เมื่อถังอี้ได้ยินชื่อเฉียวชูเฉี่ยนสามพยางค์นี้ จึงชักเก็บสีหน้าที่จงใจหยอกล้อลงเล็กน้อย “มาขึ้นรถผม”
“แต่จะทำยังไงกับรถฉันล่ะ ?”
เหยียนสือเซี่ยมองถนนที่มีรถติดกันยาวเป็นมังกรทางด้านหลัง จึงรู้สึกว่าต้องคิดหาวิธีลากรถออกไปถึงจะถูกต้อง
“เดี๋ยวผมโทรหาบริษัทรถบรรทุกพ่วง คุณพาเขาขึ้นมาบนรถแล้วพวกเราไปส่งเขากลับไปก่อน จากนั้ค่อยพารถของคุณไปที่ร้าน 4S ”
เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ไม่ยอมรับไม่ได้ว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูรถ และใช้แรงสุดกำลังในการเคลื่อนย้ายเฉียวชูเฉี่ยนขึ้นรถถังอี้ไป
เหยียนสือเซี่ยหายใจหอบพร้อมจ้องหน้าเขาตาเขม็ง “คุณจะมาช่วยหน่อยไม่ได้เลยหรือไง ?”
“ชายหญิงล้วนแตกต่าง ไม่ดีมั้ง อีกอย่างเขาเป็นหวานใจของเฉินเป่ยชวนอีก ผมไม่กล้าแตะต้องตัวเขาหรอก”
ถ้าหากว่าหมอนั่นหึงหวงอย่างรุนแรงขึ้นมา แล้วสับนิ้วของเขาจะทำเช่นไร ?
“……”
“คุณโทรหาบริษัทรถบรรทุกพ่วงหรือยัง ? แน่ใจนะว่าพวกเขาจะลากรถของฉันไปโดยเร็ว ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเขาจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว เรื่องที่ผมจัดการเองคุณสบายใจได้” ถังอี้หันหน้าไปส่งยิ้มให้เธอ สิ้นเสียงกลับยกมุมปากขึ้นผุดเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายและสนุกขึ้นมาแทน
เขารับประกันได้ว่ารถยนต์จะถูกลากไปโดยเร็ว ไม่กระทบกับความปลอดภัยของจราจร
เหยียนสือเซี่ยไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย เธอมองดูเวลา “พาเขากลับบ้านก่อนเร็ว ๆ เถอะ คุณโทรหาเฉินเป่ยชวนหน่อยบอกว่าเฉี่ยนเฉียนเมา”
แม้ว่าเฉียวชูเฉี่ยนจะไม่ได้เอ่ยว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่าเธอสามารถฟันธงได้ว่าเฉินเป่ยชวนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน ในเมื่อเขาเลือกที่จะเริ่มต้นใหม่กับเฉี่ยนเฉียนแล้ว ก็ไม่ควรให้เธอต้องทุกข์ใจอีก !
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากที่เฉินเป่ยชวนได้รับสายจากถังอี้และคุยกันเสร็จแล้วก็รีบขับรถกลับคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฉินทันที เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะออกไปดื่มเหล้ายามเวลาเที่ยงเช่นนี้ แถมยังดื่มจนเมาเละเทะอีกด้วย
เพิ่งจะจอดรถได้สนิท รถยนต์ของถังอี้ก็กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาจากไกล ๆ แล้วเช่นกัน
“เป่ยชวน ฉันพาคนของนายกลับบ้านอย่างสวัสดิภาพแล้วนะ” เมื่อถังอี้ลงรถมาจึงใช้สายตาอันมีเลศนัยมองเขา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงที่ดื่มจนเมา ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสทองในการซ่อมแซมความรู้สึกและค้นหาความหลงใหลอีกครา ครั้นจะต้องไขว่คว้าไว้ให้ดีถึงจะสำเร็จ
เฉินเป่ยชวนไม่สนใจความหวังดีในการเตือนสติของถังอี้โดยสิ้นเชิง เขาเดินเข้าไปเปิดประตูรถด้านหลังออก กลิ่นแอลกอฮอล์อันรุนแรงจึงกระทบเข้าจมูกของเขาทันที คิ้วเรียวยาวของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที : “เขาดื่มไปเยอะแค่ไหน ?”
“นายถามฉันเหรอ ? นายน่าจะต้องถามตัวเองดูนะว่านายทำเรื่องอะไรให้เขาไม่พอใจอีก ?”
เหยียนสือเซี่ยได้ยินดังนั้นจึงมีน้ำโหตามมา “เฉินเป่ยชวน เรื่องที่คุณทำในเมื่อก่อนฉันจะไม่ไปซักไซ้แล้ว แต่ถ้าคุณทำให้เฉี่ยนเฉียนเสียใจอีก ฉันจะไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่”
มุมปากอันเล็กบางขยับขึ้น จากนั้นแขนอันเรียวยาวของเขาก็ยื่นไปอุ้มผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างในออกมา สายตาอันเย็นยะเยือกได้กวาดมองใบหน้าของเหยียนสือซื่อด้วยความเย้ยหยัน “เธอจะใช้อะไรในการไม่ปล่อยฉันไปเหรอ ? กฎหมาย ?”
“……”
“นาย……” เธอรู้สึกโมโหขึ้นมาเนื่องจากท่าทางอันอวดดีของเขา ครั้นกลับหาคำพูดโต้ตอบไม่ออก เฉินเป่ยชวนเป็นใคร เขาก็คือกฎหมายของเมืองซั่นเป่ย
“พอได้แล้ว พวกเราส่งเธอมาให้นายแล้ว ต่อไปฝากหน้าที่ดูแลไว้กับนายด้วยแล้วกันนะ บ๊ายบาย”
ถังอี้กล่าวจบก็สตาร์ทรถ จากนั้นก็มองผู้หญิงที่กำลังนั่งเดือดดาลอยู่ข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกที่สะใจ “ฝีปากของคุณทนายคนสวยดีที่สุดในใจของผมแล้วครับ วันนี้จะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่”
สิ้นเสียงก็หัวเราะเสียงดังลั่น ใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยขุ่นมัว ไอ้ผู้ชายเฮงซวยบัดซบนี่ ความจริงแล้วเนื่องจากบุญคุณการช่วยเหลือครั้งก่อน เธอได้คิดเอาไว้เรียบร้อยดีแล้วว่าถ้าหากครั้งหน้ามีคดีของไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่อีก เธอจะให้คนอื่นจัดการ ทว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนความคิดแล้ว จากนี้ไปหากเป็นคดีของไอ้ผู้ชายเฮงซวย เธอก็จะดำเนินคดีโดยฟรีค่าดำเนินงาน !
เฉินเป่ยชวนอุ้มผู้หญิงในอ้อมแขนเอาไว้แน่น คิ้วขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ การที่เธอดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้ได้ต้องดื่มไปมากแค่ไหนกันแน่
“โธ่ เป็นอะไรเหรอเนี่ย ?”
ท่านผู้หญิงเห็นทั้งสองคนกลับมาโดยยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน แถมยายหนูยังเมาเละเทะจนไร้สติอีก นัยน์ตาจึงผุดความรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไรครับ ตอนเที่ยงมีงานเลี้ยงโต๊ะอาหาร เธอดื่มไปเยอะนิดหน่อยน่ะครับ”
หลังจากที่อธิบายไปส่งเดช เขาที่อุ้มเธออยู่ก็รีบสาวเท้าเรียวยาวของตนเองมุ่งขึ้นชั้นสามไปทันที
“งานเลี้ยงโต๊ะอาหารอะไรกัน ทำให้ยายหนูของฉันดื่มจนเป็นสภาพนี้ แม่บ้านจาง ไปเคี่ยวซุปสร่างเมาให้นายหญิงน้อยหน่อย”
เว่ยชูหรงมองทั้งสองคนที่กำลังขึ้นไปชั้นบน ใบหน้าผุดความรู้สึกสะใจขึ้นมา จากนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างมีลับคมคมใน “คุณแม่คะ ผู้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้ทำเพื่อการงานได้ทุกอย่างแหละค่ะ อย่าว่าแต่ดื่มเหล้าเลย ทำอย่างอื่นมีเยอะถมเถไป”
“ถ้าฉันได้ยินแกพูดซี้ซั้วไร้สาระอยู่ในบ้านอีกนะ ก็อย่าอยู่ที่นี่อีกเลย !”
เมื่อท่านผู้หญิงได้ยินที่เว่ยชูหรงกล่าวมาเช่นนั้น บนใบหน้าก็ผุดความโมโหขึ้นมา เว่ยชูหรงผู้นี้วัน ๆ ไม่มีธุระอย่างอื่นทำแล้วใช่ไหม !
“คุณแม่คะ เมื่อกี้หนูพูดเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ คุณแม่อย่าเก็บมาคิดจริงเลยนะคะ” ยายแก่บัดซบนี่ คนที่จะโดนไล่ออกจากบ้านหลังนี้ยังไม่แน่ว่าเป็นใครหรอกนะ !
เฉียวชูเฉี่ยนที่เมาจนสมองเบลอรู้สึกเพียงว่าลมในกระเพาะดันขึ้นข้างบนเป็นระยะ ๆ ไวน์ที่อยู่ในกระเพาะอาหารจึงไหลขึ้นลงตามไปด้วย เมื่อกลิ่นของแอลกอฮอล์เริ่มไหลขึ้นด้านบนมา ความรู้สึกอันทรมานทำให้เธออดไม่ได้จนต้องอ้วกออกมา
เฉินเป่ยชวนมองอ้วกบนร่างกายตนเองที่ถูกเธออ้วกใส่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น “ฉันว่านะ เธออาจจงใจทำก็ได้ ถูกต้องไหม ?”
แม้ว่าในจมูกจะมีแต่กลิ่นอันเหม็นฉุนโชยเข้ามา ทว่าเขายังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุดชะงักเลย เขาใช้เท้าเตะประตูห้องนอนชั้นสามออก จากนั้นก็เดินไปยังเตียงขนาดใหญ่
เขาดึงเสื้อผ้าที่เปื้อนอ้วกบนตัวเธอออก จากนั้นค่อยวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ
กลิ่นอันแสบจมูกทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เสื้อผ้าที่สกปรกถูกเขาโยนลงถังขยะโดยตรง เวลาต่อมาเสียงเปิดน้ำในห้องน้ำก็ดังขึ้นจากนั้นก็หยุดลง หลังจากผ่านมาไม่กี่นาที เฉินเป่ยชวนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
ร่างกายครึ่งท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเขายังคงทิ้งหยดน้ำที่ยังไม่เช็ดออกหมดเอาไว้อยู่ เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวรัดเอวเอาไว้หนึ่งผืนเท่านั้น ซึ่งเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องและ V-line อย่างชัดเจน ภาพต่อหน้าของชายผู้หล่อเหลาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนที่ได้เห็นต่างก็ต้องอดไม่ได้ที่จะอยากกระโจนเข้ามาใส่ เพียงแค่ผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในห้องนั้นได้เมาเละจนไม่ได้สติไปเสียแล้ว
เขานำกะละมังในมือมาวางบนเก้าอี้ จากนั้นก็นำผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มน้ำเช็ดร่างกายของเธอเบา ๆ
“เป็นเพราะลู่ฉีใช่ไหมที่ทำให้เธอดื่มเหล้าจนกลายเป็นสภาพนี้ ?”
เมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองพูดพึมพำเสียงเบาขึ้นโดยไม่รู้ตัว หัวคิ้วของเขาจึงขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม อย่าว่าแต่ลู่ฉีเพียงผู้เดียวเลย ต่อให้มีสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ลู่ฉี……”
น้ำเสียงอันนุ่มนวลถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอันแดงก่ำ ทั้งที่เป็นน้ำเสียงอันแผ่วเบาจนหากไม่ตั้งใจฟังก็จะไม่ได้ยิน ครั้นกลับตัดอากาศที่อยู่ในห้องนี้ขาดไปทันใด
เฉินเป่ยชวนหรี่หางตาลงอย่างอันตราย ยายตัวแสบคนนี้ดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้เพราะลู่ฉีจริง ๆ !
ไฟอันเกรี้ยวกราดภายในใจของเขาลุกขึ้นมา เขาโยนผ้าเช็ดหน้าที่อยู่มือทิ้ง และลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอนทันที
“บอกฉันมา ไม่ใช่เขา……”
เฉียวชูเฉี่ยนที่นอนอยู่บนเตียงเปล่งเสียงอันอู้อี้ขึ้นมาอีก เพียงแต่ครั้งนี้น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นอ้อนวอน เวลาต่อมาเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครา
ถายในห้องนอนข้าง ๆ เฉิงเป่ยชวนยืนอยู่เบื้องหน้าของหน้าต่างบานใหญ่ เงาแผ่นหลังของเขาเห็นได้ชัดถึงความเย็นยะเยือกโดยเป็นพิเศษ เขาไม่เคยมองลู่ฉีหรือหลี่ฉีอะไรนั่นอยู่ในสายตาเลย ทว่าขณะที่คำว่าลู่ฉีถูกเอ่ยออกจากปากของเธอนั้น เขากลับรู้สึกสนใจแม่งขึ้นมาทันควัน
ซิการ์ที่เพิ่งถูกเขาจุดขึ้นอยู่ในมือนั้นถูกเขาขยี้ดับลงอย่างแรง เฉียวชูเฉี่ยน อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่าลู่ฉีไม่มีค่าอะไรเลยในซั่นเป่ย
……
“คุณให้บริษัทรถบรรทุกพ่วงลากรถของฉันไปไว้ที่ไหน ?”