ท่านผู้หญิงหยิบโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นก็โทรหาเฉียวชูเฉี่ยน
“ขออภัย สายที่ท่านเรียกอยู่ในขณะนี้กำลังปิดเครื่องอยู่ กรุณารอสักครู่แล้วติดต่อมาใหม่”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมยายหนูถึงปิดเครื่องล่ะ” ท่านผู้หญิงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างกังวลใจ ตั้งแต่ยายหนูกลับประเทศมาก็แทบจะไม่ปิดเครื่องเลย
“คุณแม่ ใครจะรู้ไปว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ไม่แน่อาจจะไม่สะดวกรับสายถึงปิดเครื่องก็ได้นะค่ะ”
เว่ยชูหรงสบโอกาสรีบพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค จากนั้นก็ส่งสายตายั่วยุไปทางเฉินเป่ยชวนที่อยู่ด้านข้าง ไม่แน่เฉียวชูเฉี่ยนคนนี้อาจกำลังมั่วกับผู้ชายคนไหนอยู่ก็เป็นได้
“เธอพูดอะไรส่งเดช?”
ท่านผู้หญิงจ้องหน้าเว่ยชูหรงด้วยความโมโห เธอจึงสงบปากแต่โดยดี แต่เก็บซ่อนอาการดีใจเอาไว้ข้างใน จะดีที่สุดหากเฉียวชูเฉี่ยนไปมั่วกับผู้ชายอื่นจริงๆ เธอจะดูต่อไปว่ายายแก่หนังเหนียวคนนี้จะปฏิบัติต่อเขาประหนึ่งหลานสุดที่รักอยู่อีกไหม
“เป่ยชวน ยายหนูมีทำโอทีอยู่ที่บริษัทหรือไม่?”
หลายวันมานี้ท่าทีที่ไม่ลงรอยกันของพวกเขาสองคนล้วนอยู่ในสายตาของท่านผู้หญิง ไม่แน่ว่าอาจจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง ยายหนูจึงหลบหน้าเป่ยชวนอยู่ก็เป็นไปได้
“ไม่มีครับ”
เฉินเป่ยชวนเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขบ้างแล้ว คนบางคนพอเลิกงานก็วิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก จะขยันทำโอทีไปได้อย่างไรกัน
ท่านผู้หญิงได้ยินก็ยิ่งร้อนใจ แต่ไม่ว่าจะโทรศัพท์ไปกี่ครั้งก็ปิดเครื่องตลอด สุดท้ายความคิดหนึ่งก็เด้งขึ้นมา เธอหันไปมองหลานที่นั่งอยู่ด้านข้าง “จิ่งเหยียน หลานรู้เบอร์โทรเพื่อนของคุณแม่บ้างไหมจ้ะ?”
“ผมขอโทรดูก่อนนะครับ”
เจ้าตัวน้อยก็รู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน แม่ตัวเองคนอื่นไม่เข้าใจ แต่เขารู้ดีว่าถึงคุณแม่จะออกไปเที่ยวเล่นแต่จะกลับมาก่อนทุ่มครึ่งเสมอ
เขารับโทรศัพท์มือถือจากท่านผู้หญิงมา แอบเหลือบมองเฉินเป่ยชวนที่อยู่ข้างๆ เขากลืนน้ำลายลงก่อน จากนั้นก็กดเบอร์ลงไป
“ฮัลโหล คุณอาลู่ครับ คุณอาอยู่กับหม่ามี๊หรือเปล่าครับ?”
ทันทีที่ได้ยินคำสามคำนี้ เฉินเป่ยชวนก็หรี่ตาลง แม้แต่เจ้าเด็กเหม็นน้อยก็ยังรู้ว่าควรโทรหา
ลู่ฉีเป็นอันดับแรกก่อน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างลู่ฉีกับเฉียวชูเฉี่ยน
“อ้อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาคุณแม่ทูนหัวดู ท่านทั้งสองน่าจะอยู่ด้วยกันล่ะครับ”
เจ้าตัวน้อยตอบกลับน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อย เขารีบกดวางสายเพื่อโทรหาคุณแม่ทูนหัวของตัวเองต่อไป
“ขออภัย สายที่ท่านเรียกอยู่ในขณะนี้กำลังปิดเครื่องอยู่ กรุณารอสักครู่แล้วติดต่อมาใหม่”
“เอ๊ะ ทำไมคุณแม่ทูนหัวก็ปิดเครื่องด้วยล่ะ?”
เจ้าตัวน้อยจ้องโทรศัพท์มือถือแล้วขมวดคิ้วขึ้นมา คุณแม่ทูนหัวจะเปิดเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง
เฉินเป่ยชวนลืมตา คิ้วเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย เหยียนสือเซี่ยก็ปิดเครื่องหรือ?
“เป่ยชวน หลานว่ายายหนูจะประสบอันตรายอะไรหรือไม่ ไม่งั้นอยู่ดีๆ ทำไมถึงปิดเครื่องล่ะ?”
ใจท่านผู้หญิงเต้นตุ๊มๆ ต๋อมๆ อยู่ตลอดเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น และดูท่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีอีกด้วย
“คุณย่าอย่าเพิ่งร้อนใจไปก่อนนะครับ ไม่แน่อีกสักครู่เธอก็คงจะกลับมาเองล่ะครับ”
แม้จะเป็นกังวล แต่ก็ไม่อยากให้ผู้อื่นรู้สึกได้ว่าในใจเขายังลืมผู้หญิงคนนี้ไม่ลง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เจ้าตัวน้อยโทรหาหม่ามี๊และคุณแม่ทูนหัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีเสียงตอบรับกลับมาว่าปิดเครื่องอยู่
ความอดทนของเฉินเป่ยชวนขาดผึงในทันที เขายืนขึ้นจากนั้นก็เดินขึ้นชั้นบนไปอย่างรวดเร็ว มือก็กดโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“บอสคะ?”
“ช่วยหาตำแหน่งรถของเหยียนสือเซี่ยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เช็คจุดเข้าออกสุดท้ายของเธอและคนที่อยู่ข้างตัวเธอด้วย ผมต้องการคำตอบในอีกสิบนาที”
น้ำเสียงไร้ความรู้สึกออกมาจากริมฝีปากงาม นัยน์ตาทั้งสองที่แสนเย็นชาบ่งบอกถึงความกังวลใจเป็นอย่างมาก สองคนนั้นคงไม่ได้กำลังประสบอันตรายงี่เง่าอะไรอยู่กระมัง
ขาเรียวยาวเดินขวักไขว่ไปมาอยู่ภายในห้อง จากนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เฉินเป่ยชวนรีบกดรับสาย “โซ่วจินหรือ? เธอแน่ใจนะว่าพวกเขาไปโซ่วจิน?”
“แน่ใจค่ะ รถของเหยียนสือเซี่ยจอดอยู่ตรงประตูทางเข้าโซ่วจิน อีกทั้งยังมีคลิปวีดิโอขณะเข้าออกของพวกเขาอีกด้วย บอสคะ เมื่อสักครู่นี้มีกำลังตำรวจล้อมโซ่วจิน เห็นบอกว่าข้างในมีการซื้อขายยาเสพติด และดูเหมือนผู้ค้ายาจะมีการจับตัวประกันสองคนไปด้วยนะค่ะ”
เฉินเป่ยชวนฟังจนถึงประโยคสุดท้าย ก็ออกแรงจับโทรศัพท์มือถือหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซื้อขายยาเสพติด? ตัวประกัน?
“ให้ถังอี้ตรวจสอบให้ดีๆ ตัวประกันที่ว่าคือเฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยใช่หรือไม่”
เขาพูดเสร็จก็กดวางสายในทันที จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่าง
“เป่ยชวนเจอคนแล้วหรือ ยายหนูกำลังประสบอันตรายใช่หรือไม่?” ท่านผู้หญิงเห็นหลานตัวเองเดินลงมาอย่างร้อนรน ก็รู้สึกตื่นตระหนกไปด้วย เจ้าตัวน้อยที่อยู่ด้านข้างก็จ้องไปที่เฉินเป่ยชวน หม่ามี๊คงไม่ได้ประสบอันตรายไปจริงๆ ใช่ไหม
“ไม่มีอะไรครับ ผมจะพาเธอกลับมาให้เองครับ”
ด้วยกลัวพวกเขาจะเป็นกังวลกันไปหมด เฉินเป่ยชวนจึงไม่พูดเรื่องโซ่วจินออกมาแม้แต่คำเดียว เขารีบขึ้นรถ จากนั้นก็บึ่งมายบัคออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลเฉินด้วยความรวดเร็ว
“โอ้ ดูท่าว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ”
เว่ยชูหรงจงใจแกล้งพูดออกไป ในใจรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถ้ายายตัวแสบนั่นตายอยู่ข้างนอกเป็นดีที่สุด ดูสิว่ายังจะมาแย่งสมบัติตระกูลเฉินได้อีกไหม
“เธอเงียบไปเลยนะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับยายหนู เธอก็อย่าคิดจะได้อยู่ดีมีสุขไปเสียล่ะ”
ท่านผู้หญิง ฮึ ออกไปอย่างเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด ท่าทางของเป่ยชวนดูร้อนใจเสียขนาดนั้น คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่
รถมายบัคฝ่าไฟแดงไปสองสามจุด ก็ถึงประตูทางเข้าโซ่วจิน ถังอี้ในฐานะเจ้าของร้านเมื่อทราบข่าวก็รีบเข้ามาโดยเร็ว
“นายมาเองเลยหรือ วางใจได้เรื่องเล็กแค่นี้ฉันยังเอาอยู่”
ถังอี้กล่าวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ แต่ละวันเขาไม่อาจควบคุมการซื้อการขายยาเสพติดได้ เพราะที่แห่งนี้ของเขาเป็นสถานที่ทำธุรกิจ ไม่ใช่ทีมปราบปรามยาเสพติดเสียหน่อย
ถึงกรมตำรวจจะมาสอบถามเขา เขาก็ไม่เคยทำอะไรผิดมาก่อน
“ตัวประกันสองคนที่ถูกจับไปมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเฉียวชูเฉี่ยน”
เฉินเป่ยชวนสีหน้าอึมครึม ถังอี้ก็อึ้งไปชั่วขณะ แย่ล่ะ เรื่องมันชักจะใหญ่โตเสียแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฉินเป่ยชวนรีบรับโทรศัพท์ หลังจากได้ยินการรายงานจากลูกน้องตัวเอง สีหน้าเขาก็ดูเลวร้ายมากขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเป็นเฉียวชูเฉี่ยนจริงๆ”
แม้ถังอี้จะไม่ได้ยินว่าปลายสายพูดอะไรบ้าง แต่ก็เดาได้จากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา
เจ้าพวกค้ายาน่าตายพวกนี้ จับใครไม่จับดันไปจับเฉียวชูเฉี่ยนเสียได้
ในฐานะเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับเฉินเป่ยชวน เขาแน่ใจมากว่าผู้หญิงคนนั้นมีความสำคัญขนาดไหนในใจเพื่อนเขา
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
เฉินเป่ยชวนกดวางสายโทรศัพท์ แต่สายตาบ่งบอกความเหน็บหนาวบางอย่าง ถังอี้รู้สึกเหมือนตัวเองถูกใส่ร้าย ช่วงนี้ดวงเขาไม่ดีหรืออย่างไร เรื่องอะไรทำไมต้องให้เขามาเกี่ยวข้องด้วย
“นายใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบให้คนละแวกนั้นตรวจสอบให้ ไม่นานก็คงได้เบาะแสของอาซ้อแล้วล่ะ”
แม้ในใจเขาจะกำลังเรียกร้องขอความเป็นธรรมอยู่ แต่ความคิดและการกระทำกลับคล่องแคล่วยิ่งนัก ถึงเขาจะไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีลู่ทางและเส้นสายใดๆ ที่เกี่ยวข้องเสียหน่อย หวังให้พวกค้ายาเสพติดน่าตายอะไรนั่นอย่าได้คิดทำอะไรเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นความซวยจะบังเกิดแก่เขาอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
ใบหน้าของเฉินเป่ยชวนฉายความเหน็บหนาวออกมา เขาสั่งลูกน้องของตัวเองให้รีบค้นหาตำแหน่งของเฉียวชูเฉี่ยน ยายผู้หญิงซื่อบื้อ ทำไมจะต้องมา KTV เสียให้ได้ ไหนๆ ก็มาแล้วไม่อยู่ร้องเพลงให้ดีๆ ทำไมต้องมาให้พวกค้ายาจับตัวไปเป็นตัวประกันด้วย
เวลานี้เฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยถูกเทปปิดปากจึงไม่อาจส่งเสียออกมาได้ พวกเขาทำได้เพียงเอาตัวชิดติดกันเข้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตกจากที่นั่งเพราะการสั่นสะเทือนของรถ
“เราใกล้จะสลัดตำรวจที่อยู่ข้างหลังหลุดแล้ว ลูกพี่” ลูกน้องที่กำลังขับรถอยู่พูดด้วยความยินดีปรีดา