ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 54 ช่วยตัวเอง

“ขับเร็วขึ้นอีก ไม่อย่างนั้นหากมีกำลังเสริมขึ้นมาจะเดือดร้อน”

ชายที่มีรอยบากที่หน้าพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง เดิมทีก็ขับเร็วจนเฉียวชูเฉี่ยนแทบอยากอาเจียนออกมา แต่เวลานี้รถแทบจะบินได้อยู่แล้ว

เฉียวชูเฉี่ยนมองออกไปข้างนอกอย่างลุกลี้ลุกลน ด้วยไม่รู้ว่าตัวเองตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว สองข้างทางเป็นพื้นที่ที่แทบจะไม่มีผู้คน นอกจากจะใช้รถประเภทเดียวกันวิ่งบนทางด่วนถึงจะช่วยพวกเธอได้

เธอสบตาเหยียนสือเซี่ยก็ยิ่งเศร้าใจ ตัวสือเซี่ยเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพาพวกเธอไปไหน

อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ ความเป็นไปได้ที่จะถูกพวกค้ายาจับเป็นตัวประกันมีน้อยของน้อยมาก แต่พวกเธอก็ยังได้รับเกียรตินั้น

ที่น่ากลัวที่สุดคือยามนี้ในสมองของเธอกำลังฉายภาพจุดจบของผู้ถูกจับไปเรียกค่าไถ่แบบในจอทีวีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าหากเธอถูกฆ่า จิ่งเหยียนจะเป็นอย่างไร?

เมื่อคิดไปถึงลูกชาย เฉียวชูเฉี่ยนก็บังคับตัวเองให้ใจเย็นๆ เข้าไว้ เฝ้ารอความช่วยเหลือของทางตำรวจ ซึ่งไม่รู้จะมาถึงเมื่อใด และไม่รู้ตัวเองจะดวงดีพอที่จะรอถึงตอนนั้นหรือไม่

เหยียนสือเซี่ยยังดูใจเย็นเสียกว่า หากเหล่าเพื่อนทนายความไม่เจอเหยียนสือเซี่ย พวกเขาจะต้องไปแจ้งความในทันทีแน่ แต่ไม่รู้พวกตำรวจไร้ความสามารถแห่งเมืองซั่นเป่ยเหล่านี้จะตามหาพวกมันจนเจออย่างรวดเร็วหรือไม่

แล้วสายตาของทั้งสองคนก็มาบรรจบรวมกันอีกครั้ง พวกเขาสื่อความหมายทางสายตาตรงกันออกมาว่า ช่วยตัวเองเถิด

พึ่งผู้อื่นไม่สู้พึ่งตนเอง

แต่การช่วยตัวเองไม่ง่ายอย่างที่คิด พวกเธอถูกจับมัดมือมัดเท้า แม้จะไม่หลวมมากแต่ก็ไม่อาจจะหลบหนีออกไปได้

เฉียวชูเฉี่ยนสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ รถ ดูว่าพอจะมีของที่จะเป็นประโยชน์หรือไม่ แต่กลับไม่มีของแหลมคมที่พอจะเอามาตัดเชือกที่มัดไว้อยู่ได้เลย

ท่ามกลางสายตาที่ส่องประกายแห่งความผิดหวังออกมา จู่ๆ เธอก็พบถุงแป้งถุงหนึ่งวางอยู่ตรงที่วางเท้าหลังรถตู้ จากนั้นความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในสมอง แป้งเหล่านี้จะต้องเป็นของที่พวกค้ายาเอาไว้อำพรางยาเสพติดเป็นแน่ เพราะยาเสพติดกับผงแป้งหน้าตาคล้ายกัน ขอเพียงสุนัขตำรวจดมกลิ่นไม่เจอก็เป็นพอ

เหยียนสือเซี่ยเห็นถุงแป้งนั่นเช่นเดียวกัน สองรวมเป็นหนึ่งประมวลความคิดออกมา พวกเขาจะใช้ผงแป้งในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่รถคันที่ตามหลังมา

แต่จะเอาผงแป้งออกมาได้อย่างไร?

เฉียวชูเฉี่ยนออกแรงดันไปข้างหลัง ทำให้ประตูหลังของรถตู้ที่ผ่านการใช้งานมานานปีอ้าออกเล็กน้อย

“นังสารเลว ทำอะไร!”

ลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหน้าตะโกนด่าทันที เธอรีบตอบค่ะๆ ออกไป แสร้งตีสีหน้าหวาดกลัวสุดชีวิต

“อยู่เฉยๆ เซ่”

ถ้าลูกน้องคนนั้นไม่นั่งอยู่แถวหน้าของรถ คงยกขาถีบไปแล้ว

“ลูกพี่ พวกเราจะทำอย่างไรกับผู้หญิงสองคนนี้ดี……”

เมื่อได้ยินสายตาของเฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยก็บอกอาการตื่นตัว คงไม่คิดจะฆ่าตัวประกันเร็วขนาดนี้หรอกนะ ใจเธอสองคนเต้นราวกับจะทะลุออกมานอกอก เวลาแบบนี้ถูกข่มขืนยังจะดีกว่าฆ่าตัวประกัน อย่างน้อยๆ ยังพอยืดเวลาออกไปได้อีกหน่อย

“เก็บผู้หญิงสองคนนี้เอาไว้ก่อน เดี๋ยวอีกสักพักเจ้านายจะเอาเฮลิคอปเตอร์มารับพวกเรา เกิดตำรวจตามมาทัน ตัวประกันสองคนนี้ยังพอมีค่าในการต่อรองอยู่บ้าง”

“ลูกพี่คิดได้รอบคอบมากครับ”

ลูกน้องยิ้มประจบประแจงแต่ก็ยังไม่ลืมจ้องใส่หน้าสองคนที่อยู่ด้านหลังอย่างดุดัน “ทำตัวดีๆ หน่อย ไม่งั้นตายไม่รู้ตัวนะ”

ใจดวงน้อยๆ ของพวกเธอสงบลงมาได้หน่อย เธอสองคนส่งสายตาให้กัน เหยียนสือเซี่ยพยายามขยับตัวไปบังระยะสายตาของกระจกมองหลัง ส่วนเฉียวชูเฉี่ยนก็ขยับตัวไปด้านหลังเพื่อหยิบถุงแป้ง

ไม่รู้เจ้าผงแป้งเบาหวิวนี่จะถูกลมพัดปลิวไปตามถนนบนทางด่วนหรือไม่?

แต่มันเป็นโอกาสเดียวของพวกเธอแล้ว ได้แต่หวังให้ตำรวจมีเซลล์สมองอันยอดเยี่ยมในการแยกแยะสัญญาณขอความช่วยเหลือไม่ต่างกับในหนังฮ่องกงและไต้หวันแล้วกัน

เฉียวชูเฉี่ยนหยิบผงแป้งมาได้หยิบมือหนึ่ง เธอปล่อยออกไปตามรอยแยกอย่างระมัดระวัง เธอเห็นผงแป้งนั่นถูกท่อไอเสียพัดปลิวไปแล้ว ใจเธอก็อดเป็นกังวลไม่ได้ เพราะถ้าหากพัดเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ ยังพอมีคนมองเห็นได้ง่าย แต่ถ้าพัดเป็นกลุ่มควันโขมงแบบนี้ หากไม่มองให้ดีๆ ก็คงไม่เห็นเป็นอะไร

ไม่สนแล้ว วันนี้จะได้กลับไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าลิขิตแล้ว

ถังอี้และเฉินเป่ยชวนกำลังตรวจภาพอยู่ในห้องวงจรปิด ในที่สุดก็ได้ภาพตัวประกันที่ถูกพาตัวไปแล้ว

“ซูมเข้าไปอีกนิดสิ”

เฉินเป่ยชวนเอี้ยวตัวไปข้างหน้าอย่างกดดันเต็มที่ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็ง เพียงแค่เอ่ยปากก็บ่งบอกถึงความเย็นชาที่น่าสะพรึงกลัว

พนักงานตัวเล็กๆ ที่ดูแลกล้องวงจรปิดรีบขยายภาพวิดีโอให้อยู่ในระดับสูงสุด จากนั้นกล้ามเนื้อบนแก้มของเฉินเป่ยชวนก็กระตุกขึ้นมาสองสามที

“Shit เป็นเฉียวชูเฉี่ยนจริงๆ ด้วย ส่วนผู้หญิงอีกคนทำไมดูหน้าคุ้นๆ?”

ถังอี้เอามือตบไปที่อก รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ktv มีคนเยอะขนาดนี้ เอาใครเป็นตัวประกันไม่เอา ดันมาจับเฉียวชูเฉี่ยนไปเสียนี่ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ตัวเขาเองก็คงจบเห่เช่นกัน

“ติดต่อตำรวจ จะต้องรับรองความปลอดภัยของตัวประกันให้ด้วย”

เฉินเป่ยชวนพูดจบก็ก้าวเท้าเรียวยาวเดินออกไปด้านนอก ถังอี้กระทืบเท้าอย่างกลั้นไม่อยู่จากนั้นก็รีบเดินตามไปโดยเร็ว

“ตอนนี้นายจะไปตามหาจากที่ไหนกันล่ะ?”

ถังอี้รีบตามไปขึ้นรถ เขาพูดพร้อมกับคาดเซฟตี้เบลไปด้วย

“พ่อค้ายาพวกนี้จะต้องหนีไปทางใต้แน่นอน” เฉินเป่ยชวนตอบง่ายๆ จากนั้นก็สตาร์ทรถ ขับมายบัคออกจากประตูทางเข้าอย่างรวดเร็ว เพื่อมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของเมืองซั่นเป่ย

“ไม่รู้เลยจริงๆ ว่านายก็ทำการซื้อขายยาเสพติดกับเขาด้วยหรือ”

ถังอี้บ่นอุบอิบ แต่คนข้างๆ ไม่มีเวลาไปจัดการเขา เฉินเป่ยชวนรีบล้วงโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออก

“ช่วยค้นหาตำแหน่งรถทะเบียน LD98721 ให้หน่อย”

ถังอี้ขมวดคิ้ว “ทะเบียนรถนี่เป็นของใคร?”

“ก็ต้องเป็นของพวกค้ายาสิ” เฉินเป่ยชวนตัดสายโทรศัพท์ เขาตอบกลับแต่สายตามองตรงไปข้างหน้า “ระดับผู้บริโภคของโซ่วจินไม่ใช่กระจอกๆ เสียหน่อย ลูกค้าที่มากัน หากไม่ขับรถหรูมา ก็ต้องขับรถคันละสามแสนหยวนขึ้นไปมา แต่ในกล้องวงจรปิดเมื่อสักครู่นี้มีภาพรถตู้ผุๆ คันหนึ่งจอดอยู่ที่นั่น พิรุธอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังจอดใกล้ประตูข้าง สอดรับกับแผนการหลบหนีของพวกมันพอดี”

ถังอี้ฟังแล้วก็มองด้วยความทึ่ง “พี่ชาย พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ โตมากับการสวมกางเกงตัวเดียวกันก็ว่าได้ ทำไมฉันไม่เคยเห็นเซนส์ในด้านสืบสวนคดีระดับชาติของนายมาก่อนเลย ขนาดรถจอดตรงที่จอดรถทางเข้าร้านฉันนายยังสังเกตเห็นได้?”

คิ้วที่ขมวดตั้งแต่ขึ้นรถมายังคงขมวดเป็นปมอยู่ เฉินเป่ยชวนไม่ได้มีเซนส์ในด้านสืบสวนคดีระดับชาติอะไรนั่นหรอก แต่เป็นเพราะคนที่ถูกจับไปเป็นยายตัวแสบของเขาต่างหากล่ะ

ผู้หญิงของเขามีเขารังแกได้คนเดียวเท่านั้น ผู้อื่นอย่าได้คิดจะมารังแกเธอแม้เพียงนิดเป็นอันขาด!

ถังอี้เห็นเฉินเป่ยชวนไม่พูดไม่จาก็ปิดปากแต่โดยดี พวกเขาเป็นพี่น้องกันมาหลายปีขนาดนี้ ย่อมรู้ดีว่าเฉียวชูเฉี่ยนคนนั้นยังอยู่ในใจพี่น้องคนนี้อยู่

“นายอย่าห่วงไปเลย พวกเราจะต้องหาพวกเขาเจอแน่ๆ และจะต้องปลอดภัยอีกด้วย”

พูดปลอบใจเสร็จแล้ว เขาก็รีบติดต่อคนของตัวเอง อีกฝ่ายเป็นพวกค้ายาเสพติด อย่างน้อยๆ ก็จะต้องมีกันเป็นกลุ่ม ถ้าหากพวกตำรวจตามมาไม่ทัน ลำพังแค่พวกเขาสองคน ไม่มีพรรคพวกมีฝีมือเสียหน่อย จะไปต่อกรกับกลุ่มคนพวกนั้นได้อย่างไรกัน

พอเขาพูดเสร็จ เสียงโทรศัพท์ของเฉินเป่ยชวนก็ดังขึ้น “หาเจอหรือยัง?”

“บอส รถวิ่งขึ้นทางด่วนไปทางซั่นหนานแล้วค่ะ แต่อีกฝ่ายฉลาดมาก จงใจปิดป้ายทะเบียนรถ หากจะค้นหาแบบเรียลไทม์เกรงว่าจะลำบากเสียหน่อยนะค่ะ”

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset