ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 69 ดื่มแทนกัน

เฉินเป่ยชวนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงด้วยสีหน้าบอกความมั่นใจ

“เป่ยชวน ที่จริงปล่อยเรื่องราวให้เป็นแบบนี้ไปก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปย่ำน้ำโคลนเลย”

ด้วยความสัมพันธ์ฉันพี่น้องมานานปี เขาจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังอะไร เรื่องร้าน

โซ่วจินเป็นเพียงอุบัติเหตุ เรื่องราวในวงการมืดบางทีมากเรื่องก็มากความ ในเมื่อ

เฉียวชูเฉี่ยนกลับมาอย่างไร้ริ้วรอย เรื่องนี้ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปสาวความยาวต่อความยืดอีกเลย

“เรื่องนี้ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ถ้านายไม่สะดวกใจที่จะออกหน้า ฉันไปคุยกับพวกเขาโดยตรงเองก็ได้”

เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้ว หากไม่เป็นเพราะพวกเขาโชคดีกลับมาอย่างปลอดภัย หนี้ในครั้งนี้คงกลายเป็นคำพยาบาทหลังความหลังไปแล้ว

“ฉันจะมีอะไรไม่สะดวกกันล่ะ ก็แค่เป็นห่วงนาย หากนายยังไล่สืบสวนต่อ เกิดพวกมันถูกบีบจนกลายเป็นสุนัขจนตรอกกระโดดข้ามกำแพงไปทำเรื่องเลวๆ ขึ้นมาล่ะ เป่ยชวน แก๊งนี้ไม่ใช่แก๊งเล็กๆ ธรรมดาๆ เลยนะ” ตำรวจอาชญากรรมวางหมากจับมาตั้งหลายปีก็ยังไม่สามารถจับตัวระดับเอ้ได้ ไม่ง่ายที่จะรับมือเลย

“ก็ให้มันกระโดดข้ามกำแพงไปสิ”

คำพูดแหลมคมปราศจากช่องว่างออกจากปากเรียวบางอีกครั้งทำให้ถังอี้ได้แต่แบมือออกมา “โอเค ฉันจะติดต่อให้แล้วกัน”

“ตอนนี้คงจะเล่าความคืบหน้าของนายกับใครคนนั้นได้แล้วใช่ไหม? ใช่กำลัง……”

ถังอี้ยักคิ้วหลิ่วตาไม่พูดอะไร แต่ยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาแทน ชายหนุ่มผู้เดียวดายกับหญิงหม้ายหย่าร้างอยู่ท่ามกลางป่าเขาอันห่างไกล แล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเชียวหรือ

คนบางคนทำสีหน้าอึมครึม เขาก็คิดอยากให้มีอะไรเหมือนกันนั่นล่ะ

“ไม่จริงน่า? ดูท่านายเฉินเป่ยชวนคงถูกกำหนดให้อยู่ในกำมือของเฉียวชูเฉี่ยนไปตลอดชีวิตเสียแล้ว” เสียดายโอกาสดีๆ แบบนี้เสียเหลือเกิน

เฉินเป่ยชวนส่งสายตาอันเยือกเย็นกลับไปทันที ถังอี้เอามือปิดปาก “ฉันไปดูก่อนนะว่าอาหารเสร็จหรือยัง?อุตส่าห์ไปรับนายแต่เช้า ตอนนี้ท้องร้องจะแย่อยู่แล้ว”

เขารีบลี้ภัยลงมาด้านล่าง อาหารถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะแล้ว

“เสี่ยวถังลงมาพอดี ย่าว่าจะไปเรียกพวกเธอมาทานข้าวอยู่เลย เป่ยชวนล่ะ?” สีหน้าของท่านผู้หญิงเต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด ขอเพียงพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยก็เป็นเรื่องน่าดีใจที่สุดแล้ว

“เดี๋ยวเขาก็ลงมาแล้วครับ คุณย่า วันนี้ผมคงต้องขอทานเยอะๆ หน่อยนะครับ คุณย่าไม่รู้อะไรวันนี้ผมหิวข้าวมากๆ เลยล่ะครับ”

“ได้ ได้ ได้ ทานให้เยอะๆ เลย”

ถังอี้ทำตัวน่ารักอ้อนคุณย่าเสร็จ เฉินเป่ยชวนก็เดินลงมาพอดี มองไปก็เห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ ท่านผู้หญิงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมายกใหญ่ “บ้านเราไม่ได้คึกคักแบบนี้มานานแล้ว”

หลังจากพ่อของเป่ยชวนเสียชีวิตไป บ้านนี้ก็เริ่มเหน็บหนาวขึ้นมา

“คุณย่า หากคุณย่าชอบความคึกคัก อีกหน่อยผมจะให้ถังอี้มาทานข้าวที่บ้านบ่อยๆ แล้วกันครับ”

เฉินเป่ยชวนกุมมือคุณย่าที่ซีดเหี่ยวไปตามวัย เจ็ดปีมานี้เขาแทบจะไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าเลย

“ไม่มีปัญหา คุณย่า ผมชอบทานข้าวบ้านคุณย่ามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ”

ถังอี้รีบกล่าวคำสอดรับทันที จากนั้นก็หยอกเย้าท่านผู้หญิงอย่างอารมณ์ดี

“เจ้าเด็กคนนี้ ปากหวานขนาดนี้ไม่รู้อีกหน่อยจะมีสาวบ้านไหนที่ถูกปากกะล่อนๆ ของเราหลอกเข้าล่ะ” ท่านผู้หญิงพูดไปด้วยสายตาก็มองไปยังเหยียนสือเซี่ยไปด้วย “ย่าว่าสือเซี่ยคนนี้ก็ไม่เลวนะ”

“……”

เหยียนสือเซี่ยรู้สึกขัดเขินไปในชั่วพริบตา เธอแค่จะอยู่ปลอบใจผู้เฒ่าผู้แก่คนหนึ่งจึงยอมสละตัวเองเพื่อความสุขของท่าน แต่ไม่ใช่มาจับคู่กันแบบนี้ เพราะถึงเธอจะมีสายตาสั้น 100° ก็คงไม่ตาบอดถึงขนาดไปเลือกคนเฮงซวยหรอก

“คุณย่ารีบทานข้าวเถอะค่ะ”

เฉียวชูเฉี่ยนช่วยเพื่อนสนิทด้วยการเบี่ยงประเด็นทันที ท่านผู้หญิงจึงยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมา “วันนี้ย่าดีใจเป็นพิเศษ เรามาดื่มกันสักหน่อย”

แก้วน้ำตรงหน้าของเฉินเป่ยชวนมีไวน์แดงอยู่เต็มแก้ว นัยน์ตาเธอร้อนรนขึ้นมา ร่างกายเขายังมีบาดแผลอยู่ไม่ควรดื่มเหล้า แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว ที่ใต้โต๊ะก็มีมือใหญ่ของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างมาจับต้นขาเธอเอาไว้

เขาพูดที่ข้างหูเธอ เสียงเบาจนมีแต่พวกเขาสองคนที่ได้ยิน “อย่าทำให้คุณย่าเป็นกังวลสิ”

“แต่คุณ……”

เธอยังพูดปฏิเสธไม่จบดี เฉินเป่ยชวนก็ยกแก้วขึ้นมา เธอจึงทำได้แค่ยกแก้วขึ้นตาม หวังว่าเหล้าแก้วนี้จะไม่มีผลต่อการฟื้นตัวของบาดแผลก็แล้วกัน

แก้วน้ำชนกันราวกับเป็นนิมิตหมายแห่งความสุข ความรู้สึกในใจเธอก็อบอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“เมื่อครู่นี้ฉันเห็นพวกนายกัดหูกันหวานฉ่ำเชียว ตอนนี้ฉันยังเป็นโสดอยู่นะ พวกนายทำกันแบบนี้ใจแคบกันเกินไปแล้ว เป่ยชวน ฉันทำโทษนายสามแก้ว”

ถังอี้ลุกขึ้นทันทีแล้วรินเหล้าใส่แก้วเฉินเป่ยชวน เขาไม่ลืมยกนิ้วโป้งให้กับตัวเองในใจ เขาต่างหากที่เป็นคิวปิดอันดับหนึ่งแห่งซั่นเป่ย ถ้าทำให้เพื่อนเขาสามารถพิชิตใจสาวได้ แค่เหล้าลงท้องไม่กี่แก้ว ไม่เปลืองแรงหรอก

“ฉันดื่มแทนเขาเองค่ะ”

เฉียวชูเฉี่ยนยืนขึ้นแล้วหยิบแก้วไวน์ตรงหน้าเขาดื่มจนหมด บาดแผลที่ตัวเฉินเป่ยชวนยังปิดไม่สนิทดี หนึ่งแก้วที่ดื่มไปก่อนหน้าก็เกินลิมิตแล้ว

ไม่เพียงเฉพาะถังอี้ คนอื่นๆ บนโต๊ะก็ตกใจกับท่าทีที่กะทันหันของเธอเช่นกัน พอท่านผู้หญิงตั้งสติได้ก็ยิ้มเป็นพระจันทร์เสี้ยวสองดวงขึ้นมาทันที ยายหนูปกป้องเป่ยชวนแบบนี้ ดูท่าความคืบหน้าของสองคนนี้ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาคงไปได้สวยเลยทีเดียว

ถังอี้ผงะไปชั่วขณะ ถึงขนาดดื่มไวน์แทนกันแล้ว ก็ดี จับพี่น้องดื่มเหล้าย้อมใจไม่ได้ มอมเหล้าหญิงสาวไปเลยแล้วกัน

พอเห็นแก้วในมือเต็มอีกแล้ว เธอแทบอยากจะเตะนายถังอี้ออกไปจริงๆ แต่เธอเอ่ยปากพูดไปแล้ว จึงได้แต่แข็งใจดื่มมันลงไป

หนึ่งแก้ว สองแก้ว สามแก้ว

หลังจากดื่มเหล้าไปสามแก้ว เธอก็อดสะอึกออกมาไม่ได้ พอจะนั่งลง ก็มีเหล้ามาเติมอีก “เมื่อครู่เป็นการทำโทษเป่ยชวน คราวนี้ผมขอดื่มให้คุณครับ”

ถังอี้หัวเราะแหะๆ เขาเริ่มมาตรการมอบเหล้าเฉียวชูเฉี่ยนต่อไป

“……”

รู้ว่าเขาจงใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังจะดื่มเหล้า เฉินเป่ยชวนก็ดึงแก้วเหล้าของเธอไป

“เมื่อครู่คุณช่วยผมดื่มแล้ว ครั้งนี้ผมช่วยคุณดื่มเอง” พูดจบก็เงยหน้าดื่มเหล้าลงไปจนหมดแก้ว

“พวกนายสองคนน่าสนใจจริงๆ งั้นอีกแก้ว”

ถังอี้หรี่ตา วันนี้เขาได้สร้างโอกาสอันยอดเยี่ยมให้แล้ว ถ้าหากยังไม่มีอะไรคืบหน้าอีก ต่อไปคงได้มองเฉินเป่ยชวนด้วยสายตาที่ดูหมิ่นแล้ว

เฉินเป่ยชวนดื่มรวดเดียวสองแก้ว ท่านผู้หญิงก็เอ่ยปากหยุดมาตรการคิวปิดของถังอี้ “อย่าเอาแต่ดื่มเหล้า ทานข้าวๆ”

“หนุ่มๆ สาวๆ ไม่รู้จักถนอมร่างกายของตัวเองเลยนะ ดื่มเหล้าเป็นการทำลายกระเพาะที่สุด”

เว่ยชูหรงพูดแทรกออกมา แต่ในใจแทบอยากให้เฉินเป่ยชวนดื่มจนตายไปเลย เธอและจิ้นถงไม่ใช่คนในตระกูลเฉินหรืออย่างไร ท่านผู้หญิงถึงมองเห็นแต่เฉินเป่ยชวน

เฉียวชูเฉี่ยนเกิดอาการเวียนศีรษะแล้ว แม้เธอจะดื่มเหล้าเก่ง แต่เมื่อครู่เธอโหมดื่มมากเกินไป แอลกฮอล์เริ่มทำงานจนสมองเริ่มจะไม่สั่งการแล้ว เธอพยายามฝืนทานอาหารจนเสร็จ เธอชักอยากจะอาเจียนออกมาเสียแล้ว

“คุณย่า หนูรู้สึกเวียนศีรษะนิดหน่อย ขอพาจิ่งเหยียนขึ้นข้างบนก่อนนะคะ”

“จะให้ย่าสั่งคนเตรียมน้ำแกงสร่างเมาให้หนูหน่อยไหม?”

ท่านผู้หญิงเห็นแก้มเธอแดงจางๆ แล้ว จึงอดพูดออกไปด้วยความกังวลไม่ได้

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวนอนสักพักก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

เมื่อกลับถึงห้องพัก ก็รู้สึกเหมือนไวน์แดงและอาหารตีกันอยู่ในกระเพาะ เธอรีบพุ่งเข้าห้องน้ำแล้วจับชักโครกอาเจียนออกมา

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset