บทที่ 2198 ผู้ใดก็เข้าแทนที่ไมได้!
หลังจากหัวหน้าเผ่านั่งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมา คิดจะออกไปด้านนอก
“เจ้าจะไปหาเย่หลิง? ไปถามเรื่องบิดาเจ้าสินะ?”
ตี้ฝูอียืนกอดอกอยู่ตรงนั้น เอ่ยสองประโยคก็สกัดฝีเท้าของหัวหน้าเผ่าได้แล้ว
“…ใช่!” เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮวาจื่อชุนไม่ปรารถนาตำแหน่งเจ้าเมืองนี้ เขาพอจะฝืนยอมรับเย่หนู่เป็นเจ้าเมืองได้ แต่เขาอยากรู้ยิ่งนักว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับบิดาของตน เย่หนู่ต้องเป็นผู้ที่รู้กระจ่างแน่นอน
“เจ้าคิดว่าเขาจะบอกเจ้าหรือ?”
น้ำเสียงตี้ฝูอีเยียบเย็นนิดๆ
หัวหน้าเผ่านิ่งไปแวบหนึ่ง
“…ข้า ข้าแค่อยากรู้เบาะแสของบิดาข้า เรื่องอื่นข้าล้วนไม่ใส่ใจทั้งสิ้น…”
“เจ้าไม่ใส่ใจไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ใส่ใจ เจ้าไปหาเขาจะเป็นการยืนยันว่าจำเขาได้ เรื่องที่เขาเคยเป็นบ่าวไพร่ เจ้าคิดว่าเขาอยากให้ผู้อื่นรู้มากหรือ? เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้งั้นหรือ?”
หัวหน้าเผ่าทึ่มทื่อแล้ว
“…แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็แสร้งทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้จักเขา อาศัยอยู่ที่นี่อย่างสงบไปสองสามวัน ดูแลคนในหมู่บ้านของเจ้าให้ดี เรื่องของบิดาเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าตรวจสอบ เมื่อถึงเวลาจะมาแจ้งแก่เจ้า”
ตี้ฝูอีตัดบทเขา
บางทีอาจเป็นเพราะหลายวันนี้ร่วมเผชิญอันตรายด้วยกันมา หัวหน้าเผ่าจึงเชื่อถือตี้ฝูอีเป็นที่สุด ได้ยินเขาบอกเช่นนี้ หัวใจที่ร้อนรนกลัดกลุ้มในที่สุดก็ค่อยๆ สงบลงบ้างแล้ว
เขาไม่ได้โง่ เข้าใจถ้อยคำเหล่านี้ของตี้ฝูอีดี
เย่หนู่ไม่ใช่เย่หนู่ในอดีตที่คอยตามหลังเขาต้อยๆ อย่างจงรักภักดีคนนั้นอีกแล้ว แต่เป็นเจ้าเมืองเย่หลิงผู้ชั่วช้าเหี้ยมหาญ…
ถ้าเขาเผอเรอไปสักนิด ก็เป็นไปได้ว่าต้องจบชีวิตลงที่นี่!
เพื่อปลอบใจหัวหน้าเผ่า ตี้ฝูอีจึงบอกว่าก่อนหน้านี้ตนออกไปสืบถามข้อมูลมารอบหนึ่ง
บอกเล่าข้อมูลเหล่านี้ออกมา หัวใจกู้ซีจิ่งพลันจมดิ่งเล็กน้อย
ยามนี้ในเมืองนี้มีประชากรกว่าแสนคน เป็นชาวบ้านยากจนกว่าแปดหมื่นคน คนเหล่านี้รับผิดชอบปัจจัยสี่อาหารการกินของคนทั้งเมือง ทุกวันต้องทำงานหนักสิบห้าสิบหกชั่วโมง ทว่ากินไม่อิ่มท้องสวมใส่ไม่อุ่นกาย ชีวิตเกินคำว่ายากจนข้นแค้นไปแล้ว คนรวยในเมืองสามารถทุบตีด่าทอพวกเขาได้ตามอำเภอใจ ต่อให้ทุบจนตายพวกเขาไม่กล้าพูดจาเป็นอื่นเลยสักคน
อีกสองหมื่นคนที่เหลือเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นสามขึ้นไป คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องออกไปล่าสัตว์ร้ายเก็บผลึกวิญญาณทุกวัน และมีภารกิจด้วย ทุกครั้งที่ออกไปต้องล่ามาให้ได้อย่างน้อยหนึ่งก้อนต่อยี่สิบคน มิเช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้เข้าเมือง หากว่ามีคนบาดเจ็บสาหัสในขณะที่อยู่ด้านนอก ก็มีแต่จะถูกทิ้งไว้ข้างนอก เนื่องจากเมืองลั่วฮวาไม่ให้ผู้บาดเจ็บอยู่…
ส่วนผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นสี่ขึ้นไปสามารถเป็นทหารได้ ได้รับที่ดินศักดินา มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นบ้าง
ผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นหกจะได้เป็นองครักษ์ข้างกายเจ้าเมือง ได้รับการจัดสรรคฤหาสน์บ่าวไพร่และสาวงาม ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อสำมะเลเทเมา
คนเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าของกิจการ ข้าวของที่ขายในแต่ละร้านล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ซ้ำแบบกัน มีข้าวของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้คน และมีข้าวของฟุ่มเฟือยให้คนได้เพลิดเพลินอีกด้วย เนื่องจากมีการผูกขาดสินค้า ราคาย่อมแพงอย่างยิ่ง ประชาชนทั่วไปทำงานหนักเป็นเดือน ก็ยังไม่แน่ว่าจะซื้อของชิ้นเล็กๆ ในร้านสักชิ้นได้…
หลายปีมานี้ในเมืองมีคนนอกเข้ามาไม่น้อยเลย ในบรรดานั้นไม่ขาดแคลนผู้มีพลังวิญญาณสูงส่งและผู้ที่มีกลยุทธ์ล้ำลึกเลย คนเหล่านี้ย่อมไม่ยินดีเป็นเบี้ยล่าง ผู้ที่คิดจะเข้าแทนที่ตำแหน่งเจ้าเมืองก็มีอยู่มากมาย
นับประสาอะไรกับเจ้าเมืองผู้นี้ที่ชั่วช้าไม่ได้ใจประชาชน คนส่วนใหญ่ชิงชังเขาจนเข้ากระดูกดำ
แต่ทุกคนกลับไม่กล้าและไม่อาจสั่นคลอนเขาได้ เนื่องจากเขตแดนที่ขวางกั้นพิรุณโลหิตและค้างคาวโลหิตจากฟากฟ้าก็เป็นเขาที่สร้างขึ้น ผู้ใดก็เข้าแทนที่ไม่ได้!
————————————————————————————-
บทที่ 2199 ไม่เปิดโอกาสให้บุรุษคนใดได้เข้าใกล้เจ้าแน่
ถ้าสังหารเขา เขตแดนนี้ก็จะรักษาไว้ไม่ได้ เมืองนี้ก็จะล่มสลายเช่นกัน…
แน่นอน มีคนที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้าอยู่เช่นกัน ถ้าศึกษาค้นคว้าเขตแดนนั้น คิดว่าน่าจะแทนที่ได้
แต่หลังจากศึกษาอยู่เนิ่นนานยิ่งนัก ก็ค้นพบว่าสร้างเขตแดนที่เหมือนกันขึ้นมาไม่ได้ ย่อมแทนที่ไม่ได้ด้วย…
เจ้าเฟิงฉิงขมวดคิ้ว
“กล่าวเช่นนี้คือ สังหารเจ้าเมืองผู้นี้ไม่ได้หรือ?”
ตี้ฝูอีเป่านิ้วมือ
“ยังฆ่าตอนนี้ไม่ได้ก็เท่านั้น”
สายตาเจ้าเฟิงฉิงพลันส่องประกาย
“คุณชายมีวิธีหรือ?”
ตี้ฝูอีลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยว่า
“พวกเจ้าทนไปก่อนสักสองสามวัน นอกเหนือจากสตรีที่ไม่อาจปล่อยให้เป็นนางโลมได้ ที่เหลือให้ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของเมืองทั้งหมด อย่าปล่อยให้เย่หลิงผู้นั้นจับจุดอันใดได้ เรื่องอื่นๆ ให้ฟังคำข้า!”
“ได้!”
“ทุกอย่างล้วนฟังคำคุณชาย”
กู้ซีจิ่วนั่งมองเขาอยู่ด้านข้าง ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ
คนผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำโดยแท้…
เขาเสมือนขุนเขาลูกหนึ่ง ทำให้ผู้คนรอบข้างแข็งแกร่งและกล้าหาญขึ้นมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด ราวกับขอเพียงมีเขาอยู่ข้างกาย มรสุมใดล้วนไร้ความหมาย พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟไปพร้อมกับเขา…
ทั้งสองออกจากเรือนหิมะสลาตัน พวกเจ้าเฟิงฉิงทั้งสิบสองคนก็รั้งอยู่ที่เรือนหิมะสลาตัน ประการแรกเพื่อให้การคุ้มกันหัวหน้าเผ่าได้สะดวก ประการที่สองคือในเรือนสลาตันยังมีห้องว่างอีกสามห้อง ในห้องมีเตียงนอน พวกเขาพักผ่อนที่นี่สบายกว่าข้างนอกมากนัก
เดิมทีกู้ซีจิ่วก็คิดจะรั้งอยู่ ขอแบ่งมาสักห้อง แต่เธอเพิ่งจะเผยความคิดออกมาก็ถูกตี้ฝูอีลากออกมาโดยไม่พูดไม่จาแล้ว
ยามนี้ดึกดื่นแล้ว พิรุณโลหิตหยุดไปแล้ว ค้างคาวโลหิตก็หายไปแล้ว
เขตแดนภายในเมืองก็เก็บไปแล้ว เผยดวงดาราและจันทร์เพ็ญบนท้องนภาออกมา
แสงจันทร์ดั่งน้ำค้างดุจเงิน ทอดลงบนพื้น ทิวทัศน์งดงามยิ่งนัก
ทั้งสองเดินเคียงกันบนถนน แสงจันทร์ส่องสะท้อนเงาพวกเขาเดี๋ยวยาวเดี๋ยวสั้น แต่ไม่ว่าจะลากยาวหรือหดสั้น เงาร่างทั้งสองก็อยู่ด้วยกันเสมอ ไม่เคยแยกจากกันเลย
“ตอนนี้พวกเราจะเอาอย่างไรดี? ต้องลอบไปเยือนจวนเจ้าเมืองในยามวิกาลหรือไม่?”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วลุกวาว
“ไม่จำเป็น วันนี้พวกเราต้องพักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้ข้าจะไปล่าผลึกวิญญาณระดับหนึ่ง”
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
กู้ซีจิ่วขันอาสา
ตี้ฝูอียิ้มออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่
“เป็นห่วงข้าหรือ?”
“สัตว์ร้ายที่มีผลึกวิญญาณระดับหนึ่งร้ายกาจเกินไป ข้าคิดว่าถ้าเราสองคนร่วมมือกันจะปลอดภัยกว่า”
กู้ซีจิ่วไม่วางใจให้เขาไปคนเดียวจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้จุดตายของพวกมันและวิธีโจมตีแล้ว เจ้ารั้งอยู่ในเมืองเถอะ คอยดูแลชาวบ้านพวกนั้น ถ้าพวกเราออกไปทั้งคู่ เกรงว่าเย่หลิงผู้นั้นจะเล่นงานชาวบ้านได้”
นี่ก็ถูก!
กู้ซีจิ่วซบแขนเขา กำชับกำชาเขา
“เช่นนั้นเจ้าต้องระวังหน่อยนะ”
“แน่นอน ข้าจะกลับมาอย่างสง่างาม ไม่เปิดโอกาสให้บุรุษคนใดได้เข้าใกล้เจ้าแน่”
ตี้ฝูอีหันไปจุมพิตแก้มนางทีหนึ่ง แขนโอบเอวนางไว้แน่น
ลมหายใจอุ่นร้อน กายคนอบอุ่น
ถึงแม้สภาพแวดล้อมรอบข้างจะยังคงเลวร้ายเช่นเดิม แต่ในใจกู้ซีจิ่วราวกับมีฟองสบู่แห่งความสุขผุดพรายออกมา เธอเงยหน้าแล้วจุมพิตแก้มเขาทีหนึ่งเช่นกัน
“ข้าจะรอเจ้านะ!”
ในใจตี้ฝูอีก็อบอุ่นเช่นกัน
นางในยามนี้เสมือนผู้ติดตามน้อย ชอบตามติดอยู่ข้างกายเขา นี่เป็นเรื่องที่แต่ก่อนเขาไม่เคยกล้านึกถึงเลย
ทว่าสัมผัสได้อย่างน่าประหลาดว่า วิธีอยู่ร่วมกันของเขาและนางในตอนนี้สิถึงเป็นวิธีอยู่ร่วมกันที่ถูกต้อง
เขาชอบโอ๋นาง ชอบที่นางทำตัวสดใสไร้กังวลเสมือนสาวน้อยคนหนึ่งต่อหน้าเขา…
มิใช่ปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีของผู้อาวุโส…
หากว่าวันหน้าความทรงจำนางฟื้นฟูกลับมาและยังปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้อยู่ เช่นนั้นคงจะดียิ่ง!
————————————