บทที่ 2099 นางอยู่ที่ไหน 3
“ฝ่าบาท พลังยุทธ์ของแม่นางกู้ใกล้บรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว ต่อให้หล่นลงไปในลาวา ก็คงไม่สิ้นชีพไปจริงๆ ไม่แน่ว่านางอาจหนีรอดไปแล้วก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้อยู่ที่นี่เท่านั้น ท่านก็ทราบนี่ขอรับ ลาวาของที่นี่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง บางทีนางอาจถูกพัดพาไปยังสถานที่อื่นแล้วก็ได้ พวกเราไปค้นหาต่อเถิด”
ไป๋เจ๋อปลอบใจนายน้อยของบ้านตน
“ใช่แล้ว แม่นางกู้เป็นคนดีสวรรค์คุ้มครอง ไม่มีทางเกิดอุบัติเหตุขึ้น เราก็ส่งคนไปค้นหาเพิ่มด้วย”
จักรพรรดิเซียนก็เอ่ยเช่นกัน
เขามองตี้ฝูอี จากนั้นก็มอง ‘จิ่นหลิงเอ๋อร์’ ที่ติดตามอยู่ข้างกายเขาด้วยใบหน้ามอมแมมเลอะฝุ่น สายตาค่อนข้างซับซ้อน
ดูเหมือนฝ่าบาทน้อยผู้นี้จะมีความรู้สึกต่อแม่นางกู้ผู้นั้นจริงๆ…
ตอนที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาปกปิดไว้ได้ดียิ่ง แต่พอนางเกิดเรื่องขึ้น เขาก็ ‘เผยตัวจริง’ ออกมาเลย แถมยังไม่ปกปิดไว้เลยสักนิดด้วย
ส่วนแม่นางกู้ผู้นั้น ก็คล้ายว่าจะไม่ได้มองอีกฝ่ายเป็นเด็กน้อยจริงๆ เพียงคิดไปตามหลักเหตุผล แต่ในจิตใต้สำนึกน่าจะชอบเขาอยู่เหมือนกัน…
จะว่าไป สรุปแล้วแม่นางกู้ผู้นั้นไปอยุ่ที่ไหนกันแน่?
จักรพรรดิเซียนไม่เชื่อว่านางจะประสบเหตุร้ายเข้าจริงๆ!
คนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน
ทุกคนล้วนรู้สึกว่า กู้ซ่างเซียนกู้ซีจิ่วน่าจะหลบหนีไปยังสถานที่อื่นอย่างว่องไวยิ่งนักแล้ว แต่ว่า…
สามวันผ่านไป ห้าวันผ่านไป ครึ่งเดือนผ่านไป หนึ่งเดือนผ่านไป ยังคงไม่มีข่าวคราวของกู้ซีจิ่วเช่นเดิม
คนผู้นี้เสมือนหายตัวไปจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย
ตี้ฝูอีหาทางค้นหาสารพัดวิธีอยู่ตลอด
ในช่วงสิบวันแรกค้นหาอย่างแทบไม่หลับไม่นอนเลย
ยิ่งเวลายืดยาวออกไป ความหวังที่ว่านางยังมีชีวิตอยู่ก็ยิ่งลดน้อยลง
ตี้ฝูอีเสาะหาไปตามสถานที่มากมาย ย่อมไปหาหลงซือเย่ด้วยเช่นกัน
ตอนที่หลงซือเย่อยู่ในคุกสวรรค์ได้ถูกอารักษ์ลำดับที่สามเถี่ยหลิวเคี่ยวกรำทรมานด้วยความแค้นส่วนตัว ร่างกายบาดเจ็บสาหัส แทบจะลงจากเตียงไม่ไหว แต่หลังจากได้ยินเรื่องที่กู้ซีจิ่วหายตัวไป เขาก็ฝืนเข้าร่วมกองกำลังค้นหากู้ซีจิ่วด้วย
หลงซือเย่ยังมีข้อวินิจฉัยอย่างหนึ่งอยู่ด้วย
“เป็นไปได้ไหมว่าซีจิ่วกลับโลกเบื้องล่างไปแล้ว? ถึงอย่างไรนางก็อยู่ที่ดินแดนเบื้องบนได้แค่หกเดือนเต็ม…”
เจ้าหอยยักษ์ปฏิเสธทันที
“เป็นไปไม่ได้! เจ้านายของข้าไม่มีทางทิ้งข้ากับลู่อู๋เด็ดขาด! อีกทั้งเจ้านายต้องกลับไปด้วยการขี่เจ้านกเพลิงตัวนั้น ซ้ำยังต้องผ่านพฤกษาใหญ่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่งไปด้วย ไม่ใช่การปรากฏวังน้ำวนออกมาดูดนางกลับไป…”
หลงซือเย่จึงทำได้เพียงหุบปากลงเสีย
ไป๋เจ๋อนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ณ สุดปลายขอบของชั้นฟ้าที่เก้ามีเสาทำเนียบเซียนต้นหนึ่งอยู่ ผู้คนของแดนพ้นโศกเมื่อฝึกฝนจนบรรลุขั้นหยวนจวินขึ้นไป ชื่อแซ่ก็จะไปปรากฏบนเสาตนนั้นทันที และถ้าหากคนผู้นี้ถึงแก่กรรมลงรายชื่อก็จะเลือนหายไปจากเสา…
มันเล่ายังไม่ทันจบ ตี้ฝูอีก็หายลับไปทันที
เสาทำเนียบเซียนสูงยิ่งนัก มีความสูงหลายร้อยจั้ง รอบข้างรายล้อมด้วยเมฆหมอก บนเสามีชื่อของผู้คนสารพัดทอแสงระยิบระยับ เบียดเสียดหนาแน่นจนทำให้คนตาลาย
เมื่อไป๋เจ๋อมาถึงที่นี่ก็สำนึกเสียใจแล้ว รายชื่อที่อยู่บนเสามีอยู่กว่าแสนรายชื่อ แถมรายชื่อคนเหล่านี้ยังเคลื่อนไหวได้ประหนึ่งมีชีวิต เดี๋ยวขึ้นบนเดี๋ยวลงล่าง กระจายตัวไปทั่ว คิดจะตามหาชื่อคนผู้หนึ่งท่ามกลางรายชื่อที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายกว่าแสนรายชื่อ เป็นการงมเข็มในมหาสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่หรือไม่
ตี้ฝูอีวนเวียนอยู่รอบเสาต้นนี้ สายตาไล่ผ่านรายชื่อเหล่านี้ไปทีละชื่อๆ เสาะหาชื่อของนาง…
ไป๋เจ๋อเอ่ยงึมงำอยู่ด้านข้าง
“ฝ่าบาท ต่อให้หาชื่อของนางไม่พบ ก็ไม่ได้แปลว่านางประสบเหตุไปแล้วจริงๆ นะขอรับ ถึงอย่างไรเดิมทีนางก็ไม่ใช่คนของดินแดนนี้อยู่แล้ว ไม่แน่ว่าชื่อของนางอาจไม่เคยปรากฏขึ้นบนเสาเลยก็ได้…”
ตี้ฝูอีวนเวียนค้นหารอบเสาต้นนี้อยู่สามวัน ในที่สุดในช่วงพลบค่ำของวันที่สาม ก็หาอักษรสามตัวที่เขียนว่า ‘กู้ซีจิ่ว’ พบที่ซอกมุมหนึ่งซึ่งไม่สะดุดตายิ่งนัก
————————————————————————————-
บทที่ 2100 นางอยู่ที่ไหน 4
ยามที่ได้เห็นสามคำนี้ น้ำตาไป๋เจ๋อแทบจะไหลนองหน้า
มารดาเถอะ! หาเจอจริงๆ ด้วย! นามนี้ยังอยู่ ยืนยันได้ว่าแม่นางกู้ยังมีชีวิต!
เพียงแต่อักษรสามตัวนั้นดูสลัวเลือนรางยิ่ง แทบจะกลืนเป็นสีเดียวกับสีพื้นหลังของเสาทำเนียบเซียนแล้ว เมื่อปนอยู่ท่ามกลางรายชื่อสีทองส่องประกาย หากไม่มีสายตาที่ดีเยี่ยมอย่างยิ่งคงจะหาไม่เจอ
ไป๋เจ๋อคิดว่าตนมีสายตาดีพอแล้ว แต่เมื่อวนเวียนรอบเสาอยู่สามวัน มองอะไรล้วนเป็นภาพซ้อนไปหมด ลายตายิ่งนัก
แต่ฝ่าบาทของพวกมันที่มีพลังยุทธ์ห่างชั้นกับพวกมัน กลับไม่ตาลายเลย…
สายตาของฝ่าบาทช่างดีเยี่ยมจนน่าสะพรึง!
อย่างไรก็ตาม ยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว!
ไป๋เจ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันมองตี้ฝูอีที่คอยค้นหาอยู่ตลอดในระยะเวลากว่าสิบวันมานี้
“ฝ่าบาท แม่นางกู้ยังมีชีวิตอยู่ เช่นนี้ในที่สุดท่านก็วางใจได้แล้วกระมัง? ข้าน้อยเดาว่าสาเหตุที่นางไม่ปรากฏตัวขึ้น คงเป็นเพราะถูกวังน้ำวนนั่นดูดกลับโลกเบื้องล่างไปแล้ว ลงโทษที่นางแพร่งพรายลิขิตสวรรค์ส่งเดช เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน นางจึงไม่ทันได้พาหอยยักษ์กับลู่อู๋ไปด้วย”
ข้อสันนิษฐานนี้น่าเชื่อถือยิ่ง แม้แต่เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ก็พูดจาเป็นอื่นไม่ออกแล้ว
ตี้ฝูอีไม่พูดไม่จา สายตาตาจับจ้องตามการเคลื่อนไหวของรายชื่อที่สลัวเลือนรางอยู่ตลอด
ไป๋เจ๋อมองดวงตาที่แดงฉานของเขาอีกครั้ง ปวดใจยิ่งนัก!
“ฝ่าบาท ท่านงีบสักหน่อยก่อนเถิด พักผ่อนให้ดี หากว่านางกลับสู่โลกเบื้องล่างแล้ว พวกเราตามหานางที่ดินแดนเบื้องบนไม่เจอหรอกขอรับ ท่านหลับหูหลับตาตามหานางไปก็ไม่มีประโยชน์…”
ในที่สุดตี้ฝูอีก็ร่อนลงสู่พื้น เขาเอนหลังพิงเสาแล้วหลับตาลงเล็กน้อย
ไป๋เจ๋อไม่กล้ารบกวนเขา นายน้อยเหนื่อยล้าเกินไป! ให้เขาได้พักหายใจบ้างก็ดี
อีกทั้งระยะนี้ฝ่าบาทก็แทบจะไม่เปิดปากพูดเลย เงียบงันยิ่ง ผู้ใดก็ไม่ทราบว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่
ไป๋เจ๋อลอบถอนหายใจ ความรู้สึกที่นายน้อยมีต่อแม่นางกู้ผู้นั้นลึกล้ำยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้ ถึงขั้นที่ทำให้มันหวาดหวั่นอยู่บ้าง
นี่เป็นความรักที่ไม่เสมอภาคกัน แม่นางผู้นั้นมีคนในใจแล้ว! มีบุรุษนามว่าหวงถูผู้นั้น…
ความเป็นไปได้ที่นายน้อยคือหวงถูกลับชาติมาเกิดแทบจะเป็นศูนย์ หากว่านายน้อยบำเพ็ญจนบรรลุขั้นซ่างเซียน ภารกิจของแม่นางลุล่วงสมบูรณ์ จากนั้นหวงถูตัวจริงจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา…แล้วนายน้อยของพวกเขาจะทำยังไงล่ะ?!
มันแอบคาดหวังอย่างเห็นแก่ตัวยิ่งนักหวังให้นายน้อยถอนตัวออกมาตัดสัมพันธ์รักครั้งนี้ได้โดยเร็ว เลี่ยงไม่ให้พอถึงเวลาขึ้นแล้วถอนตัวกลับไม่ทัน
ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น…
….
ตี้ฝูอีเหนื่อยล้าเกินไปจริงๆ บัดนี้สถานการณ์ชวนโล่งใจไปได้เปราะหนึ่งแล้ว เขาจึงฝืนไม่อยู่อีกต่อไป เอนหลังพิงเสาต้นนั้นแล้วหลับไปเลย
การหลับเช่นนี้ย่อมไม่สบายตัว ไป๋เจ๋อคิดแวบหนึ่ง คืนร่างเดิมแล้วเขยิบเข้าหาเขาอย่างระมัดระวัง คิดจะพาเขามานอนบนหลังตน แบกเขากลับไปนอนพักผ่อนบนเตียงใหญ่
กลับคาดไม่ถึงว่ามันเพิ่งจะเขยิบเข้าหาเขา เขาก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว
“นายน้อย ท่านงีบต่ออีกหน่อยไหมขอรับ? ข้าน้อยจะพาท่านกลับไปพัก”
ตี้ฝูอีสูดหายใจเบาๆ กระโดดขึ้นหลังมัน เอ่ยสั่งการ
“พาเปิ่นกงไปหาวิหคเพลิงที่สามารถบินไปยังโลกเบื้องล่างได้ตัวนั้น!”
ไป๋เจ๋อสะดุ้งโหยง
“ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้คิดจะลงสู่โลกเบื้องล่างกระมัง? ไม่ได้เด็ดขาด! พวกเราคนของดินแดนเบื้องบนจะลงสู่โลกเบื้องล่างไม่ได้นะขอรับ ยามที่มหาเทพจะจากไป ก็ได้สั่งข้าน้อยเอาไว้ ฝ่าบาทจะไปที่ใดก็ได้ ขออย่างเดียวคือห้ามออกจากทวีปเสินโม่ ห้ามออกเด็ดขาด!”
ตี้ฝูอีเอ่ยเพียงหกคำเท่านั้น
“เป็นเรื่องเร่งด่วน! รีบไป!”
ในเมื่อนางสามารถขึ้นมาได้ เขาก็ไม่เชื่อว่าเขาจะลงไปไม่ได้!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะหานางให้พบก่อนแล้วค่อยว่ากัน
….
ปกติแล้ววิหคเพลิงที่เดินทางขึ้นลงระหว่างสองดินแดนจะอยู่ที่ชั้นฟ้าที่เจ็ด ตี้ฝูอีหามันพบอย่างว่องไวยิ่ง ทว่าหัวใจกลับจมดิ่งลงไปอีกครั้ง
วิหคเพลิงตัวนั้นทะลวงขั้นไม่สำเร็จ กลายเป็นศิลารูปวิหคไปแล้ว ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นไม่รู้สึกรู้สาอีกต่อไป
…………….