“แหม ผมคิดมาตลอดว่าทนายคือการจุติของความยุติธรรมและความเมตตา ทำไมการที่ผมช่วยเหลือชีวิตคุณมาหนึ่งครั้งแถมยังให้คุณได้รับการยกเว้นภัยการจำคุกอีก คุณถึงไม่รู้จักซาบซึ้งน้ำใจผมแบบนี้ ? หรือไม่ให้ผมกลับไปบอกคุณตำรวจไหมว่าผมจำผิดไปเอง ที่จริงแล้วคนที่ขับรถคือคุณ”
เมื่อเหยียนสือเซี่ยเห็นว่าเขาหลับหลังหันกำลังจะเดินไปสถานีตำรวจจริง ๆ จึงทำได้เพียงคว้าแขนของเขาเอาไว้ ผู้หญิงที่ดีจะไม่สู้กับผู้ชาย ทนายที่ดีจะไม่สู้กับคนเฮงซวย
“พูดอะไรที่มันเพราะ ๆ นะ” ไม่เพียงแต่ไม่ยอมประนีประนอมให้ ถังอี้ยิ่งกล่าวยั่วยวนยิ่งกว่าเดิมพร้อมทั้งยิ้มตาหยีขึ้น
“ฉันขอเตือนคุณเอาไว้ก่อนว่าอย่าเหยียบจมูกขึ้นหน้า”
“ทนายความผู้มีการศึกษาควรจะใช้คำว่าได้คืบจะเอาศอกมาเปรียบเปรยนะครับ”
“……”
ใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยแดงก่ำขึ้นมา เธอเจอคนชั่วในศาลมาเยอะมาก ถึงขั้นเป็นนักเลงเลยก็มี ทว่ายังไม่เคยมีใครทำให้เธอคลุ้มคลั่งได้จนถึงขั้นนี้
“เห็นสีหน้าอันโกรธเคืองของคุณแล้ว ช่างสวยจนทำให้ผมหัวใจเต้นแรงจริง ๆ ผมจะใจดีพาคุณไปที่ร้าน 4S ก็แล้วกันนะ”
คำพูดที่ยิ้มแย้มแจ่มใสฟังไม่ออกถึงความจริงใจเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องหน้าเขาตาเขม็งด้วยความเกลียดชัง จากนั้นก็เรียกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาทันที “โชเฟอร์ค่ะ ไปร้านเหมยเจียงเบนซ์ 4Sค่ะ”
“นี่ คุณแน่ใจนะว่าจะขึ้นแท็กซี่เอากระเป๋าตังค์มาแล้วหรือไง ?”
ถังอี้ที่อยู่ด้านนอกตะโกนขึ้นมา เธอจึงคลำหากระเป๋าเงินของตัวเองทันที และจึงทราบว่าตนเองหลงกลอีกจนได้ เธอทุบกระเป๋าเงินที่หน้าตักด้วยความโมโหทันที
“คุณผู้หญิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” คนขับรถถามด้วยความหวังดี
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หลังจากที่ฟื้นอารมณ์จนเป็นปกติคืนมาแล้ว ครั้นเวลาต่อมากลับถูกคำพูดของคนขับรถกระตุ้นจี้จุดเข้าจนได้ “แฟนของคุณช่างเป็นห่วงคุณจริง ๆ เลยนะครับ”
“……”
ผู้ชายเฮงซวยอย่างถังอี้ ต่อให้เป็นผู้โชคร้ายของการสูญพันธุ์ของมนุษย์ก็ตาม เธอก็ไม่มีวันเป็นแฟนกับเขาเด็ดขาด
……
เฉียวชูเฉี่ยนตื่นนอนเวลาเช้าของวันถัดมา เมื่อตื่นขึ้นเธอนวดบริเวณท้ายทอยอันเจ็บปวดไม่หยุด จากนั้นก็กวาดสายตามองท้องฟ้าที่สว่างด้านนอก แม้ว่าการดื่มเหล้าจนเมาจะทำให้เธอหลบหนีไปได้หนึ่งวัน ทว่าความรู้สึกขณะที่เมานั้นย่ำแย่เหลือเกิน
“ตื่นแล้วเหรอ ?”
เธอกำลังจะเตรียมตัวลงจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน ก็ต้องตกใจเข้ากับเสียงที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นมา เธอจึงหันหน้าไปมอง และก็ต้องรีบหลบสายตาทันที เหตุใดเฉินเป่ยชวนยังไม่ไปบริษัทอีก ?
“เห็นหน้าฉันแล้วตกใจมากหรือว่าไม่สบอารมณ์ ?”
ริมฝีบางอันเรียวบางโค้งฝืนยิ้มขึ้น ดวงตาอันเย็นชาคู่นั้นกลับจับจ้องเธอแน่นิ่งราวกับเห็นเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
“คุณว่าอะไรนะ ฉันปวดหัวนิดหน่อย”
เธอหลบหลีกสายตาคู่นั้นที่ทำให้ตนเองไม่สบายไปทั้งร่างกายตามสันชาตญาณ ทว่าบัดนี้พวกเขาทั้งคู่อยู่ในห้องนอนเดียวกัน หลบหนีไปไหนไม่ได้โดยสิ้นเชิง ร่างอันสูงใหญ่ของเฉินเป่ยชวนเดินเข้ามาอยู่เบื้องหน้าเธอ นิ้วมือเรียวยาวจับคางของเธอเชิดขึ้น “เธอหวังว่าช่วงเวลาที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะเห็นหน้าผู้ชายคนอื่นใช่ไหม ?”
เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดอยู่ ๆ เขาจึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา เธอขมวดคิ้วแน่นจากนั้นก็ลุกขึ้นลงจากเตียง
“ฉันขอไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะคะ”
เท้าของเธอยังไม่ทันได้ก้าวไปก็ถูกเขากระชากไว้อย่างแรง
“คุณจะทำอะไร ?”
เธอร้องตกใจขึ้นมา จากนั้นก็ผลักเขาออกด้วยสันชาตญาณ ครั้นถูกเขากระทำกลับจับแขนล็อกไว้ทันที
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเฉินเป่ยชวนเกือบจะแนบชิดอยู่บนใบหน้าของเธอ พร้อมลมหายใจอันน่าเกรงกลัวแฝงอันตรายเอาไว้ เฉียวชูเฉี่ยนจึงรู้สึกกระส่ายกระสับขึ้นมาไปโดยปริยาย “คุณปล่อยฉันก่อน ได้ไหมคะ ?”
“เธอคือผู้หญิงของฉัน ฉันจะปล่อยเธอไปไหน ?”
เขาถามกลับพร้อมรอยยิ้มอันเยือกเย็น ปล่อยเธอไปหาอ้อมกอดของลู่ฉีหรือ แม้ชาติหน้าก็อย่าได้ฝัน
“ฉันเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง จะต้องไปทำงานนะคะ”
“เป็นพนักงานที่ดีจริง ๆ เลยนะ ถ้างั้นขอถามพนักงานที่รักในการทำงานอย่างเธอหน่อยสิ เธอขาดงานไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง ควรอธิบายยังไงดี ?”
“เมื่อวานนี้ฉันคุยกับสือเซี่ยสนุกมาก ก็เลยดื่มจนเมา วันนี้ตอนเย็นฉันจะทำโอทีทำงานของเมื่อวานให้เสร็จค่ะ”
เธอรีบหาข้ออ้างทันควัน ถ้าหากสามารถอยู่ห่างจากผู้ชายคนนี้ได้เป็นการชั่วคราว เธอจะไม่มีทางคัดค้านการทำโอทีเลยแม้แต่น้อย
“เห็นทีว่าฉันต้องให้โบนัสพนักงานดีเด่นกับเธอซะแล้วนะ”
เฉินเป่ยชวนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เมื่อสิ้นเสียงเขาก็ลุกขึ้นมาทันที นัยน์ตาปรากฏเป็นความวิตกกังวลและความโมโหแอบแฝงอยู่
“ยายหนูโอเคหรือเปล่า ทำไมเมื่อวานถึงได้ดื่มนานแบบนั้น รีบมาทานข้าวเช้าเร็ว ไม่อย่างนั้นร่างกายต้องทนไม่ไหวแน่”
15 นาทีต่อมา ทั้งสองคนได้เดินตามกันลงมาชั้นล่าง ท่านผู้หญิงจึงเอ่ยเรียกทันที
“ขอบคุณมากค่ะคุณย่า จิ่งเหยียนไปโรงเรียนแล้วเหรอคะ ?”
“วันนี้เป่ยชวนส่งเจ้าตัวน้อยไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าเลย”
เธอหันหน้ามองเฉินเป่ยชวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ วันนี้เขาตื่นเช้ามากเลยอย่างนั้นหรือ ? เมื่อคิดถึงภาพเมื่อวานนี้ที่ตนเองดื่มเมาจนภาพตัดไปแล้วนั้น ก็ผุดความรู้สึกผิดขึ้นมาภายในใจมากมาย เธอเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับจิ่งเหยียนไปเสียแล้ว
“ดื่มนมร้อนและขนมปังเยอะ ๆ ก็จะหายปวดกระเพาะแล้ว”
เธอพยักหน้าตอบรับพร้อมก้มลงรับประทาน หลังจากที่ดื่มนมร้อน ๆ เข้าไปแล้ว กะเพราะอาหารที่ไม่สบายก็รู้สึกดียขึ้นตามที่ว่าจริง ๆ ครั้นเธอไม่สามารถมีสมาธิได้เลย เนื่องจากสายตาของคนที่อยู่ข้าง ๆ นั้นทำให้เธอมองข้ามไปไม่ได้
“ทานเสร็จแล้วให้เป่ยชวนพาหนูไปบริษัทนะ”
ท่านผู้หญิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงบรรยากาศอันผิดปกติของทั้งสองคน เมื่อวานนี้ยายหนูดื่มจนเมา คงไม่ใช่เพราะทั้งสองคนทะเลาะกันหรอกใช่ไหม
“ค่ะ”
เธอทราบว่าต่อให้ปฏิเสธไปครั้นสุดท้ายก็จะต้องไปกับเฉินเป่ยชวนอยู่ดี เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับไป ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่วันแล้วทางลู่ฉีน่าจะมีคำตอบแล้วสินะ
ตลอดทางไปบริษัท ภายในรถยนต์มายบัคเงียบสงัดอย่างเป็นพิเศษ ซึ่งได้ยินเพียงเสียงหายใจของทั้งสองคน เฉียวชูเฉี่ยนหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ภายในหัวเต็มไปด้วยความสบสนวุ่นวาย ยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ยิ่งไม่กล้าไปจินตนาการถึงคำตอบ
รถยนต์จอดอยู่ ณ ลานจอดรถชั้นล่างของบริษัท MR เธอทำได้เพียงเดินตามหลังเฉินเป่ยชวนเข้าลิฟต์ไป เมื่อถึงห้องทำงานแล้วเธอจึงรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทันที จากนั้นก็รีบทำงานค้างของเมื่อวาน พลางหวังว่าจะไม่ถูกรบกวน
หลังจากที่ทำงานอย่างรวดเร็วเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ หัวใจของเธอก็เต้นรัว ๆ
ลู่ฉีโทรเข้ามาหาเธอเป็นเพราะสืบเจอผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่รับบริษัทเฉียวกรุ๊ปแล้วใช่หรือไม่
ปลายปากกาเซ็นชื่อของเฉินเป่ยชวนหยุดชะงักลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ทำการอ่านเอกสารที่แต่ละแผนกส่งเขามารอเซ็นอนุมัติต่อราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่หางตาที่ตกอยู่นั้นได้ผุดความเย็นยะเยือกออกมา
เฉียวชูเฉี่ยนมองดูข้าง ๆ จากนั้นก็วางสายไป พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“ไปไหน ?”
“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ” สิ้นเสียงเธอก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานไปทันที
เฉินเป่ยชวนโยนปากกาเซ็นชื่อที่อยู่ในมือบนโต๊ะอย่างแรง เขามั่นใจได้เลยว่าสายที่โทรเข้าเมื่อสักครู่นี้เป็นสายจากลู่ฉี
เขาลุกขึ้นแล้วมายืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างบานใหญ่ และไม่นานก็มองเห็นเงาอันคุ้นเคยกำลังเดินออกจากตึกใหญ่ MR อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ จากนั้นก็รีบขึ้นรถแท็กซี่ทันที
เขากระตุกเนคไทที่อยู่ตรงคอเสื้อด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เม้มปากแน่น จากนั้นก็ราวกับตัดสินใจอะไรได้ เดินมุ่งลงชั้นล่างทันควัน
ทิศทางที่เธอออกจากบริษัทไปเมื่อสักครู่นี้คือสถานที่ของร้านอาหารตะวันตก
ร้านอาหารตะวันตก ‘ซื่ออั้น’
“เฉี่ยนเฉียน ผมอยู่นี่” เมื่อเห็นเธอเข้าประตูมา ลู่ฉีจึงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมโบกมือตะโกนเรียกเธอทันที
“คุณสืบได้หรือยังคะ ?”
เฉียวชูเฉี่ยนนั่งลงบนโซฟา หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนเดิม ช่วงเวลาหลายวันที่เธอต้องทนอยู่กับการคาดเดาและสงสัยจนไม่เป็นอันกินอันนอนจนใกล้จะทำให้เธอทนไม่ไหวแล้ว ทว่าบัดนี้คำตอบอยู่เบื้องหน้าเธอแล้ว ครั้นเธอกลับมีความคิดอยากจะหลบหนีไป