ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 58 สละชีวิตผู้หญิงของผม

“ความหมายของคุณคือ เป็นไปได้ที่จะต้องสละชีวิตผู้หญิงของผมได้ทุกเมื่อเพื่อทลายแก๊งนี้หรือครับ?”

เสียงที่ออกมาจากริมฝีปากบางของเขาราวกับแผ่นน้ำแข็งที่กำลังปริแตก หลินเทียนพยักหน้ายอมรับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น

“คุณลองดูแล้วกัน!” เฉินเป่ยชวนทิ้งสายตาเย็นชาไว้ แล้วหมุนตัวเดินจากไป

ถังอี้รีบเดินตามเขาไป “ถ้าพวกเขาไม่สนใจชีวิตของเฉียวชูเฉี่ยนจริงๆ นายคิดจะทำอย่างไร?”

“ฉันจะไปช่วยด้วยตนเอง”

เขาตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา ฉับไวและปราศจากความลังเลใดๆ ถังอี้ก้มศีรษะเงียบไม่พูดไม่จาไปพักหนึ่ง “ในเมื่อรักเธอถึงขนาดนี้ ทำไมตอนนั้นนายถึงตกลงหย่าเสียล่ะ ช่างเถอะ ตอนนี้มีสามตำแหน่งเป้าหมาย พวกเราทำได้แค่เลือกมาหนึ่งเป้าหมายแล้วเคลื่อนตัวก่อน ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่รอพวกมันร้องขอแลกตัวกับพรรคพวกสองคนที่ถูกจับกุมอยู่เท่านั้น”

“รอไม่ได้แล้ว ฉันจำได้ว่าเมื่อสิบปีก่อนเคยเกิดโครงการทำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เขาลี่ซาน แต่ภายหลังถูกรัฐบาลทิ้งร้างเอาไว้เนื่องจากมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศโดยรอบใช่ไหม?”

เฉินเป่ยชวนเพ่งมองไปยังทิศทางของเขาลี่ซานด้วยสายตาที่เย็นชา คนพวกนั้นจะแลกเปลี่ยนตัวประกันหรือไม่ก็ยังไม่แน่ เฉพาะแค่นึกไปว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องทนไม่ไหวแล้ว แค่หนึ่งวินาทีเขาก็รอไม่ได้แล้ว

“ก็หวังว่าพวกนายสองคนจะส่งกระแสจิตถึงกันได้จริงๆ แล้วกัน”

ถังอี้ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ไปเตรียมสิ่งที่จำเป็นต่อการไปเขาลี่ซานทั้งหมด ถ้าหากเป่ยชวนเลือกสถานที่ผิด ก็เท่ากับพลาดโอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้ช่วยคน ส่วนผลที่จะตามมาต่อจากนั้นเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด

……

เฉียวชูเฉี่ยนตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนจะถูกโอบล้อมด้วยสีเขียวขจี รอจนสมองเธอแจ่มชัดขึ้นมาหน่อยจึงเห็นเป็นป่าไม้ที่มีพืชพันธุ์เขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ ส่วนพวกเธอถูกทิ้งเอาไว้ในตู้คอนเทนเนอร์

“สือเซี่ย ตื่น ตื่น”

เธอพยายามขยับไหล่ไปสะกิดคนที่ยังหมดสติอยู่สองสามที มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่ตื่นตัว ไม่รู้พวกค้ายานั่นพาพวกเธอมาไว้ที่ไหนกัน

มาตอนนี้เหยียนสือเซี่ยถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา อาการเจ็บที่บริเวณลำคอบอกให้รู้ว่าเธอสลบไปได้อย่างไร

“เฉี่ยนเฉี่ยน ที่นี่คือที่ไหน?”

“เธอไม่รู้แล้วฉันจะไปรู้ได้อย่างไรกันล่ะ” เจ็ดปีแล้วที่เธอออกจากประเทศนี้ไป หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เธอก็จำได้เลือนรางเพียงเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเจ็ดปีมานี้ประเทศจีนมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วราวติดจรวดบินขนาดไหน

เหยียนสือเซี่ยอยากจะขยับตัว แต่ไม่อาจขยับได้ด้วยถูกเชือกผูกมัดเอาไว้อยู่ เธอมองต้นไม้สูงใหญ่ที่เขียวชอุ่มชุ่มชื่นข้างนอกอย่างพินิจพิเคราะห์ “ฉันว่าพวกเราน่าจะกำลังอยู่ในป่าเขาซักแห่งทางตอนใต้ของเมืองซั่นเป่ย”

แต่ทางใต้ของเมืองซั่นเป่ยมีป่าเขาหนาทึบอยู่ไม่น้อย จึงไม่อาจจะยืนยันตำแหน่งบริเวณนี้ได้อย่างแน่ชัด

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังตื่นตระหนกและสับสนอยู่นั้น ก็มีเสียงเดินจากด้านนอกเข้ามา “ยัยหน้าเหม็น กินข้าวได้แล้ว”

ชายที่เคยถูกเฉียวชูเฉี่ยนยิงใส่โยนซาลาเปาเย็นชืดมาให้สองถุง จากนั้นก็ส่งยิ้มน่าขยะแขยงมาให้ “อยากกินก็ก้มลงมากัดกินที่พื้นอย่างหมาก็แล้วกัน”

“น่าจะเล็งให้แม่นๆ แล้วยิงอีกสักนัดจริงๆ เลย” เธอบ่นอุบอิบเบาๆ แต่แล้วเธอก็ถูกดึงผมและมองกลับมาด้วยสายตาที่ดุร้ายราวกับจะกินเข้าไปอยู่แล้ว

“ยัยหน้าเหม็น อย่าคิดว่ากูไม่กล้าฆ่ามึงนะ”

“ถ้าพวกเราตายแล้ว พวกแกจะเอาอะไรไปแลกกับพรรคพวกเล่า?” เหยียนสือเซี่ยรีบพูดออกมา ลูกน้องคนนั้นถุยน้ำลายลงพื้น “รอให้เรื่องจบก่อนแล้วคอยดูว่ากูจะฆ่ามึงสองคนไหม” พูดจบก็โมโหฮึดฮัดเดินจากไป

พวกเธอยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อคืน บวกกับบาดเจ็บอีก พลังงานได้ถูกใช้ไปจนจะหมดแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนลองยื่นแขนดู แต่ไม่สามารถยื่นแขนที่อยู่ด้านหลังไปเกี่ยวซาลาเปามาได้เลย

“เธอจะก้มลงทานหรือจะใช้เท้าช่วยทานดี?”

ริมฝีปากซีดขาวยกยิ้มขึ้นมา ตอนนี้พวกเธอไม่อาจหลบหนีไปได้แล้ว สิ่งที่พอจะทำได้คือการกินให้อิ่มท้อง อย่างน้อยๆ ก็เพื่อรักษากำลังเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้มีแรงรอการช่วยเหลือจากตำรวจกู้ภัยได้

“เธอว่าอย่างไรล่ะ?” เหยียนสือเซี่ยก็ยิ้มเช่นกัน เวลาแบบนี้ท่วงท่าอาจไม่น่ามองได้ แต่อากัปกิริยาไม่ควรให้ตกต่ำ

สองสาวเขี่ยๆ รองเท้าออกจากฝ่าเท้า ยังดีที่พวกเธอตัวอ่อนนิ่มจากการออกกำลังกายด้วยโยคะเป็นประจำ แม้นิ้วเท้าจะทำได้ไม่ดีเท่านิ้วมือก็ตาม แต่ยังพอรับประทานซาลาเปาได้อยู่

“ถ้าตอนนี้มีคนมาถ่ายรูปฉันสักใบ ฉันได้ตีเขาให้ตายทั้งเป็นแน่”

เฉียวชูเฉี่ยนทานซาลาเปาแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดผ่อนคลายความตึงเครียดและความหวาดกลัว คุณตำรวจเมื่อใดถึงจะมากันนะ?

เมื่อวานเธอไม่ได้กลับไปทั้งคืน จิ่งเหยียนน่าจะร้อนใจแย่แล้ว ยังมีคุณย่า ท่านคงกังวลใจนั่นนี่โดยไม่จำเป็นอีกเป็นแน่ จากนั้นสมองเธอก็คิดไปถึงอีกคนหนึ่ง คนที่มีใบหน้าเย็นชาชวนเบื่อหน่ายนั่น จะกังวลกับเขาบ้างไหมนะ?

บนท้องฟ้าเหนือเขาลี่ซาน มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินวนเวียนอย่างไม่หยุดหย่อน

เฉินเป่ยชวนมองผ่านกล้องส่องทางไกล ในเมื่อจับสัญญาณไม่ได้ ก็ได้แต่มองด้วยตาเนื้อ เพื่อหาจุดที่พอจะซ่อนตัวได้

“เป่ยชวน ตำรวจอาชญากรรมส่งข่าวจากทางนั้นมาแล้ว พวกค้ายาร้องขอแลกตัวประกันกับพรรคพวกที่บาดเจ็บ สถานที่คือตรงทางวงแหวนของเขาลี่ซานที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้”

ถังอี้มองด้วยสายตาที่เลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยม หรือว่าคนสองคนที่หย่าร้างกันมาเจ็ดปีแล้วจะยังสื่อจิตต่อกันได้จริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะเดาถูก

“พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง?”

เขากระชับกล้องส่องทางไกลให้แน่นขึ้น ถึงจะถามออกไปอย่างใจเย็นได้

“ยังจะพูดอะไรได้ มากสุดก็คือจะรับรองความปลอดภัยของตัวประกันนะครับ” ถังอี้ยักไหล่ วิธีการพูดของทางราชการแต่ไหนแต่ไรมาก็คือมิดชิด ไม่รั่วไหลแบบนี้ล่ะ

“นายไม่จำเป็นต้องไปกับฉัน”

เฉินเป่ยชวนหรี่ตาลง ความหมายของตำรวจอาชญากรรมออกจะชัดเจนขนาดนั้น หากจำเป็นพวกเขาจะดำเนินการจนสำเร็จโดยไม่สนความเป็นความตายอยู่แล้ว

“พูดอะไรออกมา เราสองคนเล่น CS จนโตมาด้วยกัน เคยมีซักครั้งไหมที่ไม่ชนไหล่กันต่อสู้ อีกอย่างผู้หญิงของนายและเพื่อนทนายคนนั้น พวกเราต่างก็เคยรู้จักกันมาก่อน”

ผู้หญิงที่เคยปะทะกันในศาล แม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่เขายังจดจำใบหน้าที่เอาจริงเอาจังแบบนั้นได้อยู่ดี

“ถ้าให้ดีครั้งนี้นายอย่าตกแถวก็แล้วกัน”

“จำเป็นอยู่แล้ว”

ชายสองคนแลกตากัน วันนี้ไม่ใช่การเล่นเกม ถ้าหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาจะ GAMEOVER ทันที และไม่อาจกลับมาเริ่มเล่นใหม่ได้อีกแล้ว

ต้นไม้หนาทึบเขียวชอุ่มนอกตู้คอนเทนเนอร์ช่วยปิดกั้นสายตาจากภายนอกได้ ในเมื่อไม่อาจจับสัญญาณได้ ในนี้จึงเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวที่ปลอดภัยที่สุด

“พี่เฉิง บอสว่าอย่างไรหรือครับ?” ชายที่มีรอยบากเดินตามหลังพี่เฉิงอย่างระมัดระวัง เรื่องในคราวนี้ล้มเหลว หากบอสโมโหขึ้นมา ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็คงไม่เหลือ

“ยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ พวกมึงทำการค้าล้มเหลวแล้วยังทิ้งลูกน้องสองคนเอาไว้ในมือตำรวจอีก แถมตอนนี้ยังต้องเอาตัวคนกลับมาจากไอ้พวกตำรวจอาชญากรรมน่าตายพวกนั้นอีก ไม่อย่างนั้นเกิดพวกมันเอาฐานที่มั่นของพวกเราไปบอกตำรวจ ตัวมึงก็อย่าคิดจะมีชีวิตรอดต่อไปเลย”

“พี่เฉิง ผมก็ไม่คิดจะให้มันเป็นแบบนั้นนี่ครับ แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในนี้ แล้วจะส่งข่าวไปให้พวกมันส่งคนมาแลกได้อย่างไรหรือครับ?”

ชายที่มีรอยบากโค้งศีรษะก้มหัวไม่หยุด สัญญาณถูกบล็อกแล้ว มือถือของพวกเขาได้กลายเป็นของไม่มีประโยชน์ไปแล้ว

“เรื่องนี้มึงไม่ต้องสนใจ บอสติดต่อพวกมันเรียบร้อยแล้ว พวกมึงเตรียมอาวุธให้พร้อม เมื่อเอาผู้หญิงสองคนนั้นไปแลกไอ้โง่สองตัวนั้นกลับมาได้เมื่อใด ให้หาวิธีฆ่าทิ้งเสีย”

พี่เฉิงชำเลืองมองตู้คอนเทนเนอร์จากในระยะไกล ผู้หญิงสองคนนี้รู้เรื่องราวระหว่างทางมาไม่น้อยแล้ว เก็บไว้มีแต่จะยุ่งยากไปเปล่าๆ

“พี่เฉิงวางใจได้ ผมไม่คิดจะให้พวกมันมีชีวิตรอดออกไปได้อยู่แล้ว”

ชายที่มีรอยบากหัวเราะ ฮึๆ ออกมา พวกมันทำร้ายลูกน้องเขาจนบาดเจ็บจะปล่อยให้มีชีวิตรอดได้อย่างไรกัน

สีหน้าของพี่เฉิงเปลี่ยนไปในทันที “เสียงอะไร?”

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset