ความรักจะสวยงามเมื่อคุณรักเขาและเขาก็รักคุณ ถ้านอกเหนือไปจากนี้ก็มีแต่จะทำให้เจ็บปวด
เฉินเป่ยชวนมองร่างบางที่อยู่ตรงลานจอดรถด้านล่างด้วยสายตาที่มืดมน เพียงแค่ลู่ฉีจากไป เธอถึงกับเป็นทุกข์ขนาดนั้นเชียวหรือ!
“เฉียวชูเฉี่ยน ตอนที่เธอจากไปเธอคงไม่เคยคิดเลยสินะว่าจะทำให้คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังต้องรู้สึกแย่ โกรธเคือง และทุกข์ทรมานแบบนี้!”
เฉียวชูเฉี่ยนที่อยู่ข้างล่างถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ แต่เธอก็ทำร้ายความรู้สึกของลู่ฉีไปแล้ว เธอกลับขึ้นไปข้างบนอย่างทุกข์ใจและนึกโทษตัวเอง ยังไม่ทันจะทิ้งตัวลงนั่ง ลินดาก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
“เลขาเฉียว ท่านประธานเฉินสั่งให้ฉันนำรายงานนี้มาให้คุณ เขาบอกว่าเนื้อหาของแผนงานไม่ตรงกับที่เขาคาดหมายไว้ และสั่งให้คุณทำแผนงานใหม่ส่งให้เขาก่อนเลิกงาน”
ใบหน้าที่สงบอยู่เสมอของลินดาดูอึดอัดเล็กน้อย เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะถ่ายทอดคำพูดของประธานเฉินให้ออกมานุ่มนวลที่สุด แค่นึกถึงตอนที่เขาโยนแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานของเธอ ใบหน้าของลินดาก็หม่นลงและรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
เฉียวชูเฉี่ยนชะงักไปนิดหนึ่งและเข้าใจได้ทันที “โอเค ฉันเข้าใจล่ะ ขอบคุณนะคะลินดา”
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ”
ประตูห้องทำงานปิดลงอีกครั้ง เฉียวชูเฉี่ยนเหลือบไปมองแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ แผนงานในนั้นเธอใช้เวลาวิเคราะห์อยู่หลายวัน ทั้งยังขอคำปรึกษาจากแผนกต่างๆ และสรุปออกมาจนเป็นแผนงานนี้ ถึงจะมีบางจุดที่อาจจะยังไม่เป็นไปตามที่เฉินเป่ยชวนคาดหวังไว้ แต่ก็คงไม่ถึงกับไม่ตรงกับที่คิดไว้เลยเป็นแน่
“แก้ก็แก้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
เธอรู้ดีว่าเฉินเป่ยชวนจงใจกลั่นแกล้งเธอ แต่คนเป็นลูกน้องย่อมต้องเชื่อฟังเจ้านาย เขาเป็นเจ้านายและเธอเป็นเลขาฯ คำสั่งของเจ้านายจึงถือเป็นประกาศิต
ขณะที่กำลังจะแก้ไขแผนงานทีละจุด อยู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อมองหน้าจอแล้วเห็นว่าใครโทรมาเฉียวชูเฉี่ยนก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย “คิดยังไงถึงโทรมาหาฉันได้เนี่ย แม่คนยุ่ง”
แม้ว่างานว่าความของเหยียนสือเซี่ยจะมีไม่มากนัก แต่ดูเหมือนคดีจะยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น พูดได้ว่าในสังคมปัจจุบันกระแสการการหย่าร้างนั้นมาแรงมากจริงๆ
“แน่นอนว่าต้องมาแสดงความยินดีกับเธอที่ได้ตำแหน่งคุณนายเฉินอันมีเกียรติกลับคืนหลังจากหย่าร้างไปเจ็ดปี” น้ำเสียงหยอกล้อของเฉียนสือเซี่ยที่ดังมาจากทางปลายสายเน้นคำว่า ‘คุณนายเฉิน’ เป็นพิเศษ ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่ามันจะทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจ
“เธอโทรมาเพราะแค่อยากจะยั่วโมโหฉันใช่ไหม”
คนที่ไม่รู้ว่าเหยียนสือเซี่ยเป็นเพื่อนดีที่สุดของเธออาจจะไม่เข้าใจ ถ้าหากเธอยังอาลัยอาวรณ์ตำแหน่งคุณนายเฉินอยู่จริง เจ็ดปีที่แล้วเธอคงไม่ตัดสินใจหย่าในตอนที่ใกล้จะคลอด แถมไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยตัวคนเดียวพร้อมกับลูกในท้อง
“แน่นอนว่าฉันไม่ได้จะยั่วโมโหเธอ ในฐานะเพื่อนสนิทและทนายความคดีหย่าร้างของเธอ ฉันก็แค่เป็นห่วงเพื่อนและลูกค้าลับๆ ของฉัน เผื่อวันหนึ่งเธอเกิดหน้ามืดไปแต่งงานกับเฉินเป่ยชวนอีกครั้ง หรือโชคไม่ดีต้องหย่าร้างอีกรอบ ฉันให้ส่วนลดเธอได้นะ”
“เหยียนสือเซี่ย เธอพูดดีๆ กับเขาไม่เป็นหรือไง” เสียงของเฉียวชูเฉี่ยนเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย หากเหยียนสือเซี่ยยังขืนพูดแบบนี้ต่อไป เธอไม่รับประกันว่าเธอจะไม่หงุดหงิด
“โอเคจ้า ไม่กวนเธอแล้ว แต่พูดก็พูดเถอะ เฉินเป่ยชวนคิดอะไรของเขากันแน่? เขายังรักเธออยู่เลยใช้วิธีนี้สร้างโอกาสให้พวกเธอได้เริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งหรือเปล่า”
“ระหว่างฉันกับเขาไม่มีโอกาสอะไรทั้งนั้น”
ยิ่งพูดเธอพูดเฉียวชูเฉี่ยนก็ยิ่งก็รู้สึกแปลกๆ จนต้องรีบเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ จะเป็นการดีที่สุดถ้าเธอกับเฉินเป่ยชวนอยู่กันคนละซีกโลกและไม่ต้องกลับมาเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต
“ดูเหมือนฉันคงต้องหาเวลาไปจิบเบียร์แล้วเปิดอกคุยกับเธอที่บ้านสักหน่อยแล้วละ” เหยียนสือเซี่ยถอนหายใจ ในมุมมองของเธอ เธอไม่คิดว่าเฉินเป่ยชวนมีอะไรดีเด่ถึงขนาดที่ทำให้เธออยากจะแต่งงานด้วย แต่เฉียวชูเฉี่ยนก็ตกหลุมรักเขาไปแล้ว
“เธออย่ามาบ้านฉันนะ”
เมื่อได้ยินเหยียนสือเซี่ยบอกว่าจะไปหาเธอที่คฤหาสน์ตระกูลเฉียว เฉียวชูเฉี่ยนก็ปฏิเสธอีกครั้ง
“ทำไมฉันถึงไปบ้านเธอไม่ได้? อย่าบอกนะว่าในบ้านของเธอมีอะไรที่ฉันไม่ควรเห็น” ตัวอย่างเช่นเฉินเป่ยชวน?
“ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าช่วงนี้ฉันกับจิ่งเหยียนไม่ได้อยู่ที่บ้าน คุณย่าท่านอายุมากแล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านเลยอยากให้ฉันกับจิ่งเหยียนไปอยู่เป็นเพื่อน ก็เลย… ”
ขณะที่กำลังสมองตื้อ คิดไม่ออกว่าควรจะใช้คำพูดแบบไหนเพื่อปกปิดพฤติกรรมที่อ่อนแอของตนเอง เธอก็ได้ยินเหยียนสือเซี่ยตะโกนมาจากปลายสาย “อย่าบอกนะว่าเธอกับจิ่งเหยียนย้ายเข้าไปอยู่กับครอบครัวเฉิน!”
“…”
“โอเค ฉันยอมแพ้แล้ว แต่จากความรู้ทางวิชาชีพของฉัน ตระกูลเฉินเป็นตระกูลของอดีตสามีเธอ เธอกับเขาผ่านขั้นตอนการหย่าร้างตามกฎหมายและได้แบ่งทรัพย์สินและการเลี้ยงดูบุตรแล้ว ในทางทฤษฎี การอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเฉินในระยะยาวจึงไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
“ฉันรู้ว่าเธอเรียนกฎหมายมา แต่ไม่จำเป็นต้องบอกฉันเรื่องนี้หรอก ฉันไม่ต้องการ”
ถ้าเฉินเป่ยชวนไม่เอาอนาคตบริษัทของลู่ฉีมาข่มขู่เธอ เธอก็คงไม่ต้องไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิน ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินเป่ยชวนก็มีแต่จะยิ่งอึดอัด ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของเธอก็ไม่ได้ตีขึ้นมาจากเหล็ก มันเจ็บเป็น
“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงฉันจะไปกินข้าวกับเธอแล้วคุยกันให้รู้เรื่อง อีกเดี๋ยวฉันต้องไปจัดการคดีหย่าร้างต่อละ แค่นี้ก่อนนะ ฉันวางสายละ”
เฉียวชูเฉี่ยนชินแล้วกับความยุ่งของเธอ ขณะที่เธอกำลังจะวางสายก็ได้ยินคำถามที่รีบร้อนดังมาจากอีกฝากของโทรศัพท์ “จริงสิ ลู่ฉีได้โทรไปหาหรือไปหาเธอที่บริษัทหรือเปล่า ระหว่างเธอกับเขา…”
“เขามาที่นี่และฉันก็คุยกับเขาเข้าใจแล้ว สือเซี่ย… เธอรู้จักฉันดี ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่ฉันรักเขาไม่ได้จริงๆ เราเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงลู่ฉีเธอก็รู้สึกผิดขึ้นมา แต่ความเจ็บปวดในระยะยาวยังไงก็แย่กว่าความเจ็บปวดในระยะสั้น ตอนนี้ลู่ฉีอาจจะเจ็บปวดมากก็จริง แต่หลังจากนี้เขาจะค่อยๆ ดีขึ้น ดีกว่าปล่อยให้มันยืดเยื้อโดยที่เธอไม่อาจให้คำมั่นสัญญาหรือปฏิเสธเขาได้
“โอเค! ฉันเข้าใจ อะไรที่มันไม่ใช่ฝืนไปมันก็ไม่ใช่ ฉันก็ไม่ได้หวังให้เธอสองคนคบกัน ไว้ค่อยจัดการเรื่องของพวกเธอในอนาคตละกัน โอเค ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ บ๊ายบาย”
เมื่อพูดจบเหยียนสือเซี่ยก็วางสาย แล้วร่างบางก็ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ประจำตำแหน่งหัวหน้าอย่างแรง
“การใช้ชีวิตโสดเป็นอะไรที่เจ๋งจะตาย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงชอบทำอย่างกับว่ามันเป็นปัญหากันนัก ต้องใช้ความพยายามตั้งมากมายเพื่ออยู่ร่วมกับใครอีกคน ต้นทุนก็สูงเกิน แถมในอนาคตยังต้องผ่านพิธีการอะไรอีกตั้งมากมาย”
หลังจากคุยกับตัวเองแล้วเธอก็เหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ หยิบข้อมูลที่อีกครู่หนึ่งจะต้องใช้เดินลงไปข้างล่างและขับรถไปที่ศาลประชาชน
เมื่อรถเบนซ์สีแดงคันเล็กกะทัดรัดจอดเทียบที่หน้าประตูศาล ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวสวยหยาดเยิ้มยืนรอเธออยู่แล้ว
“ทนายเหยียน คุณมาจนได้ อีกเดี๋ยวก็ต้องขึ้นศาลแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของฉันอย่างถึงที่สุด คุณวางใจเรื่องผลตอบแทนที่ฉันจะให้คุณได้เลย มันไม่น้อยแน่นอน” ทันทีที่เหยียนสือเซี่ยลงจากรถ ผู้หญิงคนนั้นก็ตรงเข้าไปเขาจับแขนเธอไว้และเอ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแผนการที่คำนวณไว้แล้ว
“คุณนายหวัง ฉันไม่กังวลเรื่องค่าตอบแทนหรอกค่ะ ในสัญญาของเราระบุไว้ชัดเจนแล้ว ถ้าคุณจ่ายฉันน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้ จากที่เป็นโจทก์คุณจะกลายเป็นจำเลยในไม่ช้า”
พอหวังหย่าตั๋วได้ยินดังนั้นสีหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มเก้อเขิน “ทนายเหยียนก็ช่างล้อเล่นจริงๆ ฉันแค่รู้สึกว่าฉันเสียเวลาในวัยสาวไปหลายปี และฉันต้องการต่อสู้เพื่อสิทธิทางกฎหมายของตัวเองก็เท่านั้น”