บทที่ 2041 ข้าแก่ที่ไหนกัน?
มีดสั้นลำแสงเย็นวาบปรากฏขึ้น เธอหมุนวนมันบนฝ่ามือ
“วางใจเถิด ข้าผู้เฒ่าเชี่ยวชาญการตัดลิ้นยิ่งนัก ตัดออกได้ในชั่วพริบตา ไม่ทำให้พวกเจ้าเจ็บปวดแม้แต่น้อย เอาอย่างไรดี? เลือกสักอย่างเถิด!”
สีหน้าทั้งห้าพลันแปรเปลี่ยน ทั้งสองแบบนี้ไม่ว่าแบบไหนล้วนเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างยิ่ง ทว่าแบบแรกทำให้พวกเขาเสียหน้า แบบที่สองกลับทำให้พวกเขากลายเป็นคนพิการ…
ทั้งห้าคนยังคงต้องการพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากู้ซีจิ่วเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ความอดทนของข้าผู้เฒ่ามีจำกัด พวกเจ้ามีเพียงแค่สองเงื่อนไขที่เลือกได้ ข้าจะนับถึงสิบ หากพวกเจ้าไม่ตัดสินใจเลือก เช่นนั้น ข้าก็จะดำเนินการแบบที่สองในทันที! หนึ่ง สอง สาม สี่…”
เธอนับอย่างรวดเร็ว เร่งเร้าดังจะเอาชีวิต ท้ายที่สุดทั้งห้าคนยังคงไม่อยากเป็นคนพิการ จึงกัดฟันเลือกแบบที่หนึ่ง
ดังนั้น ทั้งห้าคนจึงตบปากตัวเองหนึ่งร้อยครั้งภายใต้การชี้นำของกู้ซีจิ่ว ตบจนใบหน้าบวมช้ำดังมะเขือม่วงจนดูไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยคำสาบานหลังจากที่ตบปากเสร็จเรียบร้อย กู้ซีจิ่วถึงได้ปล่อยพวกเขาไป
ลู่อู๋มองดูอยู่ด้านข้างอย่างสบายใจ ทว่ามันยังมีข้อเสนอแนะ
“เจ้านาย เหตุใดท่านไม่สังหารพวกเขาเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว?”
กู้ซีจิ่วลูบไล้ใบหน้าเพริศพริ้งของตัวเอง
“ข้าผู้เฒ่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยหรือ?”
พวกคนเหล่านั้นก็แค่นินทาเธอลับหลังไม่กี่ประโยคเท่านั้นเอง ความผิดไม่มีโทษถึงตาย อีกอย่างพวกเขาก็เป็นถึงศิษย์ของเฟิงชิงซ่างเหริน ถึงแม้ตี้ฝูอีไม่ได้นับเฟิงชิงซ่างเหรินเป็นอาจารย์อีกต่อไป ทว่าอย่างไรเสียก็ยังมีเยื่อใยต่อกัน หากเธอสังหารพวกเขาไปจริงๆ ก็จะทำให้ตี้ฝูอีวางตัวลำบากในภายภาคหน้า ดังนั้น สั่งสอนบทเรียนอันใหญ่หลวงให้พวกเขาสักหน่อยก็จบกันไป
ลู่อู๋นิ่งงัน
มันบ่น
“เจ้านาย คนอื่นไม่รู้ แต่ข้ารู้ดี เมื่อสิริรวมอายุท่านก็เพิ่งจะสองร้อยสามสิบกว่าปีเอง อันที่จริงในดินแดนนี้อายุเท่านี้อย่างท่านยังนับว่าเป็นบุปผาแรกแย้ม แก่ที่ไหนกัน?! อย่าเรียกขานตัวเองว่าข้าผู้เฒ่าอีกเลย ท่านเรียกขานตัวเองว่าข้าผู้เฒ่าแล้วเจ้าหอยยักษ์ที่ใช้ชีวิตอยู่มานานกว่าพันปี ไม่ต้องเรียกตัวเองว่าเจ้าหอยเฒ่าแล้วหรือ?”
กู้ซีจิ่วลูบหัวมัน
“เจ้าพูดก็มีเหตุผล! ลู่อู๋ของบ้านข้าแยกแยะผิดถูกชัดเจน เจ้าพูดถูก คนยังละอ่อนอยู่นี่! คนที่หลับหูหลับตาเหล่านั้นดันว่าข้าเป็นนางมารเฒ่าเสียได้…ข้าแก่ที่ไหนกัน?”
ยามนี้รูปร่างเธออรชรสง่างาม รูปลักษณ์อ่อนเยาว์ ดูเหมือนเด็กอายุสิบแปดปี เป็นวัยของบุปผาแรกแย้มพอดิบพอดี
ตระกูลเซียนในดินแดนนี้ยังมีอายุกว่าพันปีอยู่มากมายดาษดื่น
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย อาจารย์ทั้งสิบท่านของเสินเนี่ยนโม่ล้วนเป็นตาเฒ่าอายุหลายพันปีทั้งนั้น ศิษย์ของพวกเขาเหล่านั้นที่สำเร็จการศึกษาไปนานแล้วก็มีอายุกว่าพันปีแล้วมากมาย เมื่อท่องไปดินแดนด้านนอกยังถูกคนเรียกขานว่าเป็นหนุ่มน้อยหรือคุณชายหนุ่มอยู่เลย
เหตุใดเมื่อเป็นเธอที่เพิ่งจะอายุสองร้อยกว่าปีกลับถูกเรียกขานว่าเป็นนางมารเฒ่า…
ไม่ยุติธรรม!
“ซีจิ่ว ที่แท้เจ้าก็อายุแค่เพียงสองร้อยกว่าปีเท่านั้น…หากเจ้าไม่พูด ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อจริงๆ!”
จู่ๆ ซุ่มเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นหลังหินยักษ์ก้อนหนึ่งไม่ไกล
กู้ซีจิ่วชะงักงัน มองไปทางหินมนุษย์ก้อนเล็กด้านหลังหินยักษ์
“อวิ๋นเหยียนหลี! ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่…”
หินก้อนเล็กด้านหลังหินยักษ์สั่นสะเทือน ลำแสงสายหนึ่งพลันสาดส่อง หินเล็กกลับกลายเป็นองค์ชายหนุ่มอาภรณ์สีอ่อนท่านหนึ่ง โครงคิ้วสวยสง่า นั่นคืออวิ๋นเหยียนหลี
เขาสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปี่ยมความเปรมปรีดิ์
“โลกช่างกลมเสียจริง ซีจิ่ว พวกเราพบกันอีกแล้ว”
นึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจอเพื่อนเก่าที่นี่ ดวงตากู้ซีจิ่วเบิกโพลง
“บังเอิญจริงๆ ฝ่าบาท ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ทั้งสองคนพูดคุยกันพักหนึ่ง ที่แท้อวิ๋นเหยียนหลีก็ได้ข่าวว่าจะมีสัตว์เซียนชั้นสูงจุติขึ้นที่นี่
————————————————————————————-
บทที่ 2042 เบาะแสของเจ้าหอยยักษ์
ที่แท้อวิ๋นเยียนหลีก็ได้ข่าวว่าจะมีสัตว์เซียนชั้นสูงจุติขึ้นที่นี่ ดังนั้นเขาจึงมาเสี่ยงโชคดู
เขาได้รับบาดเจ็บจากหมาป่าสีเงินฝูงหนึ่งในป่าลึก ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้รีบร้อนหนีลงมา ขณะที่กำลังจะหยุดพักตรงนี้ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินผ่านมา เขาคิดจะวิ่งหนีก็ไม่ทันกาลแล้ว และกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรู จึงใช้วิชาพรางกายให้มองเห็นรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหินยักษ์ก้อนหนึ่ง นั่งยองๆ อยู่ท่ามกลางก้อนหินกองหนึ่ง ไม่แสดงตัวตนออกมา
วรยุทธ์ของเขายังคงไม่เลวทีเดียว คนเหล่านั้นหาเขาไม่พบ
ส่วนกู้ซีจิ่วมาทีหลัง ความสนใจทั้งหมดของเธอก็พุ่งไปที่คนเหล่านั้น จึงไม่ทันสังเกตเห็นเขา จนกระทั่งยามนี้ที่เขาปรากฏกายออกมา…
อวิ๋นเยียนหลีมาก่อน เขามาที่นี่ตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว
กู้ซีจิ่วเอ่ยถามเขาว่าเห็นหอยยักษ์ตัวหนึ่งหรือไม่ รวมถึงบอกลักษณะของเจ้าหอยยักษ์อย่างละเอียด
อวิ๋นเยียนหลีขมวดคิ้ว
“หอยยักษ์ตัวนั้นก็คือสัตว์เลี้ยงที่เจ้าเคยพูดถึง? เจ้าพามันขึ้นมาดินแดนเบื้องบนแล้วหรือ?”
เมื่อก่อนตอนเที่ยวเล่นด้วยกันกับเขา กู้ซีจิ่วเคยเอ่ยถึงสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เคยพูดถึงลู่อู๋กับเจ้าหอยยักษ์ ทว่าตอนนั้นเจ้าสองตัวนี้ยังอยู่ดินแดนเบื้องล่าง อวิ๋นเยียนหลีเพียงแค่เคยได้ยินกู้ซีจิ่วพูดถึง ไม่เคยเห็นพวกมัน
กู้ซีจิ่วพยักหน้า
“ท่านเห็นมันแล้ว?”
อวิ๋นเยียนหลีชะงักงันเล็กน้อย
“ข้าเห็นอยู่ตัวหนึ่ง ได้ยินว่าเป็นหอยยักษ์ชั่วช้า กลืนกินสัตว์เซียนไปมากมาย ถูกเซียนบางคนจับตัวไปแล้ว…”
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย หรือว่านิสัยแย่ๆ ของเจ้าหอยยักษ์กำเริบอีกแล้ว?
เธอเคยออกคำสั่งไม่ให้มันกินสัตว์เซียนระดับเจ็ดขึ้นไป เนื่องจากสัตว์เซียนเหล่านี้ส่วนมากล้วนมีเจ้านายทั้งสิ้น หากกลืนกินลงไปจะชักนำความขุ่นเคืองมาได้
“มันกินสัตว์เซียนอะไรเข้าไป? ถูกผู้ใดจับตัวไป?”
อวิ๋นเยียนหลีทอดถอนใจกล่าว
“ข้าก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก…ตอนที่ข้าเห็น พวกเขาก็จับตัวหอยยักษ์นั้นได้แล้ว กำลังเตรียมการกรอกใส่อาวุธวิเศษ พวกเขาคืออารักษ์ของจักรพรรดิเซียนองค์ปัจจุบัน ข้าไม่สะดวกที่จะพบเจอกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ออกหน้า เพียงแต่หลบอยู่ในมุมมืดได้ยินพวกเขาพูดว่า ‘ในที่สุดก็จับมือสังหารที่กลืนกินสัตว์เซียนได้แล้ว’ จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในส่วนลึกที่สุดของยอดเขาแสงอุษา จนป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย
กู้ซีจิ่วทอดถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง เธอย่อมรู้เรื่องคดีสัตว์เซียนหายสาบสูญ ทว่าเธอไม่คิดว่าคดีนี้จะมาเกี่ยวพันกับเจ้าหอยยักษ์ของบ้านเธอได้
ดูเหมือนคดีสัตว์เซียนหายสาบสูญจะเกิดขึ้นก่อนที่เจ้าหอยยักษ์ของบ้านเธอจะออกมาล่าสัตว์เสียอีก เจ้าหอยยักษ์จะเป็นคนทำได้อย่างไรกัน? เจ้าหอยยักษ์บ้านตนต้องถูกปรักปรำเป็นแน่!
กู้ซีจิ่วพลันเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ!
เธอรู้จักอารักษ์ทั้งสี่ของจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ พลังยุทธ์ระดับขั้นซ่างเซียน แต่ละท่านล้วนผ่านการหล่อหลอมภายในเพลิงโลหิตจากการต่อสู้มามากมายนับครั้งไม่ถ้วน อุปนิสัยแข็งกร้าวเย็นชา เป็นผู้ช่วยที่มากความสามารถของจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่
อารักษ์ทั้งสี่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ ติดตามออกศึกกับจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ในตอนนั้น ทำการสิ่งใดดุดันเด็ดขาด
หลังจากจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ขึ้นครองราชบัลลังก์ ลูกน้องเก่าแก่บางคนของจักรพรรดิเซียนองค์ก่อนยังคงรู้สึกไม่พอใจ แอบสืบหาราชสกุลของจักรพรรดิเซียนองค์ก่อน ลอบวางแผนเพื่อล้มล้างจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ ทว่ากลับถูกสี่อารักษ์ตรวจสอบพบแผนการก่อกบฏเข้า สี่อารักษ์จึงส่งคนแฝงตัวเข้าไปเป็นสายลับ ท้ายที่สุดก็จับกุมกลุ่มคนที่ต้องการจะก่อกบฏเหล่านั้นได้ทั้งหมดในคราเดียว แล้วตัดศีรษะประจานย่านใจกลางเมือง วันนั้นโลหิตหลั่งเป็นสายธารบนถนนหนทางใจกลางเมือง มีคนถูกสังหารทั้งหมดสามร้อยคน ทำให้ทั่วทั้งแดนพ้นโศกต่างประหวั่นพรั่นพรึง…
ว่ากันว่าตอนแรกมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีหลักฐานมัดตัวในการก่อกบฏ อารักษ์ทั้งสี่ลงทัณฑ์ทรมานคนเหล่านี้อย่างเหี้ยมโหด ถึงได้ทำให้พวกเขาเกิดความขัดแย้งกันเองออกมาอีกกลุ่มใหญ่…
ตระกูลเซียนที่ก่อกบฏเหล่านี้ล้วนเป็นพวกทรหด ถึงตายก็ไม่ยอมรับสารภาพ ทว่าเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของสี่อารักษ์แล้วกลับไม่มีผู้ใดต้านทานได้ไหว แทนที่จะยอมพูดออกมาหมดเปลือก มิสู้ยอมตายเสียยังดีกว่า…
เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้น อารักษ์ทั้งสี่ถึงได้ถูกเรียกขานว่าสี่อสุรา
บัดนี้เจ้าหอยยักษ์ตกอยู่ในเงื้อมมือของคนทั้งสี่ ไม่รู้จะได้รับความลำบากยากเข็ญอะไรบ้าง!
กู้ซีจิ่วทนไม่ไหวแล้ว!
.
Related