บทที่ 2234 สิ่งหนึ่งสยบสิ่งหนึ่งได้?
หนิงเสวี่ยโม่มองดูบุตรชายที่นั่งเอนหลังใจลอยอยู่ตรงนั้น ยังกังวลอยู่บ้าง
“ดูเหมือนเขาจะบาดเจ็บสาหัสนัก หุบเขาแห่งนี้อันตรายจริงๆ สัตว์ร้ายต่างๆ ก็มากมาย เขาอาจถูกสัตว์ร้ายพวกนั้นคาบไปก็ได้!”
เสินจิ่วหลีโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ภาพทั้งหมดบนโขดหินสีขาวหายไปแล้ว
“เสวี่ยโม่ มารดาประคบประหงมเกินไปบุตรย่อมไร้ศักยภาพ!”
หนิงเสวี่ยโม่เงียบไปแล้ว
นางก็แค่เป็นห่วง ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็ประสบเคราะห์กรรมมากมายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้นางค่อนข้างพะว้าพะวง เกรงว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้นอีก
“วางใจเถอะ ด้วยวรยุทธ์ของเขา ต่อให้เขาบาดเจ็บหนักกว่านี้ สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่ถูกลากไปหรอก”
เสินจิ่วหลีเสริมสร้างความมั่นใจให้ภรรยา
“แต่ข้ากังวลว่าอวิ๋นเยียนหลีผู้นั้นจะกลับมาปองร้ายเขาอีก! ถึงอย่างไรพระบิดาของอีกฝ่ายก็นับว่าสิ้นชีพลงด้วยน้ำมือข้าในทางอ้อม ยากนักที่เขาจะไม่โอบอุ้มความเคียดแค้นชิงชังไว้แล้วนำมาลงกับเนี่ยนโม่”
หนิงเสวี่ยโม่ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล
“มหาเทพ ไม่งั้นพวกเราไปแดนอสุราด้วยดีไหม?! ไปพาลูกออกมา ถือโอกาสดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดนอสุราแห่งนั้นกันแน่ ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าที่นี่ค่อนข้างพิกล”
เสินจิ่วหลีส่ายหน้า
“ไม่จำเป็น เขาสามารถรับมือเรื่องพวกนี้ได้ เพียงต้องให้เขาได้รับประสบการณ์อย่างโชกโชนก่อน”
ต้องเตะลูกเหยี่ยวน้อยออกไปให้มันได้โบยบินเพียงลำพัง ถ้าปกป้องมันไว้ใต้ปีกตลอดแล้วจะหล่อหลอมความสามารถในการโบยบินผงาดฟ้าได้อย่างไร?
โดยเฉพาะบุตรชายคนนี้ของเขาที่เป็นดั่งคุนเผิง…
คุนเผิงสยายปีกกว้างไกลเก้าหมื่นลี้ เมื่อบุตรชายคนนี้รู้สึกตัวขึ้นมา วันนั้นโลกาจะต้องพลิกผัน!
คนเหล่านั้นที่เคยเป็นปรปักษ์กับเขา ไม่รู้วันหน้าจะถูกเขาเคี่ยวกรำจนกลายเป็นผีสางอันใดไป…
ส่วนแดนอสุราแห่งนั้น ตอนนี้ประหลาดมากจริงๆ อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของเจ้าเด็กคนนั้น คงจะปรับปรุงแก้ไขมันให้เสร็จสิ้น ก่อนที่เขาจะหวนสู่ดินแดนเบื้องบนได้! เขาไม่จำเป็นต้องกังวลใจเลย…
เพียงแต่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กระทำการลึกลับไร้เหตุผล ชอบทำอะไรตามใจตนเสมอมา และเคยชินกับการอยู่สูงส่งเหนือปวงชนแล้ว กระทำการใดก็เคยชินกับการควบคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ ชาติก่อนตอนที่เขาเป็นหวงถู ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา ยามที่รักใคร่อยู่กับกู้ซีจิ่ว เขาก็มีฐานะสูงส่งปานนั้น ไม่ว่าเรื่องใดเขาล้วนเป็นผู้นำทั้งสิ้น
ครั้งนี้ที่เขาอยู่กับกู้ซีจิ่วกลับดูพิกลอยู่บ้าง…
หรือเขาจะชดเชยความรู้สึกเสียใจในชาติก่อน?
ถึงอย่างไรในชาติก่อนตอนที่เขาอยู่กับกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วเคยกล่าวไว้ว่าชอบคนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่นางได้ อย่างเช่นหลงซีอะไรทำนองนั้น
ยามนั้นเขายังหึงหวงอยู่เลย ถึงขั้นจำแลงกายเป็นตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกับนางแล้วร่วมทุกข์ฝ่าฟันกับนาง
ตอนนี้ยอดเยี่ยมเลย เขาไม่ต้องใช้วิธีการพิเศษซ่อนเร้นวรยุทธ์เพื่อเข้าใกล้นางแล้ว…
บางทีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในชาตินี้อาจเป็นชีวิตที่เขาต้องการประสบกระมัง?
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้อวตารตัวตนลงไปเที่ยวเล่นในโลกเบื้องล่างไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว ไร้ห่วงไร้อาลัยเสมอมา ผู้คนมากน้อยเพียงใดแล้วที่ถูกเขาหยอกเย้าเล่นในกำมือ สำราญลอยชายอย่างยิ่ง หนนี้กลับเตะถูกแผ่นเหล็กแล้ว พบคนที่สามารถจับเขาไว้ได้อยู่หมัด…
หรือนี่ก็คือน้ำด่างสกัดเต้าหู้[1]? สิ่งหนึ่งสยบสิ่งหนึ่งได้?
เสินจิ่วหลีใจลอยอยู่บ้าง หนิงเสวี่ยโม่นึกว่าเขาก็เป็นห่วงบุตรชายเช่นกัน จึงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
“มหาเทพ ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าบุตรชายของเรายังเด็กเกินไปหน่อย”
เด็กหรือ?
อายุขัยที่แท้จริงของเจ้าเด็กนี่มากมายจนน่าพรั่นพรึ่งยิ่ง แม้แต่เสินจิ่วหลีเดาไม่ออกเลยว่าเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้อายุมากขนาดไหน แต่แน่ใจได้ว่าเหนือล้ำกว่าพวกเขาสามีภรรยามากโข! บางทีอาจจะมีอายุขัยเทียมฟ้าดินจริงๆ
เดิมทีพวกเขาสามีภรรยานับเป็นชนรุ่นเยาว์ของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ด้วยซ้ำ
แล้วตอนนี้ล่ะ?
หึๆ สามารถเป็นบิดาของเจ้าลิขิตสวรรค์ได้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนยินดีปรีดายิ่งนักเช่นกัน!
เสินจิ่วหลีหวังเพียงว่าหลังจากเจ้าเด็กนี่หวนคืนฐานะแล้ว จะยังเรียกท่านเขาว่า ‘ท่านพ่อ’ ได้อย่างไร้ข้อกังขาอยู่…
——————————————————————–
บทที่ 2235 เหตุใดจึงมีตาชั้นเดียวที่อัปลักษณ์ปานนี้เล่า?
ต้องทราบก่อนว่าเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้หยิ่งยโสอย่างยิ่ง เมื่อก่อนยามที่ลงไปเผชิญเคราะห์กรรมในโลกเบื้องล่าง ล้วนไม่แยแสจะไปถือกำเนิดในครรภ์ของผู้อื่นเลย ก่อร่างเป็นผู้ใหญ่โดยตรงทั้งสิ้น
ทว่าหนนี้กลับมาถือกำเนิดในครรภ์ของภรรยาเขา ซ้ำยังออดอ้อนออเซาะอยู่ใต้การเลี้ยงดูของเขาเนิ่นนานปานนี้ นับว่าพิสดารเช่นกัน
เสินจิ่วหลีภาคภูมินัก!
เพียงแต่ ภาคภูมิก็ภาคภูมิ เสินจิ่วหลีรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่ามีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตเด็กคนนั้นจะไม่ยอมรับบิดาอีกต่อไป ดังนั้นเขาสมควรจะมีลูกอีกคน ถ้ามีลูกน้อยธรรมดาๆ สักคน ก็จะเบี่ยงเบนความสนใจภรรยาของบ้านตนให้ไปอยู่ที่ลูกคนนั้นได้บ้าง…
….
ตี้ฝูอีนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หลับตาพักผ่อนอยู่ถึงหนึ่งเค่อเต็ม
จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เก็บผลึกวิญญาณระดับหนึ่งที่กู้ซีจิ่วโยนไว้ตรงแทบเท้าเขาขึ้นมา ถือไว้ในมือมองดูเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นแวบหนึ่ง
ของที่เขาทุ่มเทชีวิตเพื่อพามา กลับถูกคนผู้นั้นโยนทิ้งเสมือนรองเท้าเก่าๆ…
เย่หลิงผู้นั้นให้เวลาเขาสามวัน จะต้องนำผลึกวิญญาณระดับหนึ่งไปมอบให้ภายในสามวัน
เขารู้ว่านางให้ความสำคัญกับมิตรภาพ รู้ว่านางให้ความสำคัญกับคนในเผ่าของนาง ดังนั้นเขาจึงออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ เสาะแสวงหาจูผอหลงที่มีผลึกวิญญาณระดับหนึ่งประเภทนี้ไปทั่วสารทิศ จูผอหลงประเภทนี้หายาก เขาหาจูผอหลงพบต่อเนื่องกันสามตัว ล้วนมิใช่ระดับหนึ่งสักตัว เขาเสียแรงไปอย่างเปล่าประโยชน์ไม่น้อยเลย
ส่วนเรื่องยันต์ถ่ายทอดเสียงก็เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะได้พบจูผอหลงระดับหนึ่ง ตอนนั้นเนื่องจากเขาพะวงถึงกู้ซีจิ่ว ซ้ำยังจากมาแต่เช้าโดยมิได้บอกลา เกรงว่านางจะคิดมาก ดังนั้นจึงคิดจะหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาติดต่อหานางสักหน่อย อย่างน้อยก็รายงานว่ายังปลอดภัย ให้นางวางใจ
กลับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จูผอหลงขึ้นหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา เข้าโจมตีเขา
ไม่เพียงแต่ทำให้เขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่ยันต์ถ่ายทอดเสียงก็ถูกสายลมกรรโชกของจูผอหลงตัวนั้นพัดปลิวไปด้วย…
จูผอหลงตัวนี้เป็นระดับสุดยอด บำเพ็ญจนมีสติปัญญาแล้ว!
ร้ายกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยพบพานมา
ไม่เพียงแต่พ่นหมอกพิษได้เท่านั้น ถึงขั้นที่สามารถจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย ร่างที่จำแลงออกมายังเป็นโฉมงามผู้หนึ่งด้วย
โฉมงามนางนี้เป็นโฉมงามที่ใจดำอำมหิต เปี่ยมด้วยพิษสง เปี่ยมด้วยเล่ห์กล! มีดวงตาเย้ายวนคน คิดจะใช้มนต์มายามาควบคุมเขาอยู่ตลอด…
แน่นอน มนต์มายาของโฉมงามไม่ประสบผล กระบี่ยาวของตี้ฝูอีไม่เคยละไปจากดวงตานางเลย!
ทุกกระบวนท่าล้วนพุ่งเป้ามาที่ดวงตานาง มีหลายครั้งที่หวิดจะแทงถูกเปลือกตานางแล้ว
ทำให้นางโกรธเกรี้ยวจนแทบเต้นผาง โกรธจนร้องถามว่าเหตุใดเขาต้องจ้องจะแทงดวงตานาง?
คำตอบของตี้ฝูอีในยามนั้นทำให้โฉมงามผู้นี้โกรธจนกลับสู่ร่างเดิมทันที
“ดวงตานี้ของเจ้าข้ามองแล้วขัดนัยน์ตา เหตุใดจึงมีตาชั้นเดียวที่อัปลักษณ์ปานนี้เล่า?”
โฉมงามคลุ้มคลั่งแล้ว คืนร่างเดิม ร่างเดิมของมันมีตาสองชั้น ซ้ำยังเป็นสีชมพูงดงามยิ่งนักด้วย
คาดไม่ถึงว่ากระบี่ล้ำค่าในมือตี้ฝูอียังคงไม่ละไปจากดวงตามัน ท่าทางราวกับถ้าตามันไม่บอดจะไม่เลิกรา ซ้ำยังกล่าวอะไรทำนองว่าเขาไม่เคยเห็นตาสองชั้นที่น่าเกลียดขนาดนี้มาก่อนเลย…
นี่ทำให้จูผอหลงโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง แทบจะระเบิดพลังมารแล้ว!
จูผอหลงตัวนี้เดิมทีร้ายกาจยิ่งนัก หากว่าต่อสู้กับตี้ฝูอีอย่างจริงจัง ตี้ฝูอีอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้มันเลย
แต่มันโมโหตี้ฝูอีจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว สมองมึนงง ยามที่สำแดงกระบวนท่าออกมา ถึงแม้จะทรงพลังยิ่ง แต่ก็เผยจุดบกพร่องออกมาไม่น้อยเลย…
ท้ายที่สุดก็ถูกตี้ฝูอีระเบิดจุดอ่อนจนสิ้นชีพ…
แน่นอนว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ ตี้ฝูอีก็บาดเจ็บเช่นกัน
บาดแผลภายนอกไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไอพิษบนร่างจูผอหลงค่อนข้างพิเศษ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้คนอย่างตี้ฝูอีที่ร้อยพิษไม่กล้ำกรายถูกพิษได้
เขาเพิ่งกำจัดจูผอหลงตัวนี้เสร็จ ยังไม่มีเวลาทันขจัดพิษ ก็ถูกจูผอหลงน้อยตัวหนึ่งโจมตีอีกครั้ง…
————————————————————————————-
[1] น้ำด่างสกัดเต้าหู้ ในการทำเต้าหู้จะใช้น้ำที่ผสมผงแคลเซียมซัลเฟตในการทำให้โปรตีนในถั่วเหลืองเกาะตัวเป็นเต้าหู้ เปรียบเปรยถึงการที่คนผุ้หนึ่งสามารถควบคุมหรือจับจุดของอีกฝ่ายได้อยู่หมัด