ถ้าหากไม่มีผู้หญิงคนใดคนหนึ่งเข้ามา ไม่แน่ว่าเขาคงถูกขึ้นคร่อมเพราะคิดว่าเป็นผู้หญิงเสียแล้ว เขาถังอี้สามารถตายแทนเพื่อนได้ ทว่าไม่ยอมถูกเพื่อนขึ้นคร่อมเด็ดขาด เพราะนี่มันเกี่ยวข้องกับหลักการของผู้ชายทั้งแท่ง
“คุณมาได้เวลาพอดีเลย มาช่วยผมส่งเขากลับบ้านทีสิ” เขารีบสะบัดออกจากมือของเฉินเป่ยชวนด้วยความเร็วสูง หางตาของเขาผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่แน่ว่าหากเฉียวชูเฉี่ยนเห็นหลินเฟยเอ๋อร์ แล้วจะไปกระตุ้นความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเฉินเป่ยชวนในใจเธอก็เป็นได้
“เป่ยชวนทำไมคุณถึงดื่มจนกลายเป็นสภาพนี้ไปได้คะ ?”
หลินเฟยเอ๋อร์เป็นนักแสดง ทั้งที่ได้รับข่าวสารตั้งนานแล้วว่าเฉินเป่ยชวนดื่มเมาเละเทะอยู่ที่นี่ ครั้นกลับยังแสร้งทำสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาได้
“ผู้ชายดื่มเมามันเป็นเรื่องปกติมากเลยไม่ใช่เหรอครับ ?”
ถังอี้ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นมา แม้ว่าผู้หญิงอย่างเฉียวชูเฉี่ยนจะไม่มีจุดเด่นที่เขาชอบเป็นพิเศษอันใด ครั้นก็ถูกชะตามากกว่าหลินเฟยเอ๋อร์ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสตักเตือนไปอีกหนึ่งประโยค
“ผมมีความจำเป็นต้องเตือนสติคุณสักหน่อยนะ เป่ยชวนไม่ชอบพวกแผนการเล่ห์กลเหล่านั้นหรอกนะ หวังว่าคุณจะเป็นคนฉลาดรู้ว่าแผนการไหนได้ผลอันไหนไม่ได้ผล พาเขาส่งกลับบ้านตระกูลเฉินให้ดี ๆ”
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่ ?”
หลินเฟยเอ๋อร์ยิ้มพลางโน้มตัวลงไปประคองร่างอันสูงใหญ่ของเฉินเป่ยชวนขึ้นมา แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“พวกเราโต ๆ กันแล้ว บางคำพูดไม่ต้องพูดชัดเจนขนาดนั้นหรอก คุณเองก็เคยอยู่กับเป่ยชวนมาช่วงหนึ่ง น่าจะทราบว่าเขาเกลียดผู้หญิงแบบไหนดี”
ดวงตาสวยงามคู่นั้นของถังอี้โค้งขึ้น ครั้นกลับเป็นคำเตือนที่ทำให้ผู้อื่นเพิกเฉยไปไม่ได้
“ฉันทราบอยู่แล้วแหละค่ะ เป่ยชวนคะเดี๋ยวฉันส่งคุณกลับบ้านดีไหมคะ ?”
สิ้นเสียงอันนุ่มนวลของหลินเฟยเอ๋อร์แล้ว เธอได้ออกแรงประคองเฉินเป่ยชวนเดินไปยังประตูทางเข้าทันที
“คนสวย ให้ผมเลี้ยงคุณสักแก้ว ไว้หน้ากันหน่อยสิครับ ?”
ขณะที่ถังอี้กำลังคิดว่าตนเองโยนซาลาเปาเนื้อใส่ปากสุนัขใช่หรือไม่ ทันใดนั้นเองก็ได้ยินน้ำเสียงอันลามกของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นทันควันพร้อมทอดสายตามองไปดู สมัยไหนแล้ว ยังใช้คำพูดเช่นนี้ในการเหล่สาวอีกงั้นหรือ ?
ครั้นเมื่อเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่ถูกเหล่คือใครแล้วนั้น ก็รีบพุ่งเข้าไปทันที
“ทำไมแกไม่ส่องกระจกดูหน่อยว่าหน้าหมูเชย ๆ อย่างแกคุ้มกับเงินค่าเหล้าหรือเปล่า”
“มึงเป็นใครวะ ! กูคุยกับคุณผู้หญิงคนนี้อยู่ มันเกี่ยวอะไรกับมึง”
ชายผู้ที่ดื่มเหล้าจนขึ้นสมองถามด้วยความไม่สบอารมณ์ จะมีผู้ชายสักกี่คนที่มาใช้จ่ายในสถานที่แบบนี้โดยไม่ใช้เงินเหล่สาวกัน
“ฉันคือบอสใหญ่ของที่นี่ แกคิดว่ามันเกี่ยวกับฉันหรือเปล่าล่ะ ?”
สิ้นเสียงถังอี้ไม่สนใจผู้ชายเบื้องหน้าต่อ ครั้นเข้าไปลากเหยียนสือเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ มา “คารมปากของคุณดีมากไม่ใช่หรือไง ทำไมเมื่อกี้ไม่ใช้บทบัญญัติทางกฎหมายทุบมันตายไปเลยล่ะ ?”
“ฉันจะทุบเขาตายหรือไม่ตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยไม่ทราบ ?”
บนใบหน้าของเหยียนสือเซี่ยมีความรู้สึกอึดอัดผุดขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ เธอก็คือผู้หญิงที่ใกล้จะอายุ 30 แล้ว เธอไม่มีแฟนแล้วจะมาเผยเสน่ห์ในฐานะที่เป็นผู้หญิงอยู่ที่นี่หน่อยไม่ได้เลยหรือ ?
เรื่องนี้ในทางการแพทย์มันคือการยับยั้งอารมณ์ฮอร์โมนอย่างหนึ่งเข้าใจหรือเปล่า ?
“อย่าบอกนะว่าคุณมาที่นี่เพื่อมาหาผมน่ะ ?”
ทันใดนั้นแววตาของถังอี้ก็ยิ้มขึ้นราวกับจิ้งจอก ลำตัวก็เขยิบเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น เหยียนสือเซี่ยได้กลิ่นแอลกอฮอล์บนร่างกายของเขาทันที “คุณดื่มเหล้าเหรอ ?”
“เฉินเป่ยชวนทะเลาะกับเพื่อนรักของคุณ แน่นอนว่าผมจะต้องดื่มกับเพื่อนรักของผมสักสองสามแก้วน่ะสิ”
“คุณหมายความว่าเมื่อกี้เฉินเป่ยชวนอยู่ที่นี่เหมือนกันงั้นเหรอ ? แล้วเขาล่ะ ?”
เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเป่ยชวน เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที วันนั้นที่ทานข้าวกับเฉี่ยนเฉียน เห็นได้ชัดว่าท่าทางของเพื่อนรักไม่ชอบมาพากล เธออยากถามเฉินเป่ยชวนมาตลอดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ครั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อสักครู่นี้เขาจะอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน
“กลับไปแล้ว หลินเฟยเอ๋อร์มารับไปแล้ว”
ถังอี้ตอบเธอไปทันควัน ครั้นวินาทีต่อมาคอเสื้อเชิ้ตของเขากลับถูกเหยียนสือเซี่ยกระชากไว้ในมืออย่างแรง “คุณให้หลินเฟยเอ๋อร์มารับเขาไปงั้นเหรอ คุณถูกหมูกินสมองไปแล้วหรือยังไง !”
“เฉินเป่ยชวนไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาสสักหน่อย คุณจะซีเรียสทำไม ?”
เพราะเขาก็เป็นคนที่เลือกเช่นกัน
“ฉันไม่สนว่าเขาจะเป็นคนชอบฉวยโอกาสหรือเปล่า แต่ทั้งที่คุณรู้อยู่แล้วว่าหลินเฟยเอ๋อร์กับเฉินเป่ยชวนเคยมีเรื่องอะไรในเมื่อก่อน แล้วทำไมคุณถึงให้เธอพาเขาไปอย่างนั้นอีกล่ะ”
ถ้าหากว่าพวกเขาทั้งสองคนทำอะไรขึ้นมาจะทำเช่นไร เฉี่ยนเฉียนจะทำเช่นไร ?
“คุณเมาแล้วนะ หลินเฟยเอ๋อร์ไม่กล้าทำอะไรหรอก”
อยู่ ๆ ถังอี้ก็หัวเราะเสียงดังขึ้น เป่ยชวนเกลียดที่ผู้หญิงวางแผนอยู่ลับหลังเขาที่สุด ถ้าหากเขาโมโหขึ้นมา ไม่ว่าระหว่างพวกเขาจะเกิดอะไรขึ้น หลินเฟยเอ๋อร์ทำได้เพียงยอมรับผลที่จะตามมา ดังนั้นเธอไม่มีความกล้าในการทำเช่นนั้นแต่อย่างใด
“ไม่รู้ว่าคุณไปเอาความั่นใจมาจากไหนหรอกนะ แต่ฉันต้องรายงานเฉี่ยนเฉียน” ในเมื่อเฉินเป่ยชวนวางแผนที่จะเริ่มต้นใหม่กับเฉี่ยนเฉียนแล้ว เช่นนั้นก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับยัยหลินเฟยเอ๋อร์นั่นอีก
ถังอี้แย่งโทรศัพท์ในมือของเธอไปทันควัน พร้อมชูขึ้นสูง “รายงานอะไร ตอนนี้พวกเขากำลังงอนกันอยู่นะ ถ้าเพิ่มแรงกระตุ้นเข้าไปนิดหน่อยไม่แน่ว่าจะหายงอนกันเป็นปลิดทิ้งแล้ว คุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเลยสักนิด ?”
“คุณว่าใครไม่ใช่ผู้หญิงนะ ?”
สีหน้าของเหยียนสือเซี่ยไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที วันนี้ที่เธอมาโซ่วจินก็เพราะไม่อยากถูกคนอื่นบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงขึ้นคานที่ไม่มีกลิ่นอายของผู้หญิงเลยสักนิด
เธอกักเก็บความโมโหที่อยู่ในใจ จากนั้นก็ตอบโต้กลับไปทันควัน “ก็จริง คนเลวอย่างคุณที่เล่นสนุกท่ามกลางสาว ๆ ทุกวันแน่นอนว่าจะต้องเข้าใจความคิดของผู้หญิงสิเนอะ คืนโทรศัพท์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“คืนให้คุณน่ะได้ แต่คุณมาหยิบเอาไปเองสิ”
ถังอี้ยักคิ้วขึ้นยั่วยวน จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกเขายัดใส่ในเสื้อเชิ้ต
“……”
“คุณนี่ไร้ยางอายจริง ๆ”
ไอ้คนเลวเฮงซวยคนนี้ยัดโทรศัพท์ของเธอเข้าเสื้อเชิ้ตอย่างนั้นหรือ
เมื่อคิดสภาพโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ห่างจากเนื้อหนังของไอ้คนชั่วเพียงระยะเผาขนนั้น เปลวไฟอ่อน ๆ ที่อยู่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมา
แควก !
บาร์ที่มีเสียงดังระห่ำ เสียงของเพลงสามารถกลบเสียงอันสุดแสนจะเบาละเอียดอ่อนไปได้ทั้งหมด ทว่าเหยียนสือเซี่ยยังคงตกตะลึงกับการกระทำเมื่อสักครู่นี้ของตนเองอยู่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะใช้วิธีที่รุนแรงโดยการฉีกเสื้อเชิ้ตราคาแพงของถังอี้ขาดเช่นนี้
ถังอี้ก็มองแผ่นอกของตัวเองด้วยใบหน้าอันตกตะลึงเช่นเดียวกัน กระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมใส่อย่างสง่างามนั้นได้กระเด็นกระดอนลงพื้น เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อหน้าอกที่เขาภาคภูมิใจมาตลอด ครั้นทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะเสียงดังขึ้น
“มองไม่ออกจริง ๆ ว่าทนายสมัยนี้รสนิยมสูงขนาดนี้”
“……”
เธอเคลื่อนสายตาออกจากหน้าอกอันบึกบึนของเขาด้วยความรู้สึกเคอะเขิน เหยียนสือเซี่ยรู้สึกเพียงว่าหน้าร้อนดั่งไฟแผดเผาราวกับดื่มเมาอย่างไรอย่างนั้น
“พูดจาระวังหน่อยก็ดีนะ ระวังฉันจะฟ้องร้องคุณ”
สิ้นเสียงตักเตือนอันดุดัน เธอก็สาวเท้าเดินจากไปด้วยสีหน้าอันแดงก่ำ
ถังอี้มองแผ่นหลังที่เดินจากไปเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ของเธอ จึงอดไม่ได้จนต้องหัวเราะดังลั่นขึ้นมา จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์มือถือสีโรสโกลด์บนพื้นขึ้นมา เขายิ้มขึ้นอีกครั้งแล้วถามว่า “ไม่เอาโทรศัพท์แล้วเหรอ ?”
เมื่อขึ้นมาบนรถยนต์ของตัวเองแล้ว ความรู้สึกที่หน้าแดงก่ำหัวใจเต้นแรงแบบนั้นค่อยดีขึ้นมาบ้าง เธอคลำไปยังกระเป๋าเสื้อของตัวเอง เวลาต่อมาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ยังอยู่กับถังอี้
“ให้ตายสิ !”
ครั้งหน้าอย่าให้เธอหาโอกาสเหมาะเจอจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอจะทำให้เขาถูกฟ้องร้องโดยแก้ตัวไม่ขึ้นแน่นอน
เธอมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ พลางคิดว่าหากขับรถไปที่บ้านตระกูลเฉินตอนนี้คงดึกเกินไป เฉินเป่ยชวน คุณกลับบ้านอย่างซื่อสัตย์จะดีที่สุด ถ้าหากคุณกับหลินเฟยเอ๋อร์นั่นมีอะไรด้วยกันอีกครั้ง ฉันคงปล่อยคุณไปไม่ได้
……