“เป่ยชวน ฉันไม่อยากให้คุณตาย”
คำพูดร้อนรนเผยคำวิงวอนที่อ่อนแอของเธอทำให้เฉินเป่ยชวนตกใจ เขามองเธอนอนขมวดคิ้วด้วยสายตาที่อ่อนโยนและน่าหลงใหล
“ยายโง่ ผมจะตายได้อย่างไร ผมไม่มีทางให้คุณได้มีโอกาสไปหาชายอื่นอย่างสบายใจหรอกนะ”
พูดจบเขาก็ยื่นมือไปวางบนเอวเธออย่างแผ่วเบา เพียงแค่การเคลื่อนไหวง่ายๆ ก็กระเทือนถูกบาดแผลจนต้องขมวดคิ้ว แต่เขากลับไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนท่า จึงทำให้ระยะห่างครึ่งเมตรเดิมแปรเปลี่ยนเป็นความชิดใกล้ที่มากขึ้นไปอีก
ความที่ไม่ได้นอนหลับดีๆ มาหลายวันแล้ว เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีในเวลาใกล้ค่ำของอีกวันหนึ่ง
เมื่อรู้สึกตัวเฉียวชูเฉี่ยนก็หันไปมองอีกฝั่งหนึ่งของเตียง แต่กลับไม่พบร่างของเฉินเป่ยชวน เธอจึงลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เขาไปไหนแล้ว?
เธอวิ่งออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ แล้วก็พบเฉินเป่ยชวนกำลังถือโทรศัพท์รุ่นเก่าอยู่ที่ลานบ้าน เขาพูดกับอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง เมื่อฟังไปสักพักก็ได้ยินเขาเรียกชื่อคุณย่า มาตอนนี้ถึงนึกขึ้นได้ว่าตลอดสามวันที่ผ่านมาเธอลืมโทรกลับบ้านเพื่อรายงานความปลอดภัยของตัวเองไปเสียสนิท ป่านนี้คุณย่าและจิ่งเหยียนคงจะเป็นห่วงแย่แล้ว
เมื่อเฉินเป่ยชวนวางสายก็ได้ยินเสียงเดินมา เขาหันไปก็เจอกับหญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิง เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา “ถึงผมจะไม่สนใจในตัวคุณ คุณก็ควรสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองบ้างนะ”
“……”
หลังจากที่เธอจัดการกับรูปลักษณ์อันเละเทะของตัวเองอย่างเก้อเขินเสร็จ ก็ไม่พบเขาอยู่ที่ลานบ้านแล้ว ด้วยความเร่งรีบไปชั่วขณะจึงวิ่งออกมาโดยไม่ทันได้สนใจสิ่งเหล่านี้
“คุณ……คุณโทรหาคุณย่าหรือคะ?”
“ไม่อย่างนั้นคุณจะปล่อยให้พวกเขาเป็นกังวลหรือครับ?” เฉินเป่ยชวนชายตาลงมองเฉียวชูเฉี่ยนแล้วอธิบายให้ฟังตามสัญชาตญาณ
“ย่อมไม่ใช่แน่นอนค่ะ สองวันมานี้ฉันแค่……”
ในหัวสมองเธอมัวแต่กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บบนตัวเขา เลยไม่มีเวลาคิดที่จะโทรกลับบ้านเพื่อรายงานความปลอดภัยก็เท่านั้น แต่คำพูดแบบนี้เธอไม่อาจที่จะพูดออกมาได้
เฉินเป่ยชวนส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้คุณป้าที่กำลังง่วนกับการให้อาหารสุกรอยู่ที่ลานบ้าน จากนั้นถึงจะมาพูดกับเธอว่า “ผมหิวแล้ว”
“อ้อ……งั้นฉันไปต้มโจ๊กมาให้นะคะ”
พอถูกเขามองหัวใจของเฉียวชูเฉี่ยนก็เต้นเร็วขึ้นมา เธอจึงรีบหมุนตัววิ่งเข้าห้องครัวไป
คนที่ไม่ชอบให้ผู้อื่นมาปรนนิบัติอย่างเฉินเป่ยชวนอยู่ดีๆ ก็เริ่มมีความสุขกับการที่มีคนมาปรนนิบัติเสียแล้ว แม้คนที่มาปรนนิบัติตนออกจะดูเซ่อๆ ไปบ้าง
หลังจากทานอาหารเหลวไปได้สองสามวันเขาก็ค่อยๆ กลับมาทานอาหารได้เป็นปกติแล้ว ครอบครัวของคุณป้าเรียบง่ายและสัตย์ซื่อ ทุกวันพวกเขาจะมาดูแลพวกเธอพร้อมนำอาหารจำพวกเนื้อมาให้สองอย่าง
“คนหนุ่มคนสาวนี่ดีจัง ฉันมีความสุขมากเวลาที่ได้เห็นพวกเธอสองคน”
“คุณป้า พวกเรา……” เฉียวชูเฉี่ยนอยากจะอธิบาย สถานภาพของพวกเขาในตอนนี้คืออดีตสามีและอดีตภรรยาต่างหาก แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอธิบายจึงเออออไปตามที่คุณป้าพูด
“ใช่แล้ว แม่หนูมีลูกหรือยังล่ะ?”
คนในหมู่บ้านเคยชินกับการคุยสัพเพเหระในระหว่างทานอาหาร คุณป้าคีบเนื้อมาให้ชิ้นหนึ่งแล้วเอ่ยปากถามเธอ
“ฉันมีลูกชายคนหนึ่งแล้วค่ะ”
พูดถึงจิ่งเหยียน ใบหน้าเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นของคนเป็นแม่ในทันที
“ดูไม่ออกจริงๆ หุ่นเราดีขนาดนี้ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่เคยคลอดลูกมาก่อน ลูกชายอายุเท่าใดแล้วล่ะ?”
“เจ็ดขวดค่ะ”
พอเธอตอบไปตามจริง คุณป้าก็ทำหน้าตกใจ จากนั้นก็เริ่มพูดเสียงดังไม่หยุด “เจ็ดขวบแล้วหรือ งั้นควรมีคนน้องได้แล้วล่ะ เด็กๆ ไม่ควรให้วัยห่างกันเกินไปนัก เดี๋ยวพี่น้องจะไม่สนิทกัน”
“ฉันยังไม่คิดจะมีคนที่สองนะค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนมีสีหน้าลำบากใจ คุณย่าเร่งเร้าให้พวกเธอมีลูกคนที่สอง ทำไมคุณป้าก็ยังมาเร่งเร้าอีก เป็นเพราะตอนนี้กำลังฮิตมีลูกคนที่สองหรือ? แต่พอนึกถึงความทุกข์ทรมานตอนคลอดจิ่งเหยียนออกมา ถึงจะตีเธอให้ตายก็ไม่คิดจะคลอดลูกอีกอยู่ดี
“ไม่อยากมีได้อย่างไรกัน มีลูกคนเดียวจะไปทำอะไรได้? เธอฟังป้านะ เธอดูลูกๆ ทั้งสามคนของป้าสิ คนโตกับคนรอง คนรองกับคนที่สาม อายุห่างกันไม่ถึงขวบครึ่ง เวลาป้อนข้าวทั้งลากทั้งจูงเหมือนให้อาหารหมูเลย พอผ่านไปไม่นานก็โตกันหมดแล้ว”
“……”
เธอฟังการเปรียบเทียบลูกของคุณป้าแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกเลย เจ้าตัวน้อยที่แสนน่ารักจะเหมือนหมูในเล้าได้อย่างไรกัน
“พวกเรากำลังพยายามอยู่ครับ”
ใบหน้าของเฉินเป่ยชวนไม่มีอาการขัดเขินออกมาแม้แต่น้อย พอพูดนิ่งๆ ออกไปก็เรียกหัวเราะของคุณป้าขึ้นมา “ต้องอย่างนี้สิ อันที่จริงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรหรอก ทานผักกุยช่ายเยอะๆ ก็ใช้ได้แล้ว”
เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกมึนงง ผักกุยช่ายมาเกี่ยวอะไรด้วย หลังจากนั้นเธอก็คิดออก สีหน้าแดงขึ้นมาอย่างเขินอาย
เหยียนสือเซี่ยเหมือนจะเคยบอกว่าผักกุยช่ายช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศได้
อาหารมื้อนี้ทานไม่รื่นคอเลย โดยเฉพาะสายตาของเฉินเป่ยชวนยามมองมาที่ตัวเธอ เธอมักจะรู้สึกร้อนๆ ไปทั้งตัวเหมือนถูกเผาไฟอย่างไรอย่างนั้น
“เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเธอรีบไปนอนเถอะ”
คุณป้าพูดเสร็จก็ไม่ลืมที่จะขยิบตามาให้ เธอจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วรีบๆ เดินเข้าห้องไป
เฉินเป่ยชวนก็เดินตามเข้ามา พอได้ยินเสียงปิดประตู เฉียวชูเฉี่ยนก็รู้สึกแปลกๆ ไปทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ฉันยังไม่ง่วง หรือคุณจะนอนไปก่อนเลยก็ได้ ฉันว่าจะไปเดินเล่นที่ลานบ้าน สูดอากาศดีๆ ที่หาได้ยากสักหน่อยนะค่ะ”
หาเหตุผลไร้สาระออกมาได้แล้วเธอก็เตรียมจะเดินออก ถ้าเขานอนหลับแต่เนิ่นๆ ก็จะดีที่สุด เธอจะได้กลับมาพักผ่อน แต่พอเธอเดินมาถึงประตูเขาก็คว้าแขนเธอเอาไว้
“คุณคิดจะทำอะไรคะ?”
เมื่อเห็นเธอแสดงท่าทีต่อต้านอย่างเด่นชัด เฉินเป่ยชวนก็ค่อยๆ โกรธมากขึ้น ตอนกำลังทานอาหารเธอยืนยันแน่นอนว่าไม่อยากมีลูกคนที่สอง เป็นเพราะไม่คิดจะมีลูกคนที่สองจริงๆ หรือยังคงไม่ยอมมีลูกกับเขากันแน่
“คุณคิดว่าผมควรจะทำอะไรล่ะ คุณภรรยาของผม?”
พอพูดออกไปอย่างเย็นชาแล้ว เขาก็ดึงเธอขึ้นไปบนเตียง
“เฉินเป่ยชวน คุณอย่าพูดส่งเดชนะ ฉันไม่ใช่ภรรยาคุณเสียหน่อย คุณระวังบาดแผลด้วยสิ”
เธอเอ่ยปากปฏิเสธ แต่กลับไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรมาก ด้วยกลัวจะกระทบถูกบาดแผล จึงยอมให้เขาดึงตัวเองขึ้นเตียง
เฉินเป่ยชวนกดตัวเธอโดยไม่ให้มีการเตรียมตัวใดๆ จากนั้นก็ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาพร้อมลมหายใจที่ค่อนข้างร้อนเข้ามาใกล้ๆ อย่างกะทันหัน เฉียวชูเฉี่ยนหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
“เฉินเป่ยชวน พวกเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นคุณ……”
“ไม่ใช่สามีภรรยากันก็มีลูกไม่ได้หรือ? เฉียวชูเฉี่ยน ตอนที่พวกเราเป็นสามีภรรยากัน คุณก็ไม่ยอมคลอดลูกให้ผม”
เขาอยากบอกเธอเหลือเกินว่า เฉียวชูเฉี่ยน เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ ให้โอกาสกับเจ็ดปีที่ผ่านมา ให้โอกาสต่อกัน ให้โอกาสผมได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานจะได้ไหม
แต่พอได้ยินเธอพูดออกมาจากปากว่าพวกเขาไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน เขารู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ยินยอมสานสัมพันธ์กับเขาเลย! ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมถึงยอมให้เขาข่มขู่เข้าไปอยู่บ้านตระกูลเฉินล่ะ
เป็นเพราะลู่ฉี!
ส่วนหนึ่งของหัวใจเขาเจ็บปวดและขมขื่น เขาแทบอยากจะฉีกคำสองคำนี้ให้เป็นชิ้นๆ ยิ่งนัก
สีหน้าของเฉียวชูเฉี่ยนที่อยู่ใต้ร่างดูซีดเผือก คล้ายว่าจะถูกรื้อฟื้นอดีตที่เธอไม่อยากนึกถึงขึ้นมา ความทุกข์ทรมานเมื่อเจ็ดปีก่อนดูราวกับเมื่อวาน หรือราวกับอยู่ตรงหน้านี้เอง มันยังเจ็บปวดจนไม่อาจจะหายใจได้อยู่
เขายังคงไม่เชื่อในตัวเธอเช่นนั้น
เธอรู้สึกคันที่เบ้าตา แต่เธอไม่จะยอมให้มันกลั่นออกมาเป็นน้ำตา “เฉินเป่ยชวน คุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ หากคุณคิดอยากมีลูก ยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่พร้อมจะคลอดให้คุณค่ะ”