บทที่ 2230 ท่านเลิกกับคุณชายตี้แล้วหรือ?
เธอยังจดจำตอนที่ตี้ฝูอีพบชาวเผ่าเหล่านี้ได้ คนเหล่านี้ก็อยากจะสนิทสนมกับเขาเช่นกัน ต้องการจับมือทักทายเขา ผลคือเขาไม่จับเลย เพียงทำเป็นมองไม่เห็น หยิ่งยโสอย่างยิ่ง
เมื่อมีคนสัมผัสตัวเขา เขาจะปัดเสื้อผ้าสองสามครั้งทันที ชัดเจนยิ่งนักว่ารังเกียจที่พวกเขาสกปรก…
นี่ยังไม่ได้พูดถึงการที่เขาชอบแขวะผู้อื่นอย่างยิ่ง แขวะจนผู้อื่นพูดไม่ออกอยู่บ่อยครั้ง
เป็นเพราะแบบนี้ ชาวเผ่าเหล่านี้จึงไม่กล้าเข้าใกล้เขา ยิ่งไม่กล้าสนิทสนมกับเขาด้วย
เขาก็เว้นระยะห่างกับคนเหล่านี้เช่นกัน…
ตามวิธีที่เขาพูดคือ หากมิใช่เห็นแก่หน้ากู้ซีจิ่ว เขาก็คร้านจะใส่ใจความเป็นความตายของคนเหล่านี้ และไม่คิดจะคบหาสมาคมกับคนพวกนี้
แต่อวิ๋นเยียนหลีผู้นี้ก็มาจากดินแดนเบื้องบนเช่นกัน ฐานะก็สูงส่งนัก กลับไม่วางท่าเลยสักนิด เป็นกันเองยิ่งนัก เหมือนเทพเซียนผู้เปี่ยมเมตตาในตำนานเล่าขานจริงๆ แตกต่างกับตี้ฝูอียิ่งนัก…
เธอใจลอยไปชั่วขณะ ชุนเฉาลากเธอไปอีกทาง ถามเธออย่างลับๆ ล่อๆ
“ซีจิ่ว คุณชายคนนี้ก็หล่อมากเช่นกัน ข้าดูแล้วเขาน่าจะมีความรู้สึกต่อท่านนะ…”
“ห้ามพูดเหลวไหล!”
กู้ซีจิ่วเอ่ยขัดนาง
“เขาเป็นเพียงสหายของข้าเท่านั้น เขาก็มองข้าเช่นนี้เหมือนกัน ข้ากับเขาไม่มีอะไรกัน”
ชุนเฉาผิดหวังอยู่บ้าง เด็กสาวในเผ่าไม่ได้ยึดถือเรื่องคู่ครองเดียวสักเท่าไหร่ ชอบผู้ใดก็อยู่กับผู้นั้น ไม่ชอบก็แค่เลิกรากัน
ชุนเฉาก็เคยคบหากับชายหนุ่มในเผ่ามาสามคนแล้ว
ถูกบุรุษมากกว่าหนึ่งคนชมชอบ ก็เป็นเรื่องน่าภูมิใจอย่างหนึ่ง ดังนั้นชุนเฉาจึงรู้สึกว่า ‘พี่สือโทว’ ของนางมีความสามารถมากขนาดนี้ เหนือกว่านางเป็นร้อยเท่า น่าจะมีบุรุษหลายๆ คนหน่อย…
“ท่านชอบเพียงตี้ฝูอีผู้นั้นจริงๆ หรือ? อยากออกเรือนกับเขาเท่านั้นสินะ?”
มีเรื่องราวมากมายให้พูดถึงแต่ชุนเฉากลับไม่พูด ดันมาเอ่ยถึงเรื่องนี้เข้า
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยอย่างเฉยชา
“อย่าเอ่ยถึงเขาอีก ข้าเลิกกับเขาแล้ว”
ชุนเฉาตะลึงงัน
“ทำไมล่ะ?”
กู้ซีจิ่วไม่อยากอธิบาย
“ไม่ทำไม ข้ากับเขาเข้ากันไม่ได้”
ชุนเฉาทึ่มทื่อไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยโพล่งออกมา
“ไม่ใช่กระมัง? ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเขาดีออกปานนี้! เข้ากันได้ดีจะตาย ทุกคนต่างอิจฉายิ่งนัก ทำไมจู่ๆ ถึงเข้ากันไม่ได้ล่ะ?”
เสียงของชุนเฉาค่อนข้างดัง ทุกคนล้วนมองมาที่พวกเธอ
“พี่สือโทว ท่านเลิกกับคุณชายตี้แล้วหรือ?”
“พี่สือโทว ทำไมล่ะ?”
“พี่สือโทว ความสัมพันธ์ของพวกท่านมิใช่ว่ายอดเยี่ยมยิ่งนักเสมอมาหรอกหรือ? เมื่อคืนยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย ทำไมคืนนี้มาบอกว่าเลิกกันแล้วล่ะ?”
ทางนั้นประโยคหนึ่งทางนี้ประโยคหนึ่ง ทำให้กู้ซีจิ่วหงุดหงิดฉุนเฉียวแล้ว ในใจสับสนว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าเฉิดฉันของเธอบึ้งตึงแล้ว
“พวกเจ้าว่างนักหรือไง? พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานแล้วหรือ? ไปนอนกันได้แล้ว!”
เธอยังคงมีอำนาจในเผ่ายิ่งนัก เมื่อเธอตีสีหน้าเย็นชา คนอื่นก็ไม่กล้าถามอะไรให้มากความแล้ว
มีเพียงเถี่ยตั้นที่อดใจไม่อยู่ เอ่ยออกประโยคหนึ่งว่า
“ซีจิ่ว หรือว่าเขาทำเรื่องอะไรที่ผิดที่ต่อท่าน? ถึงทำให้ท่านโมโหมากขนาดนี้? ข้าว่าแล้วเชียว เขาเพิ่งกลับมาถึง ก็ไปตามหาท่านทุกแห่งหนราวกับคนบ้า ที่แท้ก็สำนึกผิดนี่เอง”
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปทันที
“อะไรนะ? เขาเพิ่งกลับมาหรือ? ตอนไหน?”
“ประมาณสองชั่วยามก่อน…”
“เขาถามหากับพวกเราตั้งหลายคน แต่ทุกคนล้วนไม่ทราบเลย ท่านไปไหนมา?”
“ใช่แล้ว ดูจากท่าทางเขาแล้ว ร้อนรนยิ่งนัก”
“เขาสอบถามหาข่าวคราวของท่านจากพวกเราไม่ได้ ก็ตรงไปหาที่จวนเจ้าเมืองเย่เลย”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
สีหน้าเธอแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
สองชั่วยามก่อนเธอยังอยู่ในส่วนลึกของป่า ยามนั้นเพิ่งจะพบกับอวิ๋นเยียนหลีได้ไม่นาน กำลังขอให้อวิ๋นเยียนหลีใช้วิชาค้นหาตี้ฝูอีอยู่…
————————————————————————————-
บทที่ 2231 ข้าจะไปตามหาเป็นเพื่อนเจ้า
ยามนั้นทิศทางที่ผีเสื้อโลหิตบ่งชี้คือเมืองลั่วฮวา ที่แท้เขาก็กลับมายังเมืองลั่วฮวาแล้วจริงๆ!
ในเมื่อกลับมาตามหาเธอเสมือนคนบ้าที่เมืองลั่วฮวาแล้ว เช่นนั้นทำไมเขาถึงไม่รับยันต์ถ่ายทอดเสียงจากเธอ?
ในระหว่างนี้เธอได้ใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาเขาอยู่มากมายหลายครั้ง…
หรือว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับยันต์ถ่ายทอดเสียงของเขา?
ตี้ฝูอีผู้นี้กระทำการรอบคอบน้ำไม่รั่วเลยสักหยด เขาทราบถึงความสำคัญของยันต์ถ่ายทอดเสียงดี หากไม่อยู่ในสถานการณ์พิเศษอันใดเขาไม่มีทางทิ้งยันต์ถ่ายทอดเสียง บางทียันต์ถ่ายทอดเสียงอาจจะขัดข้องหรือเปล่า?
ยันต์ถ่ายทอดเสียงขัดข้อง เขาทำได้เพียงตามหาเธอด้วยวิธีธรรมดาเท่านั้น เมื่อเขาไปหาเย่หลิง ย่อมได้ทราบจากปากเย่หลิงว่าเธอออกไปนอกเมืองแล้ว…
เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่จู่ๆ เขาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอและอวิ๋นเยียนหลีคือการกลับออกมาอีกครั้งหลังจากเข้าเมืองไปแล้ว ไปตามหาเธอโดยเฉพาะหรือ?
พงไพรกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ เขาใช้วิชาใดถึงตามหาได้รวดเร็วปานนี้?
สภาพตี้ฝูอียามที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นแวบเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะไปสองสามคราแล้ว!
ยามนั้นดูเหมือนสภาพเขาจะโทรมอยู่บ้าง!
เขาแต่งตัวเรียบร้อยอยู่เสมอ ปกติแล้วบนเสื้อผ้าแม้แต่รอยยับสักรอยก็ไม่มีเลย
แต่ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้น สาบเสื้อคลายออกเล็กน้อย ชายชุดก็เปื้อนเลือดเป็นดวงๆ สีหน้าก็ดูซีดเซียวอยู่บ้าง…
หรือว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ?
ยามที่ความคิดสุดท้ายนี้ผุดขึ้นมา หัวใจกู้ซีจิ่วก็เสมือนถูกสิ่งใดบีบรัด หดเกร็งขึ้นมา
เธอลุกจากตรงนั้น ใจลอยไปชั่วขณะ
“ซีจิ่ว ซีจิ่ว…”
อวิ๋นเยียนหลีเดินเข้ามา
“ถ้าเจ้าเป็นห่วงเขา ข้าจะไปตามหาเป็นเพื่อนเจ้า”
กู้ซีจิ่วฉุนเฉียวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่จำเป็น เจ้าไปพักเถอะ เหนื่อยพอแล้ว”
ถึงอย่างไรก็ดึกดื่นแล้ว คนอื่นต่างแยกย้ายกันไปแล้ว
ในลานที่กว้างขวางเหลือเพียงเธอกับอวิ๋นเยียนหลีและหัวหน้าเผ่าฮวาจื่อชุน
ตอนนี้กู้ซีจิ่วไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น คิดเพียงว่าอยากหาที่สงบใจเสียหน่อย ดังนั้นเธอจึงบ่ายหน้าออกเดิน
อวิ๋นเยียนหลียืนอยู่ตรงนั้นมองแผ่นหลังของนางห่างไกลออกไป อ้าปากนิดๆ คล้ายอยากพูดอะไร สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา แววตามืดมนอยู่บ้าง
ฮวาจื่อชุนก้าวเข้ามา
“คุณชายอวิ๋น ท่านยังไม่มีที่พักกระมัง?”
อวิ๋นเยียนหลียิ้มขื่น
“ใช่ ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก…”
“หากว่าคุณชายอวิ๋นไม่รังเกียจ ผู้เฒ่าให้คนมาเก็บกวาดห้องให้ท่านสักห้องดีไหม? เพียงแต่ออกจะซอมซ่อไปหน่อย…”
“ไม่เป็นไรเลย ขอบคุณมาก”
อวิ๋นเยียนค้อมกายให้
ฮวาจื่อชุนถอนหายใจอย่างโล่งอก คุณชายอวิ๋นผู้นี้เป็นกันเองยิ่งนัก แตกต่างกับคุณชายตี้ผู้นั้นจริงๆ…
“คุณชายอวิ๋นหาผลึกวิญญาณระดับหนึ่งมาให้พวกเรา ทำให้ชาวเผ่าของเราไม่ต้องโยกย้ายถิ่นฐานกันอีก พวกเราก็ซาบซึ้งยิ่งนัก คุณชายอวิ๋นไม่รังเกียจที่ด้อยมารยาทก็พอแล้ว”
เมื่อครู่กู้ซีจิ่วเล่าเรื่องผลึกวิญญาณระดับหนึ่งที่อวิ๋นเยียนหลีพกมาด้วยออกมาแล้ว ดังนั้นฮวาจื่อชุนยังคงซาบซึ้งในตัวคุณชายอวิ๋นผู้นี้ยิ่งนัก
เขาสั่งให้คนไปจัดหาห้องพักมาให้อวิ๋นเยียนหลีหลังหนึ่ง อวิ๋นเยียนหลีก็ไม่รังเกียจ กล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเข้าห้องไปพักผ่อน เขาได้เอ่ยถามอีกประโยค
“แล้วซีจิ่วไปพักที่ใด?”
ฮวาจือชุนผงะไปเล็กน้อย ตอบอย่างคลุมเครือ
“นางมีที่พักอื่นแล้ว คุณชายอวิ๋นไม่ต้องห่วงนางหรอก”
อวิ๋นเยียนหลีไม่พูดอะไรอีก หลังจากบอกลาฮวาจื่อชุน ก็เข้าห้องไปทันที
….
ภายในป่าเขาที่อยู่ห่างไปหลายสิบลี้
แสงจันทร์ส่องสว่างเช่นเดิม แสงสีเงินยวงสาดส่องไปทั่ว ลมภูเขาโชยมา พัดพาใบไม้ให้เกิดเสียงสวบสาบ
ไกลออกไปมีเสียงสัตว์คำรามแว่วมาบ่อยครั้ง ยิ่งทำให้ป่าเขาแห่งนี้วังเวงขึ้นไปอีก
เป็นครั้งแรกที่ตี้ฝูอีนั่งพิงใต้ต้นไม้ใหญ่โดยไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ สีหน้าขาวซีดขาวจนน่ากลัว พริ้มตาลงเล็กน้อย ศีรษะพิงต้นไม้ใหญ่คล้ายจะพักผ่อนอยู่
———————————————