ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 74 เจ็ดปีช่างยาวนาน

ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมาแม้ว่าเธอจะพยายามอย่างหนักเพื่อเป็นแม่ที่ดีแต่ก็ไม่สามารถแทนที่พ่อในหัวใจของลูกได้ เธอทำให้จิ่งเหยียนขาดความรักของพ่อไปถึงเจ็ดปี

“โอเคค่ะ”

เมื่อสงบอารมณ์ลงได้เธอจึงปิดคอมพิวเตอร์ หยิบกระเป๋าและลงไปชั้นล่างกับเฉินเป่ยชวน

รถมายบัคมุ่งหน้าไปยังสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่งด้วยความเร็วสูง เฉียวชูเฉี่ยนมองทิวทัศน์สองข้างทางที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตอนที่อยู่บ้านป้า เฉินเป่ยชวนบอกว่าเจ็ดปีนั้นมันยาวนานมาก เขาจะไม่ยอมทำพลาดแล้วปล่อยให้มีเจ็ดปีครั้งที่สองครั้งที่สามตามมาแน่

บางทีถ้าหากเธอกล้าหาญกว่านี้ ไม่แน่ว่าเจ็ดปีที่ผ่านมาคงจะไม่เจ็บปวดขนาดนี้

เมื่อสัญญาณเลิกเรียนดังขึ้น เฉียวจิ่งเหยียนจึงสะพายกระเป๋านักเรียนแล้วเตรียมตัวจะไปรอคุณย่าทวดที่ประตู แต่ถูกเด็กหญิงตัวน้อยแสนสวยหยุดไว้ก่อน

“เฉียวจิ่งเหยียน วันอาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดฉัน เธอไปฉลองวันเกิดของฉันที่บ้านฉันได้ไหม”

เด็กหญิงตัวน้อยกะพริบตา ดวงตากลมโตสีดำและใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือราวกับตุ๊กตานั้นกำลังรอคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อ

“สุขสันต์วันเกิดนะ แต่ฉันไม่ว่างน่ะ”

เจ้าตัวน้อยปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิด ไม่สนใจหัวใจสีชมพูดวงน้อยที่แตกสลายของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง

“วันอาทิตย์เธอยังมีอะไรต้องทำอีกเหรอ ฉันคิดว่า … ”

เด็กหญิงตัวน้อยไม่ยอมแพ้และอยากลองชวนอีกครั้ง แต่ทว่าถูกเด็กชายที่เดินมาจากทางด้านหลังขัดจังหวะไว้ “เสี้ยวเสี้ยว ถ้าเขาไม่ไปเธอเชิญพวกเราก็ได้นะ พวกเราอยากไปฉลองวันเกิดเธอ เดี๋ยวฉันบอกให้พ่อซื้อตุ๊กตาลิมิเต็ดเอดิชั่นให้เธอเอาไหม?”

เจ้าเด็กอ้วนที่ดูเย่อหยิ่งพูดแทรกขึ้นมา ครอบครัวของเขามีเงินมากมายและเสี้ยวเสี้ยวก็ชอบตุ๊กตา ดังนั้นเขาจึงซื้อตุ๊กตารุ่นลิมิเต็ดที่แพงที่สุดให้เธอได้

“ขอบใจ แต่ฉันไม่อยากได้”

เสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้าอย่างไม่มียินดี เธอไม่ต้องการตุ๊กตาลิมิเต็ดอิดิชั่นใดๆ แค่หวังว่าเฉียวจิ่งเหยียนจะมาฉลองวันเกิดของเธอด้วยกันเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน เฉียวจิ่งเหยียนจึงก้าวเดินออกไปข้างนอก แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงสิบเมตรก็ถูกกลุ่มเด็กผู้ชายในชั้นเรียนตามมาล้อมหน้าล้อมหลัง

เขาขมวดคิ้วพลางมองเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ตรงหน้า “พวกนายจะทำอะไร?”

“เป็นเพราะนาย เสี้ยวเสี้ยวเลยไม่ยอมให้ฉันไปฉลองวันเกิดของเธอ แถมยังปฏิเสธตุ๊กตาลิมิเต็ดอิดิชั่นของฉันอีก”

เจ้าเด็กอ้วนเอ่ยออกมาอย่างโกรธๆ เสี้ยวเสี้ยวเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียน เขามักจะหาของสนุกๆ มาเอาใจเธอและเธอไม่เคยปฏิเสธ แต่ทว่าตั้งแต่เด็กที่ชื่อเฉียวจิ่งเหยียนย้ายเข้ามาในชั้นเรียน เสี้ยวเสี้ยวก็เริ่มปฏิเสธเขา

“นั่นมันเรื่องของนายกับเธอ เกี่ยวอะไรกับฉัน?”

เฉียวจิ่งเหยียนไม่อยากจะสนใจคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสืออย่างหมอนี่ แต่กลับถูกอีกฝ่ายผลักอย่างแรงจนล้มลง

“พวกนายมาตรงนี้ หยิกเขา”

เจ้าเด็กอ้วนเรียกให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆ มาช่วย แล้วกดเขาลงกับพื้นทันที

ความเจ็บปวดที่ต้นขาทำให้เฉียวจิ่งเหยียนถึงกับคิ้วขมวด แต่ที่ทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าก็คือความอัปยศอดสูนี่

“พวกนายอย่าทำร้ายเฉียวจิ่งเหยียนนะ!”

เสี้ยวเสี้ยววิ่งเข้ามาเพื่อจะช่วยเขา แต่เด็กหญิงตัวน้อยสู้แรงของเด็กชายวัยเดียวกันไม่ได้

“ไอ้เด็กน่ารังเกียจไม่มีพ่อ! พวกเราไปกันเถอะ”

เจ้าเด็กอ้วนพอใจแล้ว เขาตะโกนอย่างอวดดีก่อนจะเรียกเพื่อนของเขาให้ไปจากตรงนี้

“เฉียวจิ่งเหยียน นายไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อเห็นพวกเขาเดินไปไกลแล้วเสี้ยวเสี้ยวก็รีบเข้ามาหาเขา แต่เฉียวจิ่งเหยียนผลักแขนของเธอเบาๆ “เธอไม่ต้องมายุ่ง”

“ขอโทษนะ เป็นเพราะฉันนายเลยโดนพวกนั้นรังแก”

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”

เขาลุกขึ้นยืนและเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเดินไปยังประตูโรงเรียนโดยไม่หันกลับมามอง

เฉียวชูเฉี่ยนไม่ได้มารับลูกชายตอนเลิกเรียนนานแล้วและเธอก็ละอายใจมาก เมื่อเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นเธอจึงชะเง้อคอรอเจ้าตัวน้อยออกมา แต่รออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เห็นเขาออกมาเสียที

“ทำไมยังไม่ออกมาอีกนะ”

ในขณะที่กำลังบ่นพึมพำอย่างกระวนกระวายใจ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กๆ ที่คุ้นเคยเดินออกมา

“จิ่งเหยียน หม่ามี๊อยู่นี่”

“หม่ามี๊ ทำไมหม่ามี๊ถึงมารับผมได้ล่ะฮะ”

เจ้าตัวน้อยขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอ เขาทำได้เพียงกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่ขาทั้งสองข้าง ถ้าหม่ามี๊รู้ว่าเขาถูกรังแกในโรงเรียนละก็เธอคงไม่สบายใจแน่ๆ

“หม่ามี๊เป็นหม่ามี๊ของหนู ทำไมจะมารับหนูไม่ได้ล่ะ”

เฉียวชูเฉี่ยนรับกระเป๋านักเรียนของเขามาถือไว้ก่อนจะจูงเขาเดินไปที่รถมายบัคซึ่งจอดอยู่ข้างๆ

เฉินเป่ยชวนนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ สายตาอันแหลมคมของเขาเหลือบไปเห็นขาของเจ้าตัวน้อยที่เดินมาด้วยท่าทางแปลกๆ เด็กคนนี้เจ็บขางั้นหรือ?

“ทำไมคนนิสัยไม่ดีถึงมาด้วยล่ะ?” เมื่อเจ้าตัวน้อยเข้าไปในรถและเห็นเฉินเป่ยชวน เขาก็ท้วงขึ้นมาทันที

“มีรถนั่งแถมยังไม่ต้องเสียเงิน เธอยังจะเรื่องมากอะไรอีก”

เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เธอจึงรีบบีบจมูกของเจ้าตัวน้อยเบาๆ เพื่อบอกให้เขานั่งลงและอยู่เฉยๆ แต่เฉินเป่ยชวนกลับลงจากรถและเดินมาเปิดประตูหลัง

“คุณจะทำอะไรน่ะ”

พอเห็นแบบนั้นเฉียวชูเฉี่ยนจึงปกป้องลูกชายตามสัญชาตญาณ ผู้ชายคนนี้คงไม่ใจแคบขนาดนั้น จิ่งเหยียนพูดแค่นั้นเอง เขาที่เป็นผู้ใหญ่ถึงกับจะตอบโต้เลยหรือ?

เขาเอื้อมมือออกไปแล้วใช้นิ้วเรียวจับกางเกงของเจ้าตัวน้อยเอาไว้ ออกแรงเพียงครั้งเดียวก็ดึงกางเกงของเขาจนหลุดออกจากเอว

“เฉินเป่ยชวน คุณบ้าไปแล้ว”

เธอยังพูดไม่ทันจบก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นรอยแดงที่น่าสงสัยบนต้นขาทั้งสองข้างของเจ้าตัวน้อย ยิ่งมาอยู่บนขาขาวป้อมเช่นนี้ก็ยิ่งเห็นรอยได้ชัดเจน บางรอยถึงกับมีเลือดซิบซึ่งดูแล้วน่าตกใจมาก

“จิ่งเหยียน คุณครูทำโทษลูกหรือ?”

เธอนึกถึงข่าวที่คุณครูลงโทษเด็กด้วยการทำร้ายร่างกายขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หรือว่าจะมีครูที่ไร้ศีลธรรมในโรงเรียนเก่าของเธอ?

“ไม่ใช่ฮะ”

เจ้าตัวน้อยอยากจะดึงกางเกงขึ้นเพื่อปกปิดกางเกงในลายโดราเอมอนของตัวเอง แต่เฉียวชูเฉี่ยนกดขาของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

“งั้นเกิดอะไรขึ้น?” รอยแผลแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการล้มหรือกระแทกอะไรอย่างแน่นอน

เฉินเป่ยชวนมองบาดแผลที่ขาของเจ้าตัวน้อยและหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว เขากลับไปยังที่นั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ รถมายบัคเลี้ยวหักเลี้ยว 90 องศาอย่างฉวัดเฉวียนและพุ่งตรงไปขวางทางออกของลานจอดรถหน้าโรงเรียนเอาไว้

“นี่คุณ ทำไมจอดรถแบบนี้?”

ผู้ปกครองที่อยู่ด้านนอกซึ่งกำลังเตรียมจะขับรถออกไปบีบแตรและตะโกนโวยวายขึ้นทันที แต่ราวกับว่าไม่ได้ยินใครทั้งนั้น เขาลงไปเปิดประตูหลังและฉุดเจ้าตัวน้อยออกจากที่นั่น

“อย่าดึงผม ผมยังไม่ได้ใส่กางเกงเลย”

เจ้าตัวน้อยรีบดึงกางเกงนักเรียนขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาแดงขึ้นหน่อยๆ หวังว่าชั่วเวลาไม่กี่วินาทีนี้คงไม่มีใครเห็นกางเกงในของเขาหรอกนะ

“ไปลากตัวพวกนั้นมาให้หมด”

เฉินเป่ยชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เจ้าตัวน้อยเอียงคอมองเขาพลางเม้มปาก เขารู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น?

“ไปพาคนที่หยิกเธอมาให้หมด”

ริมฝีปากบางเผยอออกและส่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น บาดแผลที่ขาของเจ้าเด็กเหลือขอนี่เกิดจากการถูกหยิกและบิด ทั้งยังไม่ได้ทำแค่คนเดียวด้วย

“…”

“คนอื่นทำร้ายเธอทำไมเธอถึงไม่สู้กลับ?” แววตาของเฉินเป่ยชวนเริ่มมีความโมโหเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดและไม่ยอมขยับเขยื้อน

“ผมตัวคนเดียวจะไปสู้อะไรได้” เจ้าตัวน้อยพูดออกมาเบาๆ ประโยคหนึ่ง เขาไม่ได้กลัว แต่ถ้าสู้กลับเขาคงได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ สู้รอให้มีกำลังมากกว่านี้แล้วค่อยสั่งสอนเจ้าพวกนั้นอีกทีดีกว่า

“ตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ไปลากพวกนั้นออกมา”

รูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเฉินเป่ยชวนยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่ออยู่ในชุดสูทสีดำที่สั่งตัดอย่างดี ผู้ชายแบบเขาเป็นผู้ชายประเภทที่ผู้หญิงเห็นแล้วอยากจะโผเข้าหา แต่กระแสความเย็นชาที่แผ่ออกมาตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับทำให้คนกลัวที่จะเข้าใกล้

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset