณย่าได้ยังไง”
“งั้นก็เป็นอันตกลง คืนนี้หนูอยู่ค้างเป็นเพื่อนย่านะ” ท่านผู้หญิงตบต้นขาตัวเองดังฉาด ดูไม่เหมือนคนที่กำลังป่วยเลยสักนิด
เฉียวชูเฉี่ยนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอยู่ค้างคืนที่นี่ เธอจำต้องหาเหตุผลมาเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวน้อย แต่ไม่คิดว่าเจ้าตัวน้อยจะเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าท่านผู้หญิงปวดท้องไม่สบายจริงๆ และยังพูดกับเธออย่างจริงจังว่า “หม่ามี๊ไม่ต้องกังวลนะฮะ หม่ามี๊เป็นคนที่เคารพผู้ใหญ่ตามประเพณีที่ดีงามของชนชาติจีน ผมภูมิใจในตัวหม่ามี๊ฮะ”
“…”
ท่านผู้หญิงยิ้มหน้าบานอย่างพึงพอใจทันทีที่เห็นว่าลูกไม้ของตนใช้ได้ผล ยายหนูไม่ใช่คนโง่ ตอนแรกเธออาจจะยังดูไม่ออก แต่พอผ่านไปสักพักก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ในกรณีนี้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องแกล้งทำอีกต่อไป
“คุณย่านี่น่าเบื่อจริง”
เมื่อคนรับใช้พาสองแม่ลูกขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน เฉินเป่ยชวนที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วและพูดออกมา
“ย่าน่าเบื่อยังไง ถ้าเธอไม่เบื่อ เธอจะจัดงานแถลงข่าวหรือ ย่ารู้ว่าแม้เวลาจะผ่านมานานแค่ไหนเธอก็ยังลืมยายหนูไม่ได้ ลึกๆ ในใจยังห่วงหายายหนูอยู่ ก็เลยคิดใช้ลูกไม้เก่าๆ จัดงานแถลงข่าวเพื่อให้ยายหนูกลับมาหาเธออีกครั้ง เธอวางใจได้ เป้าหมายของเราสองคนย่าหลานเหมือนกัน แค่ร่วมมือกันทำเรื่องน่าเบื่อก็พอแล้ว”
ท่านผู้หญิงตบบ่าหลานชายเบาๆ คนในวัยเธอรู้ดีว่าความน่าเบื่อคืออะไร เมื่อไรที่อายุมากขึ้นเท่าเธอก็จะมีเรื่องน่าเบื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ปกติแล้วจึงต้องหาเรื่องทำเพื่อให้ตนเองไม่รู้สึกเบื่อ
เฉินเป่ยชวนรู้สึกกลุ้มใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาจัดงานแถลงข่าวเพียงเพราะต้องการให้ลู่ฉีล่าถอยไป เพื่อให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าถึงแม้ว่าจะหย่ากันแล้ว แต่ถ้าเขาไม่ต้องการปล่อยเธอไปเธอก็อย่าหวังว่าจะได้มีผู้ชายอื่น ไม่ได้กำลังพูดถึงความสุขไร้สาระอะไรทั้งนั้น
ที่ชั้นบน เฉียวชูเฉี่ยนถูกพาไปที่ห้องนอนของเฉินเป่ยชวน เมื่อมองเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งที่คุ้นเคยตรงหน้า ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอเปลี่ยนจากเด็กสาวเป็นหญิงสาวในห้องนี้เมื่อเจ็ดปีก่อน และห้องนี้ก็เป็นที่ที่เธอตั้งครรภ์จิ่งเหยียน
เจ็ดปีผ่านไปไม่คิดเลยว่าห้องนอนของเฉินเป่ยชวนจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
สายตาหันไปมองที่ผนังตรงหัวเตียงโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่มุมปากเหือดหายไป ไม่… มีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ภาพแต่งงานที่เธอยิ้มอย่างสดใสและโง่เขลาซึ่งเคยอยู่ที่หัวเตียงหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยผนังหัวเตียงบุหนังนุ่มๆ
ร่องรอยที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ถูกปกปิดไว้อย่างดี
“ทำไม พอได้กลับมาเห็นที่ที่เคยอยู่แล้วมันมีความสุขจนไม่รู้จะพูดอะไรหรือไง”
เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากในลำคอของเฉินเป่ยชวน เฉียวชูเฉี่ยนรีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติเพราะไม่ต้องการให้เขารู้ถึงความสูญเสียและความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับเธอ
“ท่านประธานเฉินล้อเล่นหรือคะ สถานที่ที่เคยอยู่อะไร ฉันลืมไปหมดแล้ว”
เวลาผ่านไปเจ็ดปี เธอควรจะลืมไปนานแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคำตอบเช่นนี้ทำให้เฉินเป่ยชวนไม่พอใจ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับว่ามีพายุกำลังก่อตัวอยู่ข้างใน
นึกไม่ถึงว่าเธอจะบอกว่าลืมไปหมดแล้ว
ดี!
“คุณจะทำอะไรน่ะ?”
เฉียวชูเฉี่ยนตกใจเมื่อรับรู้ถึงพายุที่ก่อขึ้นในดวงตาของเขาจึงถามออกไปอย่างตื่นตัว ผู้ชายอย่างเฉินเป่ยชวนอันตรายเกินไป เธอไม่รู้เลยว่าในวินาทีถัดไปเขาจะทำอะไรแปลกๆ ขึ้นมา
“คุณบ้าไปแล้วเฉินเป่ยชวน เราหย่ากันแล้วนะ”
เมื่อถูกบังคับอย่างช่วยไม่ได้เธอจึงทำได้เพียงเตือนเฉินเป่ยชวนให้รู้ถึงความจริงที่ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว การแต่งงานของพวกเขาสิ้นสุดลงแล้วเมื่อเจ็ดปีก่อน มันจะเป็นการทำผิดกฎหมายหากเขาบังคับขืนใจเธอตอนนี้ และเธอมีสิทธิ์ฟ้องร้องเขาได้
“หย่าหรือ? คุณโง่หรือเปล่า วันนี้ทุกคนในซั่นเป่ยรู้กันหมดแล้วว่าเราสองคนแต่งงานและมีลูกชายอายุเจ็ดขวบด้วยกันหนึ่งคน คุณคิดว่าผมควรดีใจที่ได้เป็นพ่อคนไหม”
เหมือนถูกแทงใจดำ… ดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเฉินเป่ยชวนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้คิดว่าหย่ากันแล้วจะมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้งั้นหรือ จะโลกสวยเกินไปแล้ว
ตราบใดที่เขาไม่ปล่อยเธอไป เธอก็อย่าหวังว่าจะโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่นเสียให้ยาก
พอเฉียวชูเฉี่ยนได้ยินคำว่า ‘เป็นพ่อคน’ ในใจก็รู้สึกเหมือนถูกชกอย่างแรง ค่ำคืนที่เจ็บปวดเมื่อเจ็ดปีก่อนเหมือนจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ฉากตรงหน้ายังคงเหมือนเดิม และยังคงเป็นพวกเขาสองคนไม่เปลี่ยนแปลง