ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 85 จัดเตรียมงานเลี้ยง

เช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยชูหรงเริ่มสั่งให้คนรับใช้จัดสถานที่จัดงานเลี้ยง

“แม่ ตกแต่งช่อดอกไม้เยอะขนาดนี้ มันดูโอเวอร์ไปหน่อยหรือเปล่าครับ”

เฉินจิ้นถงในชุดสูทสีขาว ดูอบอุ่นและสง่างาม แว่นกรอบสีทองบนใบหน้าทำให้เขายิ่งดูมีการศึกษามากขึ้น ตอนที่เขายิ้มเบาๆ โดยไม่พูดอะไรนั้นช่างราวกับดอกบัวสีขาวที่กำลังเบ่งบาน

“จะโอเวอร์ได้ยังไง ผู้หญิงน่ะต่างก็ชอบดอกไม้กันทั้งนั้นแหละ”

เว่ยชูหรงยืนกรานว่าจะใช้ดอกไม้เหล่านี้ เธอใช้โอกาสนี้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าตระกูลเฉินไม่ได้มีหลานแค่เพียงเฉินเป่ยชนคนเดียว แต่ยังมีเฉินจิ้นถงอีกคน เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขาก็เป็นเลือดของตระกูลเฉิน ทัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเฉินก็ถือว่าเป็นของเขาครึ่งหนึ่งเช่นกัน

เฉียวชูเฉี่ยนก้มศีรษะลงและเหลือบมองไปที่เสื้อผ้าที่ซีดเซียว พลางถึงตอนที่สวมชุดราตรีออกงานกับเฉินเป่ยชวนเมื่อสิบปีที่แล้ว

“อยากดูชุดที่ผมเตรียมไว้ให้ก่อนไหม?”

เฉินเป่ยชวนโอบเอวของเธอ พลางกระซิบด้วยเสียงอันเร่าร้อนข้างหูของเธอเบาๆ

“คุณเตรียมชุดไว้ให้ฉันเหรอคะ? ”

เดิมทีเธอคิดว่าจะไปเลือกชุดออกงานสักชุดหนึ่ง

“แน่นอน ผู้หญิงของผมไม่เคยแพ้ผู้หญิงคนไหน”

เฉินเป่ยชวนยิ้มอย่างมีเลศนัยและพาเธอไปที่ห้องนอนบนชั้นสาม

กล่องสวยหรูถูกวางไว้ข้างเตียง เขาวางมันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเองยังไม่รู้เลย

“ลองสวมสิ”

เสียงที่ชวนให้เธอเปิดกล่องดังขึ้นอีกครั้งและเฉียวชูเฉี่ยนก็เดินไปด้วยความกังวลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาจะเตรียมชุดแบบไหนไว้ให้เธอ

ในขณะที่ฝาถูกเปิดออก เธอรู้สึกประหลาดใจกับสีแดงที่งดงามแต่บริสุทธิ์ เมื่อ 7 ปีก่อนเธอชอบใส่สีแดง

“ฉันอายุเท่านี้แล้วใส่แล้วจะดูเด็กเกินไปหรือเปล่า? ”

เธอมองไปที่ชุดในกล่องด้วยความกังวลเล็กน้อย ยังไงซะเธอเองก็อายุเกือบจะ 30 ปีแล้ว

“ไม่หรอก ในสายตาของผม คุณเป็นอย่างที่เราเคยเจอเมื่อแรกพบเสมอ”

หลังจากที่เฉินเป่ยชวน พูดเบา ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาและหยิบชุดในกล่องออกมา ชุดเดรสสีแดงพลิ้วเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เหมาะสมกับอายุของเธอในปัจจุบัน

“คุณจำครั้งแรกที่เราพบกันได้ไหม? ”

เธอรู้สึกเสมอว่าเฉินเป่ยชวนในเวลานั้นจำเธอไม่ได้

“ผมจำได้ว่าวันนั้นคุณสวมชุดสีแดงตัวเล็ก ๆ ในฝูงชน”

เป็นเพราะการมองกันและกันในวันนั้นที่เขาถูกดึงดูดด้วยสีที่หลงใหล

เฉียวชูเฉี่ยนก้มหน้าลงอย่างเขิน ๆ “ฉันไม่คาดคิดว่าคุณจะจำได้”

“ผมจำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณได้”

เฉินเป่ยชวนหยิบสายรัดของชุดด้วยนิ้วของเขา สายรัดสีแดงบาง ๆ ระหว่างนิ้วสีขาวและเรียวยาวของเขาดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ “คุณต้องการให้ผมใส่ให้คุณไหม? ”

“ไม่ต้องค่ะ”

เธอหยิบเสื้อผ้าพลางเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยใจที่สั่นระรัว ถ้าหากจะให้เขาเปลี่ยนุดให้ เกรงว่าจะใช้เวลานานมากจนเกินไป

ชุดที่เฉินเป่ยชวนเลือกนั้นประณีตสวยงามและค่อนข้างเซ็กซี่ เมื่อมองตัวเองในกระจกใบหน้าของเธอแดงก่ำ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นอย่างมีความสุข

ประตูห้องแต่งตัวเปิดออกอย่างช้าๆ และเธอก็เดินออกจากห้องนั้น ทันทีที่เฉินเป่ยชวนเห็นเธอ ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

แน่นอนว่าสีแดงเป็นสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอ

“ใส่ชุดแบบนี้มันจะดูไม่ดีหรือเปล่าคะ?” วันนี้เว่ยชูหรงใช้เวลาเตรียมการมากมายและคิดเรื่องการดูตัวของเฉินจิ้นถง

“เธอเป็นนายหญิงของบ้านนี้ต่างหาก”

เฉินเป่ยชวนยื่นมือออกไปเพื่อโอบเอวของเธอและริมฝีปากบางของเขาไม่สามารถยับยั้งที่จะจูบเธอได้

ในตอนเย็นผู้คนที่ได้รับเชิญทั้งหมดเกือบจะไปที่นั่นแล้วและลานแห่งนี้ก็เต็มรอบไปด้วยแสงมากมาย

เฉียวชูเฉี่ยนถือค็อกเทลและมองไปที่เฉินจิ้นถงที่รายล้อมไปด้วยผู้หญิง เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณเล็กน้อย ถ้าเฉินเป่ยชวนไม่ได้จัดงานแถลงข่าวมาก่อน ตอนนี้อาจมีผู้หญิงอยู่รอบตัวเขามากขึ้น

ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เฉินจิ้นถงมองไปที่เธอเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอทำได้เพียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โชคดีแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะขอได้

เสียงดนตรีอันไพเราะดังขึ้นและบางคนก็เริ่มเต้นรำ เฉินจิ้นถงในฐานะตัวเอกในคืนนี้ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม

“พวกเราไปเต้นกันเถอะ”

คำพูดของเฉินเป่ยชวนจบลงเพียงเท่านั้น เธอก็ถูกดึงไปที่บนฟลอร์เต้นรำ “ฉันไม่ได้เต้นมานานแล้ว”

ชีวิตในสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างรีบร้อน เธอต้องรับมือกับงานมากมายและไม่มีเวลาเต้นรำกับหย่าซิง

“ไม่เป็นไร”

การเต้นไม่เคยขึ้นอยู่กับว่าคู่หูเต้นอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับว่าคู่เต้นคือใคร

“เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันได้ยินมาว่าเฉินเป่ยชวนกับผู้หญิงที่นามสกุลเฉียวหย่าร้างกันมานานแล้ว ทำไมวันนี้ถึงดูสนิทสนมกันดีขนาดนี้ล่ะ? ”

หญิงสาวที่ไม่มีคู่เต้นรำเริ่มตั้งวงนินทากัน เฉินเป่ยชวนประกาศอย่างกะทันหันว่าตนเองแต่งงานมีลูกแล้วทำให้ผู้หญิงหลายคนต้องผิดหวัง กว่าจะได้ยินข่าวว่าเขาโสด แต่ตตอนนี้กลับได้เห็นเขาสวีทหวานกับภรรยา จะให้พวกเธอยอมรับได้อย่างไร

เฉินจิ้นถงที่กำลังเต้นรำอยู่ยิ้มที่มุมปาก มองดูหญิงสาวที่ตนเองเพิ่งเชื้อเชิญมาเต้นรำเมื่อครู่ “หมิงเหยา ไม่เห็นเธอมาตั้งหลายปี สวยขึ้นนะ ฉันยังจำได้เลยว่าตอนเด็กๆ เธอชอบบอกว่าอยากแต่งงานกับพี่ชายของฉัน และเป็นพี่สะใภ้ฉัน”

ในความเป็นจริงผู้หญิงที่ชื่อหมิงเหยานั้นชอบมองไปที่เฉินเป่ยชวนหลายต่อหลายครั้ง เมื่อฟังเขาพูดแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกโกรธ เฉียวชูเฉี่ยนคนนี้…ไม่ได้อยู่ในตระกูลเฉียวมาก 7 ปีแล้ว เธอมีสิทธิ์อะไรมานั่งอยู่ในตำแหน่งคุณนายเฉินแบบนี้

“พี่ชายของฉันเป็นคนดีมาก ถ้าฉันเป็นผู้หญิงฉันก็อดไม่ได้ที่จะตกหลุมรักเขา”

เฉินจิ้นถงจงใจยิ้มและพูดให้ดูเป็นเรื่องตลก แต่ดวงตาของเขาภายใต้เลนส์กลับมองไปที่ปฏิกิริยาของผู้หญิงตรงหน้าเขา

“เป่ยชวน คุณไม่รังเกียจที่จะแลกเป็นคู่เต้นรำใช่ไหม? พวกเราก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”

เมื่อเต้นรำเข้าไปใกล้เฉินเป่ยชวนไม่นาน เธอจึงเริ่มเอ่ยปากแลกเปลี่ยนคู่เต้นรำด้วยตนเอง

เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เพราะในงานมีคนมากมายเขาจึงต้องรักษามารยาท “แน่นอน ฉันไม่รังเกียจ”

“พี่สะใภ้ ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะเป็นอัศวินแทนพี่ชายไม่กี่นาที”

เฉินจิ้นถงจับมือของเฉียวชูเฉี่ยน เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเต้นรำต่อไป

“พี่สะใภ้ พี่ชายเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ แบบนั้น พี่หึงไหม?”

“ถ้าฉันหึงจะมาที่นี่เหรอ? ”

เธอตอบอย่างสบาย ๆ ถ้าให้เลือกว่าใครเป็นที่หมายตาของสาวๆ มากที่สุดในซั่นเป่ย เฉินเป่ยชวนจะเป็นที่หนึ่งที่สมควรได้รับอย่างแน่นอน

“แล้วคุณว่าผมเต้นรำกับคุณในตอนนี้ พี่ชายจะหึงหรือเปล่า?”

เฉินจิ้นถงกล่าว รอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมริมฝีปากของเขาทำให้ผู้คนไม่รู้สึกกดดัน เฉียวชูเฉี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่แน่นอน”

“พี่สะใภ้ คุณยังไม่รู้จักผู้ชายดี ระวังวันไหนพี่จะหึงขึ้นมาจริงๆ ”

“งั้นเหรอ? ”

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้หัวใจของฉันก็กระวนกระวายและไม่สบายใจขึ้นมาทันทีราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset