ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 7 ตอนนี้เขาเป็นของฉัน!

ทันทีที่ฝ่ายชายก้าวเท้าเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเฟยเอ๋อร์ก็เย็นชาขึ้นหลายส่วน เธอมองเฉียวชูเฉี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยสายตาที่เยือกเย็น

หากเธอจำไม่ผิด วันนั้นคนที่เจอในร้านอาหารสไตล์ตะวันตกก็เหมือนจะเป็นผู้หญิงคนนี้ และยังมีเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง

สัญชาตญาณหญิงบอกกับเธอว่า ผู้หญิงคนนี้ในอดีตจะต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยชวนเป็นแน่

รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย จากนั้นหลินเฟยเอ๋อร์ก็พูดผ่านริมฝีปากสีแดงว่า “ฉันไม่สนว่าเธอกับ

เป่ยชวนจะเคยมีความเกี่ยวพันอันใดต่อกันมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเป็นของฉัน ต่อไปเธอทำงานอยู่ข้างเขาก็ขอให้ใจซื่อมือสะอาดหน่อยแล้วกัน!”

เฉียวชูเฉี่ยนคิดๆ ดูแล้วก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าหญิง ‘สายบริสุทธิ์ไร้เดียงสา’ ที่เล่าลือกันไปทั่วเวลาอิจฉาริษยาขึ้นมาจะมีท่าทีที่ดุร้ายถึงเพียงนี้

ทั้งน่ากลัวและขี้เหร่เหลือเกิน

“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ ถึงฉันจะมีความกล้าเต็มร้อยก็ไม่อาจหาญมาแย่งคุณผู้ชายของ

คุณเฟยเอ๋อร์หรอกค่ะ”

เฉียวชูเฉี่ยนถอยหลังไปสองก้าวแล้วยิ้มน้อยๆ ออกมา “ใครไม่รู้กันบ้างว่าเบื้องหลังของ

คุณเฟยเอ๋อร์ยิ่งใหญ่มากขนาดไหน”

หลินเฟยเอ๋อร์ส่งเสียง ฮึ ด้วยความลำพองใจ จากนั้นก็กวาดสายตาไปทางเฉียวชูเฉี่ยวอย่างหยิ่งยโส

“เฟยเอ๋อร์” เสียงอันเย็นชาของเฉินเป่ยชวนลอยมาจากทางด้านหน้า

แล้วริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยของหลินเฟยเอ๋อร์ก็ปิดแน่นลงทันที เธอจ้องหน้า

เฉียวชูเฉี่ยนอย่างดุดัน

หลังจากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มงดงามดั่งดอกไม้แล้วรีบเดินไปจับแขนเฉินเป่ยชวนอย่างนุ่มนวล “เป่ยชวน เมื่อก่อนเลขาเฉียวเคยเรียนการแพทย์มาจริงๆ หรือคะ? เกิดเธอไม่เหมาะกับงานนี้ขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะคะ?”

“ไล่ออก” สองคำง่ายๆ ถูกเอ่ยออกมาอย่างเย็นยะเยือก

เฉียวชูเฉี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ บังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มออกมา

“ค่ะ ฉันก็คิดเหมือนกัน ถึงแม้ MR ใกล้จะปิดตัวลงก็คงไม่เลี้ยงคนที่ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ!”

หลินเฟยเอ๋อร์หัวเราะออกมา รู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ “คุณอย่าได้ไว้หน้าฝั่งนายทุนโดยเห็นแก่สาวงามนะคะ!”

เฉินเป่ยชวนโอบเอวบางของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเอาใจหนักมาก “ถึงเขาสวยกว่านี้แล้วจะสวยได้เท่าคุณหรือครับ? หือ?”

“เกลียดเสียจริง!”

เฉียวชูเฉี่ยนมองแผ่นหลังของพวกเขาที่เดินจากไป ก็ร้อง เฮ้อ ในใจ

หากรู้มาก่อนว่าฝ่ายที่รับช่วงต่อของ MR คือเฉินเป่ยชวน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมรับปากนายเธอแล้วรับงานหนักแบบนี้มาทำเด็ดขาด

คุณเลขาที่อยู่ข้างๆ ลองเรียกหยั่งเชิงเธอดู “เลขาเฉียวคะ?”

เฉียวชูเฉี่ยนถอนสายตาของตัวเองกลับมาทางคุณเลขาจากนั้นก็พยักหน้า “ขอโทษด้วยนะคะ พวกเราไปห้องทำงานกันค่ะ”

เนื่องจากลินดาต้องดูแลงานเหล่านี้ด้วย ห้องทำงานจึงอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานท่านประธานมากนัก ยามนี้เธอจึงให้คนเข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานที่อยู่ข้างๆ ห้องของท่านประธาน จากนั้นจึงพาเฉียวชูเฉี่ยนเข้าไป

อุปกรณ์การทำงานถูกจัดสรรอย่างพร้อมสรรพ อีกทั้งหน้าต่างกระจกภายในห้องยังยาวถึงพื้น ทำให้รับแสงเข้ามาได้เต็มที่

แต่กระจกฝั่งซ้ายที่อยู่ติดกับห้องทำงานของท่านประธาน ซึ่งไม่ว่าคนหรือสิ่งของก็สามารถมองเห็นกันทะลุกันได้ โดยมีเพียงม่านบังตาปิดเอาไว้เพียงเท่านั้น อีกทั้งที่บังคับม่านบังตาให้ขึ้นลงก็อยู่ฝั่งห้องทำงานของท่านประธานอีกด้วย ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกกระดากอายยิ่งนัก

หากม่านบังตานี้ถูกดึงขึ้น ความเป็นส่วนตัวของเธอก็จะหายไปมิใช่หรือ?

ลินดายกกล่องเอกสารที่สำคัญเข้ามาเพื่อให้เฉียวชูเฉี่ยนได้อ่านผ่านตา “เลขาเฉียว นี่คือเอกสารเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาของ MR คุณผ่านตาดูก่อนนะคะ หากมีจุดไหนที่ผิดปกติให้โทรภายในมาหาฉันนะคะ อีกเรื่องหนึ่ง นี่คือกำหนดการเดินทางในสัปดาห์หน้าของประธานเฉินค่ะ”

รอให้ลินดาเดินออกไปแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนจึงพลิกกำหนดการเดินทางเล่มนั้นดู

หลังจากสัมผัสถูกคำว่า ‘หลินเฟยเอ๋อร์ งานเลี้ยงแบบค็อกเทล รับประทานอาหาร’ เธอก็ย้ายสายตาออกมา แล้วนวดบริเวณขมับด้วยรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย และมีความขมเปรี้ยวบางส่วนอยู่ภายในใจ

ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ หลินเฟยเอ๋อร์ได้กลายมาเป็นคู่รักที่แน่นอนของเขาไปแล้วหรือ?

แล้วที่คุณถือร่มแล้วดึงฉันเข้ามาแนบอกล่ะ/ทุกคำสาบานที่เอ่ยอย่างจริงจังล่ะ/สายตาที่อ่อนโยนนับพันของคุณ…..

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกตกใจ แต่พอได้เห็นเบอร์ที่คุ้นตา เบ้าตาเธอก็ร้อนผ่าว

ตอนที่ออกนอกประเทศ เฉียวชูเฉี่ยนได้เก็บหมายเลขนี้เอาไว้ เธอเติมเงินจ่ายค่าโทรศัพท์ของหลายปีที่ผ่านมาในครั้งเดียว วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ใส่ซิมเบอร์นี้และเปิดใช้ เธอไม่คิดเลยว่าสายแรกที่โทรเข้ามาจะเป็นท่านผู้หญิงเฉิน

ขณะที่รับโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอก็กลายเป็นเสียงสะอื้นไห้ไปพักหนึ่ง “คุณย่า……”

“ฮ้า นังหนูเฉียวใช่ไหม?”

หลังจากที่ได้ยินเสียงของเฉียวชูเฉี่ยนอย่างชัดเจน ท่านผู้หญิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา “นังหนูคนนี้ ย่าเป็นห่วงแทบแย่ล่ะ หลายปีมานี้ย่าคิดถึงหนูมาตลอดเลยนะ”

คำพูดของท่านผู้หญิงทำให้เฉียวชูเฉี่ยนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก “คุณย่า ขอโทษนะคะ”

“เด็กโง่ มาพูดคำขอโทษกับย่าทำไมกัน” ท่านผู้หญิงดุเธอไปคำหนึ่ง แล้วพูดว่า “นังหนู

เอ้ย ในเมื่อกลับมาแล้ว เย็นนี้ก็มาทานข้าวด้วยกันนะ ย่าคิดถึงหนู”

เฉียวชูเฉี่ยนลังเลไปพักหนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็ตอบตกลงไป

ในสมัยที่เธอยังเป็นสะใภ้ตระกูลเฉินอยู่ ท่านผู้หญิงเฉินดีกับเธอมาก ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นคุณย่าจริงๆ ไม่ได้พบกันมาเจ็ดปีแล้ว เธอก็อยากจะเห็นว่าผู้สูงวัยท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

……

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset