บทที่ 2063 เขากระตุกหนวดนางเข้าแล้ว
นี่คือโอกาส!
ดวงตากู้ซีจิ่วลุกวาบ ล้วงขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากร่าง วางตรงหน้าเขา
“นี่ไง ข้ากินมัน!”
ตี้ฝูอีหลุบตามองแวบหนึ่ง จดจำได้ เป็นยาลูกกลอนที่หลอมจากเห็ดมรรคาม่วง
กู้ซีจิ่วเอนกายไปทางเขาเล็กน้อย ค้อมกายมองเขา สีหน้าจริงใจ
“พูดกันตรงๆ นะ ข้าเคยเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ธรรมดายิ่งนัก แต่เป็นเพราะกินมันเข้าไป ทำให้ข้าถอดร่างเปลี่ยนกระดูก ระยะเวลาในการฝึกฝนน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้น บรรลุขั้นสูงเช่นนี้ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองร้อยปี…”
ตี้ฝูอีพลันกอดอก
“หากไม่รู้ฐานะของเจ้า ข้าเกือบนึกสงสัยแล้วว่าเจ้าเป็นพวกเร่ขายยา”
นางทำราวกับโฆษณาขายของ ไม่ลืมที่จะโอ้อวดยาของนางอยู่ตลอด…
กู้ซีจิ่วเงียบไปแล้ว
คนผู้นี้นี่จริงๆ เลย พวกเร่ขายยาล้วนขายกันในราคาแพงลิ่วทั้งสิ้น แต่เธอกลับให้เปล่า มอบให้เปล่าๆ ยังต้องเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้…
“เจ้าคงจะกินยานี้เข้าไปแล้วกระมัง? หรือว่ายังไม่กระจ่างแจ้งในประสิทธิภาพของมันอีก?”
กู้ซีจิ่วไม่ยอมแพ้
สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนขวดใบน้อยของนาง เอ่ยอย่างเลื่อนลอยว่า
“ไม่กระจ่าง ยานั่นข้าโยนทิ้งไปแล้ว”
กู้ซีจิ่วตะลึงพรึงเพริด เบิกตากว้าง
“เจ้าโยนทิ้งไปแล้ว?! ทำไมกัน?! เจ้ารู้ไหมว่ายานี้ล้ำค่าขนาดไหน?! ใต้หล้านี้มีอยู่เพียงไม่กี่สิบเม็ดนี้เท่านั้น…”
เธอปวดใจจะตายแล้ว! ตัวเธอเองหักใจกินไม่ลง ถึงได้เก็บไว้ในตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดเป็นความลับที่สุดในมิติเก็บของตลอดมา ยามที่นึกถึงขึ้นมาก็หยิบออกมาดู
ความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนขี้งกเลย เมื่อมีของดีก็ยินดีจะแบ่งปันให้ผู้อื่น โอสถล้ำค่านับไม่ถ้วนหลอมไว้ ก็แจกจ่ายให้เพื่อนฝูงไปตามอัธยาศัย
มีเพียงโอสถชนิดนี้อย่างเดียวที่เธอรักใคร่หวงแหนนัก
ในปีนั้นเธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ยามที่ชีวิตจิตใจแห้งผากไปหมด เป็นโอสถขวดนี้ที่มักจะมอบไออุ่นเสี้ยวหนึ่งให้เธอได้อย่างไร้ซึ่งเหตุผล ทำให้หัวใจที่เยียบเย็นของเธออบอุ่นขึ้นมาบ้าง
ดังนั้นเธอจึงหักใจมอบยานี้ให้ผู้อื่นไม่ลงเสมอมา ยามนั้นเพื่อช่วยให้หลงซือเย่บรรลุขั้นสิบ ถึงได้ต่อสู้กับความปวดใจส่งมอบให้ไปหนึ่งเม็ด
หลายปีมานี้ในยามที่เธอจะฝ่าทะลวงขั้นถึงจะกินเข้าไปหนึ่งเม็ด ถ้าไม่ตกอยู่ในยามคับขันจริงๆ เธอล้วนหักใจกินไม่ลง ถึงได้ทำให้ขวดยาใบนี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน…
นึกไม่ถึงเลยว่าเธอมอบให้เขาหนึ่งเม็ดด้วยความปรารถนาดี เขากลับโยนสิ่งที่เธอให้ทิ้งไป! โยนทิ้งไปแล้ว!
เธออยู่ภายใต้ความร้อนใจ เสียงจึงดังอยู่บ้าง
ตี้ฝูอีมองดวงหน้าน้อยๆ ที่ขุ่นเคืองของนาง ยากนักที่จะได้เห็นยามนางแสดงออกทางสีหน้าเช่นนี้ ดวงตาที่ขาวดำตัดกันชัดเจนคู่หนึ่งเบิกกว้าง ปากน้อยๆ ก็เม้มแน่น
ชัดเจนยิ่งนัก เขากระตุกหนวดนางเข้าแล้ว…
ท่าทางเช่นนี้ของนางคล้ายสาวน้อยคนหนึ่ง ตี้ฝูอีพลันใจสั่น ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงอยากเล่นพิเรนทร์ขึ้นมา เขาหัวเราะเบาๆ สุ้มเสียงไม่ใส่ใจสักเท่าใด
“ก็แค่ยาเม็ดเดียวเท่านั้น ต่อให้ล้ำค่าแล้วจะล้ำค่าสักเพียงใดกัน? เจ้าเป็นเช่นนี้…มิใช่ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่หรอกหรือ?”
กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจ
“แค่ยาเม็ดเดียวเท่านั้นหรือ?! เจ้ารู้ไหมว่าโอสถนี้เป็นของชั้นเลิศ? ไม่มีทางหลอมเพิ่มได้อีกแล้ว กินเม็ดหนึ่งลดน้อยไปเม็ดหนึ่ง ปีนั้นหลงซือเย่มีเรื่องเร่งร้อนต้องทะลวงขั้นเช่นนั้น ข้าก็มอบให้เขาไปเพียงเม็ดเดียว ยามที่เขาอยู่ในยามคับขัน เดิมทีข้าคิดจะมอบให้เขาอีกเม็ดเพื่อเป็นการประกันว่าเขาจะฝ่าด่านได้แน่นอน แต่ข้าก็หวงแหนยานัก ยอมสิ้นเปลืองพลังวิญญาณคุ้มกันเขาแทน…”
ตี้ฝูอีหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เจ้ากับหลงซือเย่รู้จักกันมานานแล้วหรือ? เขาเป็นผู้ที่โบยบินขึ้นมาจากโลกเบื้องล่าง หรือว่าเจ้ากับเขาจะมาจากที่เดียวกัน?”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ที่โลกเบื้องล่างข้ากับเขาก็เป็นสหายกัน”
ความสัมพันธ์ของเธอกับหลงซือเย่สามารถไล่ย้อนกลับไปได้ถึงสามชาติภพแล้ว…
ตี้ฝูอีมองขวดยาที่นางวางไว้ตรงนั้น
“ยานี้เจ้าก็เคยมอบให้เขากินหรือ?”
“ข้าบอกไปแล้วไง มอบให้เขาไปแค่เม็ดเดียว เม็ดเดียวก็ทำให้พลังวิญญาณของเขาพุ่งทะยานจากขั้นแปดสู่ขั้นสิบได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี แทบจะเป็นปาฏิหาริย์”
———————————————————————————–
บทที่ 2064 กระตุกหนวดนางเข้าแล้ว 2
กู้ซีจิ่วไม่ลืมที่จะโฆษณาประสิทธิภาพของยานี้
ตี้ฝูอีหยิบขวดยาขึ้นมาดู ความรู้สึกคุ้นเคยอันน่าประหลาดนั้นเอ่อท้นขึ้นมาในใจอีกครา
เขามองแวบหนึ่ง
“ตามความหมายของเจ้าคือ หากว่าข้ากินยาเหล่านี้เข้าไปทั้งหมด ก็จะทะยานไปถึงขั้นซ่างเซียนอย่างรวดเร็วยิ่งสินะ?”
กู้ซีจิ่วก็ไม่แน่ใจนัก
“ยังไม่แน่ว่ากินแล้วจะทะลวงถึงเลย เพียงแต่สามารถช่วยให้เจ้าก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ยกตัวอย่างเช่นหากว่าเจ้าต้องใช้เวลาหนึ่งร้อยปีเพื่อบรรลุขั้นซ่างเซียน กินยานี้เข้าใช้เวลาสิบปีก็พอแล้ว”
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว
“ข้าจะใช้เวลาเป็นร้อยปีเพื่อทะลวงสู่ขั้นซ่างเซียนได้อย่างไร?”
พลางหลุบตามองยานั้น
“ตัวข้าผู้นี้ชมชอบกินเพียงผู้เดียว ไม่ชอบแบ่งปันกับผู้ใด ยานี้ข้าไม่ต้องการ!”
พลันเงื้อมือ เกิดเสียงดังฟิ้ว เกิดเส้นโค้งสายหนึ่งพุ่งทะยานออกไปจากมือเขา…
ในสมองกู้ซีจิ่วเกิดเสียงดังตูม แทบจะหยุดหายใจไปแล้ว!
แทบไม่เสียเวลาคิดเลย ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปยังทิศทางที่โยนออกไปทันที!
ความเร็วในการเคลื่อนย้ายของเธอย่อมว่องไวอย่างยิ่ง ออกตัวช้าทว่าตามไปทัน รับสิ่งที่ถูกโยนไปไว้ในมือ
รับไว้ในมือได้แล้ว แต่ร่างของเธอก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศเช่นกัน…
จุดนี้เป็นระดับความสูงหลายพันเมตร และตอนนี้พลังวิญญาณของเธอก็ใช้การไม่ได้ ย่อมไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ใต้เท้าคือความว่างเปล่า ตัวคนก็ร่วงหล่นลงไปด้านล่าง
เวรเอ้ย!
กู้ซีจิ่วแทบจะร้องด่าแม่แล้ว ด้วยพลังยุทธ์ของเธอในตอนนี้ ร่วงหล่นลงไปอย่างไร้สิ่งกีดขวางเช่นนี้ ต่อให้ไม่ถึงแก่ชีวิตเธอ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะแข้งขาหักกระดูกเดาะ
เธอคิดจะจัดท่าทาง แต่เมื่อครู่ทันทีที่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายก็สะเทือนถึงบาดแผลแล้ว เจ็บปวดจนมือสั่นขาอ่อนยวบ ออกแรงไม่ได้เลยสักนิด ทำได้เพียงเบิกตามองร่างตนร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง…
จบเห่แล้ว!
เสียงถอนหายใจในหัวเธอยังไม่ได้ปล่อยออกมา เบื้องหน้าพลันมีแสงสีขาววาบขึ้นมา ร่างเกิดเสียงดังฟุ่บ ถูกแขนคู่หนึ่งรับตัวเอาไว้
แรงดิ่งของเธอรุนแรงมาก แต่แขนคู่นั้นเพียงลู่ลงด้านล่างเล็กน้อย ก็สามารถชะลอแรงดิ่งของตัวเธอได้แล้ว จากนั้นก็ดึงกลับไป กู้ซีจิ่วนอนเอนอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นั้นแล้ว
ผู้ที่รับเธอไว้ย่อมเป็นตี้ฝูอี เขากระทำอย่างชำนาญ ไม่ปล่อยให้เธอได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่สอง
เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วแรงดิ่งของเธอก็มากกว่าเล็กน้อย เขาจึงถูกทับจนหงายหลังลงบนร่างไป๋เจ๋อ กู้ซีจิ่วที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนเขากลับยังปลอดภัยดี ประจวบเหมาะนัก ริมฝีปากเธอประทับลงบนใบหน้าของเขาพอดี
“เจ้าอยากตายหรือไง?! ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่าสักเพียงใดสุดท้ายก็เป็นแค่ยาเท่านั้น…”
ตี้ฝูอีหรี่ตามองนางในอ้อมแขน ค่อนข้างโมโห
เขาแค่จะหลอกให้นางตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเพื่อขวดยาใบเดียวนางจะทุ่มเทถึงเพียงนี้…
ยามนี้ทั้งสองแนบชิดกันจนไม่อาจแนบชิดกันไปมากกว่านี้ได้แล้ว เขาถึงขั้นที่สามารถมองเห็นไรขนอ่อนบนพวงแก้มขาวผ่องของนางได้ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ
วาจาตำหนิของเขาเอ่ยไปได้ครึ่งเดียวก็หยุดลง ดวงหน้าน้อยๆ ของนางซีดเซียวยิ่ง บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อผุดพรายเนืองแน่น
ชัดเจนยิ่งนัก บาดแผลของนางถูกสะเทือนแล้ว
เขายื่นมือไปจับข้อมือนาง คิดจะจับชีพจรให้นาง
กู้ซีจิ่วสะบัดข้อมือ หลบมือของเขา เอ่ยเสียงเย็น
“ปล่อยผู้ทรงศักดิ์อย่างข้านะ!”
ตี้ฝูอีผงะไป ยามที่สีหน้านางเยียบเย็นลงพลังอำนาจกล้าแกร่งนัก แววตาที่มองเขาก็ขุ่นเคืองอย่างแท้จริง เช่นนี้คือไปกระตุกหนวดนางเข้าจริงๆ แล้ว…
นางดิ้นรนอย่างหนักโดนไม่สนใจอาการเจ็บแผล ตี้ฝูอีก็ไม่กล้าขัดขืนนาง วางนางลงบนหลังไป๋เจ๋ออีกครั้ง ด้วยเกรงว่านางจะนั่งไม่มั่นคง จึงใช้แขนข้างหนึ่งพยุงไหล่นางไว้
กู้ซีจิ่วไม่รับความปรารถนาดีของเขา ยื่นมือไปปัดมือเขา
“ปล่อยนะ!”
ตี้ฝูอีทำได้เพียงปล่อยมือ นิ่งไปครู่หนึ่ง กล่าวอธิบาย
“ข้าไม่ได้โยนขวดยานั้นของเจ้า…”
ที่เขาโยนออกไปเป็นขวดยาธรรมดาใบหนึ่ง
กู้ซีจิ่วสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ไม่สนใจเขา โยนขวดยาในมือทิ้ง
…………….