ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 66 เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ

“ทำไมดูแลผมถึงขนาดนี้ครับ?”

เฉียวชูเฉี่ยนถูกเขาถามก็อึ้งไป เขาบาดเจ็บเพราะช่วยเธอ เธอจึงต้องดูแลเขาอยู่แล้ว แต่เธอกลับไม่กล้าเผชิญกับแววตาที่ลดความเย็นชาลงแล้วดวงนั้น

“ถ้าผมไม่ได้บาดเจ็บเพราะช่วยคุณ คุณจะดูแลผมขนาดนี้ไหมครับ?”

“ฉัน……”

เธอปิดปากสนิทเหมือนถูกผูกเอาไว้ทันที ด้วยไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เธอกลัวได้รับคำตอบที่ไม่อยากจะได้รับ จึงไม่กล้านึกถึงปัญหาข้อนี้มาก่อน

แต่เฉินเป่ยชวนเอาแต่บีบบังคับให้ตอบคำถามออกมาให้ได้ เขากุมมือที่ยังว่างอยู่ของเธอ “เฉี่ยนเฉี่ยน คุณยังมีใจให้ผมอยู่ ถูกต้องไหมครับ?”

เธอหยุดมือที่กำลังเช็ดบาดแผลไปชั่วขณะ ช่วงเวลานั้นเธออยากจะทิ้งผ้าขนหนูในมือแล้วออกไปจากพื้นที่ที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในทันใด

เมื่ออดีตสามีถามหญิงสาวที่หย่ากันมาเจ็ดปีแล้วว่ายังมีใจให้เขาอยู่หรือไม่ เป็นเพราะเฉินเป่ยชวนคิดเข้าข้างตัวเอง หรือเป็นความผิดพลาดของเธอเองกันแน่ เจ็ดปีมาแล้ว ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะยังไม่ลืมผู้ชายคนที่หย่าร้างกันและเลิกรักเธอไปแล้วคนนั้นอยู่อีก

“เช็ดเสร็จแล้ว ฉันไปเทน้ำนะคะ”

เธอจินตนาการภาพตอนเผชิญหน้ากับเฉินเป่ยชวนเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วบอกเขานิ่งๆ ว่า คุณแค่คิดไปเองค่ะ ที่ฉันดูแลคุณเป็นเพราะคุณธรรมสามประการเท่านั้น แต่คำพูดที่ทั้งหลอกตัวเองและผู้อื่นเช่นนั้นเธอกลับพูดออกมาไม่ได้

วันและคืนที่อยู่ด้วยกันตลอดสองสามวันนี้ ทำให้เธออดยอมรับไม่ได้ว่าการลืมเฉินเป่ยชวนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีความสุขนั้นเป็นการหลอกตัวเองทั้งสิ้น แม้จะเจ็บปวดทรมานมาเจ็ดปี พยายามที่จะลืมมาตลอดเจ็ดปี แต่ก็ยังมีคำว่าเฉินเป่ยชวนสลักอยู่ในใจเสมอ

“เฉี่ยนเฉี่ยน”

เฉินเป่ยชวนกดมือที่พยายามจะดึงออกเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เย็นชาเหมือนเคยไปว่า “เจ็ดปีนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน”

เจ็ดปีก่อน เขาเซ็นชื่อตัวเองลงบนหนังสือหย่า พอวันที่สองเขาอยากจะลืมให้ได้ว่ายังมีผู้หญิงชื่อเฉียวชูเฉี่ยนอยู่ในโลกใบนี้ แต่ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา ไม่ว่าข้างกายเขาจะมีผู้หญิงสักกี่คน เขาก็ไม่อาจลืมใบหน้าและคราบน้ำตาของเธอออกไปได้ ราวกับรอยแผลถูกเหล็กนาบที่เช็ดไม่ออก

“……”

มือเรียวบางจับอ่างน้ำแน่นขึ้น เขาพูดเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร เขารู้สึกว่าเจ็ดปีมานี้ยาวนานหรือ?

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ”

เจ็ดคำ เฉินเป่ยชวนต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาลถึงจะพูดออกมาได้ แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว เขากลับไม่รู้สึกว่ามันลำบากอย่างที่คิด

แต่เฉียวชูเฉี่ยนฟังแล้วกลับยากที่จะเชื่อ เธออึ้งอยู่ตรงนั้นราวกับถูกฟ้าผ่า

เมื่อครู่เขาบอกว่ามาเริ่มต้นกันใหม่?

เฉินเป่ยชวนเงยหน้ามองเธอ พยายามบังคับสายตาไม่ให้ดูเหมือนกำลังเร่งร้อนรอคำตอบ แต่ในใจเขากลับรู้สึกเหมือนตอนกำลังเผชิญหน้ากับการสอบครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อตอนเด็ก เขาไม่อาจสงบใจลงได้

“เฉินเป่ยชวน……คุณไม่สบายตรงไหนหรือคะ?” ไม่งั้นเขาจะพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?

เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วดึงมือเธอมาแตะที่หน้าอกเขาอย่างแรง “คุณคิดว่าผมไม่สบายตรงไหนถึงพูดคำเช่นนี้ออกมาครับ?”

เฉินเป่ยชวนไม่เคยลดตัวให้หญิงใดมาก่อน ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวบรวมความกล้าพูดออกมาได้ ผู้หญิงคนนี้กลับพูดว่าไม่สบายตรงไหน?

เมื่อเฉียวชูเฉี่ยนสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะผ่านฝ่ามือ หน้าเธอก็แดงก่ำด้วยความไม่ยิมยอม เมื่อคืนเธอเพิ่งจะรื้อฟื้นความเจ็บปวดเมื่อเจ็ดปีก่อนขึ้นมาได้ ตอนนี้เธอควรปฏิเสธเขาให้จงหนักสิถึงจะถูก แต่ทำไมเธอถึงพูดคำนั้นออกมาไม่ได้นะ

ไม่เพียงแค่นี้ หัวใจเธอยังเต้นกระหน่ำมากขึ้นอีกด้วย

“เฉียวชูเฉี่ยน พยักหน้าตอบตกลงนะครับ”

เฉินเป่ยชวนผินหน้ามองเฉียวชูเฉี่ยนด้วยแววตาที่ชวนหลงใหล เธอกลืนน้ำลาย เม้มปากแน่น เพื่อให้ตัวเองมีแรงต้านทานพอที่จะไม่ทำตามเขาบอก

“ฉันไปเทน้ำก่อนนะคะ”

พูดจบเธอก็ออกแรงสะบัดผู้ที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงคนนั้น แต่ทว่าเฉินเป่ยชวนกลับไม่คิดจะปล่อยมือ

เจ็ดปีก่อนเป็นเพราะความหยิ่งในศักดิ์ศรีและทะนงตน ทำให้เขาโกรธอย่างรุนแรงและเซ็นหนังสือหย่าออกไป แต่ตลอดเจ็ดปีมานี้เขาไม่เพียงไม่อาจหลุดพ้นแต่ยังเจ็บปวดทรมานมากขึ้น แค่เพียงนึกชื่อเฉียวชูเฉี่ยนขึ้นมา ก็รู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมากรีดหัวใจเขาจนเป็นแผล เลือดไหลออกมาช้าๆ เช่นนั้น

จู่ๆ ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วดึงเธอเข้าไปกอด

“บอกผมมา คุณก็เป็นเหมือนผม ยังมีตำแหน่งหนึ่งในใจที่ไม่อาจให้ผู้อื่นเข้าไปได้”

น้ำเสียงแหบต่ำเผด็จการอันทรงเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของเขา ทำให้หัวใจเฉียวชูเฉี่ยนเต้นตึกตัก ลืมจังหวะการเต้นเดิมไปเลย

ตำแหน่งหนึ่งที่ไม่อาจให้ผู้อื่นเข้าไปได้?

ราวกับความรู้สึกในใจถูกแบออกท่ามกลางแสงอาทิตย์ เบ้าตาเธอแดงก่ำจนไม่อาจจะควบคุมได้ ลู่ฉีพยายามมาตลอดเจ็ดปี ไม่ใช่ว่าเธอมองไม่เห็น ไม่ใช่เธอปล่อยให้เขารอโดยไม่ให้คำมั่นสัญญา แต่เป็นเพราะเธอทำไม่ได้ ใจเธอตรงนั้นได้มีคนจับจองเอาไว้แล้ว เธอเอาออกไปไม่ได้และผู้อื่นก็ไม่อาจจะเข้ามาได้เช่นกัน

“เฉินเป่ยชวน ฉันเกลียดคุณ”

น้ำตาไหลกลิ้งลงมาไม่หยุด เหมือนความรู้สึกที่เก็บกักเอาไว้ถูกระบายออกมา เจ็ดปีก่อนเธอไร้ที่พึ่งพิงถึงเพียงนั้น แต่เขากลับเก็บมือทั้งสองข้างของตัวเองไว้อย่างเย็นชา เพื่อมองดูเธอตกลงไปในบ่อลึกแห่งความเจ็บปวด และบดขยี้ความฝันที่คาดหวังของเธอจนแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไร้ความปราณี

“เกลียดใครก็ควรจะอยู่กับเขา เช่นนี้ถึงจะเป็นการทรมานที่โหดเหี้ยมที่สุด ความเกลียดถึงจะมีความหมาย”

เฉินเป่ยชวนกดศีรษะเธอมาพิงไหล่ตัวเอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเขาดูอ่อนโยนขึ้น เจ็ดปีที่ผ่านมาช่างยาวนานเหลือเกิน ยาวนานจนเขาเข้าใจในเหตุผลข้อหนึ่งว่า หากไม่มีผู้หญิงที่ชื่อเฉียวชูเฉี่ยนคนนี้ เขาแทบจะไม่มีความหมายอะไร สัมผัสไม่ได้ถึงความสุขสบายใจแม้เพียงนิดเดียว

น้ำตาแทรกซึมเข้าไปในผิวหนังบริเวณไหล่ ความเย็นของน้ำตากลับทำให้เขารู้สึกร้อนลวก

“เฉี่ยนเฉี่ยน ให้โอกาสเราสองคนได้มีความสุขร่วมกันเถอะนะ”

ถ้าเธอไม่กลับประเทศมา เขาก็ยังคงโกรธเคืองและบอกกับตัวเองด้วยความโมโหว่าสายตาเธอไม่ดี เป็นหญิงโง่ที่แยกไม่ออกว่าผู้ชายคนไหนโดดเด่นกว่า แต่ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว เช่นนี้ก็เท่ากับพวกเรามีวาสนาต่อกันที่มากพอ แม้จะเป็นบุพเพอาละวาดที่ทำให้ต้องมาพัวพันกันไปชั่วชีวิตก็ตาม

เฉียวชูเฉี่ยนร้องไห้ไม่หยุดราวเขื่อนแตกอยู่นานมาก ประหนึ่งว่าหากทำเช่นนี้เธอถึงจะมีเรี่ยวแรงและความกล้าที่จะลองแสวงหาโอกาสมีความสุขอย่างที่เฉินเป่ยชวนว่า

เขากระชับวงแขนที่โอบกอดหญิงสาวเอาไว้ และยิ้มซีดๆ ออกมาอย่างหาดูได้ยาก ความรู้สึกยามกอดเธอเช่นนี้ช่างไม่เลวเลยจริงๆ

เฉียวชูเฉี่ยนที่ไม่รู้ว่าตัวเองระบายความอัดอั้นผ่านการร้องไห้ออกไปนานแค่ไหนเริ่มมีสติกลับคืนมาแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มที่ตัวเองกำลังพิงอยู่เริ่มหายใจหนักขึ้น

“เฉินเป่ยชวน?”

ใบหน้าเขาขาวซีด เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าแผลที่หลังเขายังเลือดไหลอยู่

“รีบเอนตัวลงนอนค่ะ”

อย่างที่คิด เมื่อออกจากอ้อมกอดเขา เธอก็พบว่าหลังเขาย้อมไปด้วยสีเลือด

เธอรีบเปลี่ยนน้ำร้อน แล้วเช็ดแผลให้เขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พันแผลให้ใหม่ เช็คแล้วเช็คอีกจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดไหลแล้วเธอถึงจะโล่งใจออกมาได้

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset