บทที่ 2103 พร้อมหน้า
แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับนาง เขาถึงได้รู้ว่าตนถลำลึกจมบ่อโคลนไปแล้วจริงๆ เขาไม่มีทางปล่อยมือได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะทุ่มเทเพื่อแย่งชิง!
ช่วงเวลาแห่งการรอคอยผันผ่านไป
ในที่สุดก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว
พอถึงยามเช้าตรู่ ตี้ฝูอีก็จะมารอ ณ ลานกว้างซึ่งเป็นจุดแรกที่กู้ซีจิ่วจะมาถึงในทุกครั้งที่ขึ้นมา
พาเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ติดสอยห้อยตามมาด้วย เขาเตรียมการไว้ว่าเมื่อนางขึ้นมาก็จะส่งมอบสัตว์สองตัวนี้คืนให้นาง แลเขาก็ตัดสินใจแล้วว่า การตามตื้ออย่างเร่งรัดเกินไปจะทำให้นางลำบากใจ ทำให้นางหลบลี้หนีหน้ายิ่งกว่าเดิม
เช่นนั้นเขาจะค่อยเป็นค่อยไป!
รั้งอยู่ข้างกายนางด้วยฐานะสหายธรรมดาก่อน ไม่ทำให้นางรู้สึกลำบากใจอันใด แม้ว่าจะต้องอาศัยฐานะลูกศิษย์ เขาก็จะไม่ปล่อยนางไป…
ศาลาใกล้สายธารย่อมได้ยลจันทร์ก่อน เขาไม่เชื่อว่าจะทำให้นางหวั่นไหวไม่ได้!
เขาโอบอุ้มเป้าหมายนี้ไว้ ตี้ฝูอีรออยู่บานลานกว้างแห่งนั้น ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ตั้งแต่ดวงเดือนขึ้นฉายแสงจวบจนดวงเดือนร่วงลาลับ…
วันแรกที่เขารอแล้วไม่ได้พบนาง เขาเอ่ยปลอบใจตน บอกว่านางต้องใช้เวลา เนื่องจากเจ้าหอยยักษ์เคยบอกว่า จากโลกเบื้องล่างขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนนางต้องใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม
วันที่สองของการรอคอยเขาก็ยังไม่ได้พบนาง เขาบอกกับตัวเองว่า บางทีนางอาจจะมีธุระอันใดที่ถ่วงให้ล่าช้า แต่ก็คงไม่ล่าช้านานจนเกินไป
วันที่สาม วันที่สี่ วันที่ห้า…
เขารออยู่ที่ลานกว้างแห่งนี้โดยไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว!
มองพระอาทิตย์ขึ้นแล้วตก ตกแล้วขึ้น ณ ปลายขอบฟ้า มองม่านรัตติกาลคลี่กางและแสงอุษารุ่งอรุณ…
รอคอยอย่างร้อนใจอยู่ทุกวัน และรอคอยอย่างสิ้นหวัง
ลานกว้างแห่งนี้มีผู้คนสัญจรไปมาไม่น้อยเลย เซียนหญิงก็มีไม่น้อยเลยเช่นกัน ขาดไปเพียงคนผู้นั้นที่เขาอยากพบ
ไป๋เจ๋อทนดูไม่ไหว ขอให้เขากลับไปพักผ่อนก่อน มันจะช่วยเฝ้ารออยู่ที่นี่แทนเขา หากมีข่าวคราวจะรีบแจ้งแก่เขาทันที
แต่เขายังยืนอยู่บนลานกว้างอย่างเงียบๆ เอนกายพิงราวกั้น ราวกับจะหยั่งรากลง ณ ที่แห่งนี้ อย่าว่าแต่ไป๋เจ๋อเลย ต่อให้แปดสัตว์วิเศษมากันหมด ก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมเขาได้เลย
ไป๋เจ๋อกลัดกลุ้มนัก คะนึงหาคู่มหาเทพสามีภรรยายิ่งนัก หากว่าคู่มหาเทพสามีภรรยาอยู่ที่ดินแดนนี้ ด้วยความสามารถด้านการทำนายทายทักขององค์มหาเทพ คงจะทำนายได้ว่าที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับกู้ซีจิ่วกันแน่ และคงไม่ปล่อยให้นายน้อยต้องรอคอยอย่างไร้ความหวังเช่นนี้
ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือนายน้อยได้เลย นายน้อยช่างน่าสงสารเหลือเกิน…
การรอคอยนี้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งเดือน ในที่สุดตี้ฝูอีก็ตัดสินใจที่จะไม่รอแล้ว!
หากว่าเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ไม่ได้ถูกทิ้งไว้ที่ดินแดนเบื้องบน เขาอาจนึกสงสัยแล้วว่านางจงใจซ่อนตัวจากเขา นางมีธุระอันใดถ่วงรั้งไว้ที่โลกเบื้องล่าง ยังขึ้นมาไม่ได้ชั่วคราว ถึงอย่างไรนางก็เคยมีประวัติว่าไม่ขึ้นมายังดินแดนเบื้องบนเลยอยู่หลายปี
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้จากไป นางต้องรีบร้อนอยากขึ้นมาหาสัตว์เลี้ยงของนางเป็นแน่ เมื่อถึงเวลา เกรงว่าธุระหน้าที่อันใดก็คงถ่วงรั้งนางไว้ไม่ได้
แต่ยามนี้เลยระยะเวลาที่กำหนดมาเนิ่นนานปานนี้แล้ว นางก็ยังไม่ขึ้นมา
เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นางขึ้นมาไม่ได้! และอาจกล่าวได้ว่านางออกจากสถานที่ที่นางอยู่ในยามนี้ไม่ได้!
หรือนี่จะเป็นบทลงโทษที่นางแพร่งพรายลิขิตสวรรค์?
ยามนี้นางต้องร้อนรนยิ่งนักเป็นแน่! อาจจะรอคอยความช่วยเหลือจากเขาอยู่ก็เป็นได้…
เขาไม่อาจรั้งรอต่อไปได้อีกแล้ว…
….
ณ ชั้นฟ้าที่เก้ามีแท่นเดินหนอยู่แท่นหนึ่ง
เป็นสถานที่สำหรับลงโทษผู้บำเพ็ญเซียนของแดนพ้นโศกที่กระทำความผิดให้ลงสู่ดินแดนเบื้องล่าง และเป็นสถานที่ที่พอพูดถึงแล้วผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนล้วนหน้าถอดสี
อย่างไรก็ตามเมื่อกระโดดลงไปจากแท่นนี้แล้ว ก็ยากนักที่จะมีโอกาสได้กลับขึ้นมาอีก
อีกทั้งเส้นทางสังสารวัฏที่เชื่อมสู่โลกเบื้องล่างก็มีพิษ จะลดทอนพลังยุทธ์ของผู้ที่กระโดดลงไป ถึงขั้นที่ทำลายความทรงจำบางส่วนของผู้ที่กระโดดลงไปด้วย
แท่นเดินหนแห่งนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับแท่นสังสารวัฏของยมโลก
————————————————————————————-
บทที่ 2104 พร้อมหน้า 2
แดงฉานดั่งโลหิต มีม่านเมฆบางเบานับไม่ถ้วนยกให้มันล่องลอยอยู่กลางอากาศ
และใต้แท่นเดินหนก็คือแม่น้ำสวรรค์ที่เชี่ยวกราก
เล่ากันว่าหากผู้ใดขึ้นสู่แท่นเดินหนแล้วจะไม่สามารถหันหลังกลับได้ ทำได้เพียงกระโดดลงไปตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนกระโดดแล้วจะไปโผล่ที่โลกไหนก็ขึ้นอยู่กับการสุ่มตามสถานการณ์ อาศัยโชคชะตา
หากว่าไม่กระโดด แท่นเดินหนจะพลิกคว่ำทันที เทคนที่อยู่บนแท่นลงไปในแม่น้ำสวรรค์ และแม่น้ำสวรรค์ของที่นี่สามารถหลอมละลายได้ทุกสิ่ง หากตกลงไปแล้วอย่าว่าแต่รักษาชีวิตไว้เลย แต่กระทั่งโครงกระดูกก็ไม่อาจงมขึ้นมาได้
ยามนี้ตี้ฝูอียืนอยู่ไม่ไกลจากแท่นเดินหน เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ติดตามอยู่ข้างกายด้วยสีหน้าเศร้าสลด
ผู้บำเพ็ญเซียนที่มาที่นี่ล้วนแต่ถูกคุมตัวมาทั้งสิ้น ถูกบังคับให้ขึ้นไปบนแท่นเดินหนแห่งนั้น
คนที่คิดอยากมาที่นี่ด้วยตัวเองเช่นนี้ยังคงมีเพียงตี้ฝูอีคนเดียวเท่านั้น
ไป๋เจ๋อรั้งแขนเสื้อเขาเอาไว้สุดชีวิตเอ่ยเกลี้ยกล่อม
“ฝ่าบาท ท่านจะกระโดดจากที่นี่ไม่ได้นะขอรับ! ท่านกระโดดลงไปแล้วก็ยังไม่แน่ว่าจะได้พบนาง อัตราความเป็นไปได้เลือนรางเกินไป! หากว่านางขึ้นมา แต่ท่านกลับลงไปแล้ว พวกท่านจะไม่คลาดกันไปหรอกหรือ?”
“ฝ่าบาท ท่านรออีกหน่อยเถิด รออีกหน่อย! บางทีนางอาจจะขึ้นมาภายในไม่กี่วันนี้ก็ได้”
“ฝ่าบาท ท่านอย่าได้วู่วาม ปีนั้นยามที่องค์มหาเทพจะจากไป เคยบอกไว้ว่าไม่ให้ท่านออกจากทวีปเสินโม่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะมาพาท่านไปด้วย”
“ฝ่าบาท…”
ไป๋เจ๋อพร่ำพูดจนปากแทบฉีกแล้ว ระยะนี้เขาเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อหลายวันก่อนสามารถขัดขวางตี้ฝูอีไว้ได้ แต่หนนี้เขาขวางไว้ไม่อยู่แล้ว!
เนื่องจากเมื่อวานตี้ฝูอีไปที่เสาทำเนียบเซียนอีกครั้ง พบว่าชื่อของกู้ซีจิ่วที่อยู่บนเสาเลือนรางจนแทบจะเป็นสีเดียวกับต้นเสาแล้ว คล้ายว่าพร้อมจะเลือนหายไปได้ทุกเมื่อ…
นางต้องถูกขังไว้ที่ใดสักแห่งแน่นอน! เขาต้องไปช่วยนาง! ไม่สนใจว่าจะต้องเสียค่าตอบแทนเช่นใด!
นี่คือความคิดเดียวของตี้ฝูอี
เขายังพบวิชาเสาะแสวงหาคนของดินแดนเบื้องล่างในตำราโบราณเล่มหนึ่งที่อยู่ในห้องหนังสือของท่านพ่อด้วย
กล่าวไว้ว่าต้องพกพาสิ่งที่ผู้สูญหายผูกพันที่สุดไปด้วย เมื่อกระโดดจากแท่นเดินหน จะมีอัตราความเป็นไปได้สูงที่จะได้พบตัวผู้สูญหาย
สิ่งที่กู้ซีจิ่วผูกพันที่สุดน่าจะเป็นเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ ดังนั้นตี้ฝูอีจะพาทั้งสองตัวไปด้วย เขาจะเดิมพันดูสักครั้ง ไม่คิดจะรอคอยอย่างไร้ความหวังอีกต่อไปแล้ว
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาย่อมไม่คิดจะโอ้เอ้รั้งรอต่อไปอีก เรื่องราวต่อจากนี้เขาก็จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว
เขาสั่งการไป๋เจ๋อไว้ หลังจากเขากระโดดลงไปแล้ว ถ้ากู้ซีจิ่วขึ้นมา จะต้องรั้งตัวนางเอาไว้ ให้นางรออยู่ที่แดนพ้นโศก อีกร้อยปีให้หลังเขาจะหวนกลับมาที่แดนพ้นโศกอีกครั้ง…
“ไป๋เจ๋อ จำคำของเปิ่นกงไว้”
ตี้ฝูอีสั่งการอีกประโยคหนึ่ง จากนั้นมือซ้ายจูงเจ้าหอยยักษ์ มือขวาหิ้วลู่อู๋ ตัดสินใจในทันใด หมายจะเหินสู่แท่นเดินหน
จู่ๆ ยันต์ถ่ายทอดเสียงที่หว่างเอวของเขาก็ส่องแสงกะพริบขึ้นมาอย่างร้อนรน เขาฉุกใจขึ้นมา กดรับสาย มีเสียงรายงานของเถิงเสอแว่วออกมาจากยันต์
“ฝ่าบาทๆ มหาเทพกับจอมมารกลับมาแล้วขอรับ!”
ตี้ฝูอีตะลึงงัน!
ส่วนไป๋เจ๋อก็ฮึกเหิมปานฉีดเลือดไก่มา ยุดชายเสื้อคลุมของเขาเอาไว้สุดชีวิต
“ฝ่าบาท มหาเทพอาจจะมีวิธีก็ได้นะขอรับ มิสู้พวกเรากลับไปก่อนเถอะขอรับ กลับไปก่อน”
….
คู่มหาเทพสามีภรรยานับว่ากลับมาได้ทันเวลายิ่ง หากกลับช้ากว่านี้ไปสักหนึ่งเค่อล่ะก็ คงไม่ได้พบหน้าบุตรชายสุดที่รักอีกต่อไป
รอนแรมทำภารกิจลิขิตสวรรค์อยู่ด้านนอกมาหลายปี จอมมารหนิงเสวี่ยโม่อยากกลับบ้านใจแทบขาด นางคิดถึงเสี่ยวเนี่ยนโม่แล้ว!
ดังนั้นยามที่ทำภารกิจเสร็จสิ้นไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว นางและสามีต้องเดินทางข้ามเวลา บังเอิญต้องผ่านทวีปเสินโม่พอดี นางจึงเรียกร้องขอกลับมาหาลูกชาย เสินจิ่วหลีสามีของนางนับนิ้วทำนายอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ทราบเช่นกันว่าทำนายสิ่งใดได้ รีบร้อนจะกลับมายิ่งกว่านางเสียอีก
พวกเขากลับไปที่ตำหนักนภาลัยก่อน ผลคือพบเพียงเถิงเสอ…
————————————–