ฮวาจื่อชุนถอนหายใจ
“ซีจิ่ว ข้าสอบถามมาแล้ว คนธรรมดาในเมืองล้วนแก่เฒ่าลงอย่างรวดเร็ว เว้นแต่จะเป็นผู้มีพลังวิญญาณ คนธรรมดาที่นี่อยู่ได้ไม่ถึงหกสิบปี นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่น่าตายของที่นี่ ทุกคนก็ไม่มีวิธีเช่นกัน”
ใช่แล้ว ดูเหมือนจะอธิบายได้เพียงเท่านี้
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้สมควรจะเป็นวันพิรุณโลหิตอีกครั้ง เขตแดนคุ้มกันเหนือศีรษะของฝูงชนถูกเปิดใช้งานแล้ว พิรุณโลหิตและค้างคาวโลหิตกระแทกลงบนนั้น ประหนึ่งงานเลี้ยงวันสิ้นโลก
เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นเยียนหลีฝึกฝนมนต์ชั่วร้าย เขตแดนนี้เป็นอวิ๋นเยียนหลีที่สร้างขึ้น เกรงว่าจะมีเลศนัยเช่นกัน
การที่ผู้คนในเมืองแก่ชราลงเร็วปานนี้ อาจจะเป็น ‘ผลงาน’ ของเขตแดนนี้
ไม่แน่ว่าในขณะที่เขตแดนนี้ปกป้องคุ้มกันผู้คนไว้ ก็ได้สูบกลืนจิตวิญญาณของคนในเมืองไปด้วย…
แน่นอน เรื่องพวกนี้กู้ซีจิ่วเพียงคาดเดาอยู่ในใจ เธอไม่ได้พูดออกมา เลี่ยงไม่ให้ก่อความตื่นตระหนกโกลาหลขึ้นโดยไม่จำเป็น
หลังจากพบปะคนในเผ่าแล้ว กู้ซีจิ่วก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น
เธอไปสำรวจห้องด้านข้างดูก่อนตามความเคยชิน จากนั้นก็แข็งค้างไปเสมือนถูกสายฟ้าฟาด!
ชุดเครื่องนอนของตี้ฝูอีที่อยู่ในห้องข้างหายไปแล้ว!
หรือกล่าวอีกนัยคือ ข้าวของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาล้วนหายไปแล้ว!
เธอเคลื่อนย้ายออกไปนอกห้องประหนึ่งขวัญผวา ตรงไปที่ห้องของเถ้าแก่
เนื่องจากดึกดื่นแล้ว เถ้าแก่กำลังเตรียมจะเข้านอน เพิ่งจะถอดเสื้อตัวนอกออกครึ่งหนึ่ง กู้ซีจิ่วก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาทันที
เขาสะดุ้งโหยง ยังไม่ทันได้พูดจา ก็ถูกเธอกระชากคอเสื้อแล้ว
“ข้าวของในห้องตี้ฝูอีล่ะ? เขากลับมาเก็บไปเองหรือ?”
เถ้าแก่ร้านถูกเธอดึงคอเสื้อจนหายใจแทบไม่ออกแล้ว
“เจ้า…เจ้าปล่อยมือ ข้าจะถูกเจ้าดึงจนตายแล้ว…”
กู้ซีจิ่วก็สังเกตเห็นแล้วว่าตนค่อนข้างเสียกริยา ในที่สุดก็ปล่อยมือ ทว่าสายตายังคงจับจ้องเขา
“พูด!”
เธอจ่ายเงินให้เถ้าแก่ไว้ล่วงหน้า มากพอจะเช่าสองห้องนี้เป็นเวลาห้าปี
เธอก็เคยบอกไว้แล้ว ข้าวของในห้องตี้ฝูอีไม่อนุญาตให้ผู้ใดเคลื่อนย้าย แม้แต่เก็บกวาดก็ไม่อนุญาต เว้นแต่เจ้าของเดิมจะกลับมา…
“วันก่อนมีแม่นางคนหนึ่งมา บอกว่านางเป็นคู่หมั้นของคุณชายตี้ เก็บข้าวของเขาไปหมดเลย บอกว่าของๆ เขาต่อให้ทำลายทิ้งแล้วก็จะไม่ยกให้ผู้ใด…”
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล้กน้อย
คู่หมั้น?
“มีหลักฐานไหม? คงมิใช่ว่าแม่นางคนหนึ่งเพียงอ้างตัวว่าเป็นคู่หมั้นเขา เจ้าก็เชื่อแล้วกระมัง?!”
เถ้าแก่ถอนหายใจ
“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว เริ่มแรกข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่นางหยิบสิ่งยืนยันตัวของคุณชายตี้ออกมา ซ้ำยังหยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาติดต่อกับคุณชายตี้ด้วย คุณชายตี้สั่งการผ่านยันต์ถ่ายทอดเสียงว่าให้ข้าส่งมอบข้าวของภายในห้องให้แม่นางผู้นั้นไปเสีย ข้ายังคงจดจำเสียงของคุณชายตี้ได้ ไม่ผิดพลาดแน่ ยิ่งไปกว่านั้นคือข้าวของในห้องเป็นเพียงเครื่องนอนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีสมบัติล้ำค่าอันใด พวกเขาไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกข้า อ่อ ใช่แล้ว แม่นางผู้นั้นยังมอบค่าเช่าห้องในระยะหนึ่งปีมานี้ให้ด้วย…”
เถ้าแก่พูดจามีเหตุผลอย่างยิ่ง หากมิใช่ตัวตี้ฝูอีเอง ผู้ใดจะมาสนใจเครื่องนอนพวกนี้ของเขาล่ะ?
เงินที่แม่นางคนนั้นทิ้งไว้ก็มากพอจะซื้อเครื่องนอนชั้นเลิศได้กว่าร้อยชุด!
กู้ซีจิ่วออกมาจากห้องของเถ้าแก่ ถึงแม้ในใจเธอจะมีรสชาติที่ไม่อาจบรรยายได้ แต่ยังคงมีเหตุมีผลยิ่งนัก ก่อนจะจากมายังกำชับเถ้าแก่ผู้นั้นไว้ด้วยว่าอย่าพูดเรื่องของตี้ฝูอีออกไป
เถ้าแก่พยักหน้ารับ
“แน่นอน แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยแพร่งพรายเรื่องของลูกค้าเลย เรื่องที่คุณชายตี้เคยพักที่นี่นอกจากแม่นางแล้ว ข้าก็ไม่เคยบอกแก่ผู้ใดอีก”
กู้ซีจิ่วพยักหน้าน้อยๆ ถึงได้จากมา
————————————————————————————-
บทที่ 2271 สดับฟังมิสู้เห็นด้วยตา
พิรุณโลหิตในคืนนี้อ่อนโยนเป็นพิเศษ เสมือนสายพิรุณฤดูใบไม้ผลิ โปรยปรายเป็นสายลงมา
ไม่เหมือนที่ผ่านมา พิรุณโลหิตในช่วงนั้นสาดเทลงมาปานแม่น้ำหวงทะลักตลิ่ง
แม้แต่ค้างคาวโลหิตที่เข้ามาโจมตีพวกนั้นก็ดูนุ่มนวลขึ้นมาก หลังจากพุ่งกระแทกอยู่สักพัก ก็กระพือปีกจากไปแล้ว
ทุกครั้งที่ถึงช่วงพิรุณโลหิต ประชาชนในเมืองยังคงหวั่นวิตกยิ่งนัก เนื่องจากบางครั้งในยามที่เขตแดนถูกพิรุณโลหิตและค้างคาวโลหิตเข้าโจมตี ถ้าแตกทะลุสักนิดก็จะลงมาทำร้ายคนได้ง่ายๆ
ดังนั้นทุกครั้งที่พิรุณโลหิตมาเยือน เหล่าทหารที่คอยพิทักษ์เมืองล้วนตื่นตัวเตรียมพร้อม แม้แต่ประชาชนก็นอนหลับอย่างสงบใจไม่ได้ ส่วนใหญ่จะนอนหลับไปทั้งชุดเลย เพื่อพบว่าผิดปกติจะได้หลบหนีสะดวก
เห็นได้ชัดว่าประชาชนในเมืองไม่คาดคิดเลยว่าพิรุณโลหิตจะโปรยปรายบางเบาเช่นนี้ ขณะที่ประหลาดใจอยู่ก็พากันคาดเดากันอย่างคึกคัก หรือว่าภัยพิบัติใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว? ต่อไปพิรุณโลหิตจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หายไปใช่ไหม?
วันคืนที่ต้องนั่งโยงอยู่ในเมือง ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดทุกวันเช่นนี้ผ่านมามากพอแล้ว อยากจะหวนคืนสู่วิถีชีวิตในอดีตยิ่งนัก
ฝูงชนพากันพูดคุยถกเถียงกันอยู่ด้านล่าง
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ หยิบน้ำเต้าบรรจุสุราลูกหนึ่งออกมาดื่ม
ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอยุ่งง่วนเหมือนผึ้งงานตัวน้อยเสมอมา แทบจะไม่ได้อยู่ว่างเลยสักครู่เดียว ดังนั้นถึงจะมีความอยากสุราก็ต้องเก็บกลั้นเอาไว้ เกรงว่าถ้าดื่มมากไปแล้วจะเสียงาน
แต่คืนนี้เธออยากดื่มยิ่งนัก อยากใช้สุรามาดับทุกข์
‘เจ้านาย ท่านวางใจเถอะ ฝ่าบาทเนี่ยนโม่ไม่มีทางมีคู่หมั้นคนอื่นเด็ดขาด! นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ!’
หยกนภาพูดจาเป็นมั่นเหมาะ
“ข้ารู้น่า”
กู้ซีจิ่วตอบเพียงสามคำ
‘แล้วที่ท่านเป็นแบบนี้คือ?’
นี่เจ้านายมิได้จะดื่มสุราดับทุกข์หรอกหรือ?
กู้ซีจิ่วดื่มสุราอึกหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ
“ข้าตามหาเขามาปีกว่า ตามหาจนแทบจะกลายเป็นความหมกมุ่นแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งแล้ว เจ้าก็รู้นี่ สิ่งที่ข้ากลัวคือเขาประสบเหตุเหนือความคาดหมายไปแล้วจริงๆ ทว่าตอนนี้ได้รับข่าวว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยังจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก?”
เธอยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า
“จิตใจข้าตึงเครียดมากว่าหนึ่งปี แทบจะสิ้นหวังไปแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็คลายใจได้แล้ว”
หยกนภาเงียบไปครู่หนึ่ง
มันเอ่ยด้วยเสียงอ่อยๆ
‘เจ้านาย เรื่องที่เถ้าแก่พูดก็ยังไม่แน่ว่าจะจริง บางทีเขาอาจจะอยากเอาห้องนั้นไปให้คนอื่นเช่า เลยนำข้าวของคุณชายฝูอีไปโยนทิ้งเสีย หวั่นเกรงว่าท่านจะเอาเรื่องเขา ดังนั้นจึงโป้ปดเช่นนี้’
กู้ซีจิ่วหลุบตาลง
“เถ้าแก่ร้านไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรต้องมาหลอกลวง…ช่างเถอะ สิ่งที่เถ้าแก่ร้านบอกข้าจะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น ข้าจะตามหาเขาต่อไป สดับฟังมิสู้เห็นด้วยตา มีแต่ได้เห็นเองกับตาว่าเขายังมีชีวิตอยู่ดี ข้าถึงจะวางใจได้จริงๆ”
หยกนภาโล่งอกแล้ว
‘ถูกต้อง สดับฟังมิสู้เห็นด้วยตา เจ้านาย จะเข้าใจเขาผิดไม่ได้นะ พวกท่านเข้าใจผิดกันมามากพอแล้ว เสียความรู้สึกไปมากมายเพราะความเข้าใจผิด ในอดีตก็เป็นเพราะพวกท่าน…’
กล่าวมาถึงตรงนี้จู่ๆ หยุดไป มันเกือบจะแพร่งพรายลิขิตสวรรค์อีกแล้ว เกือบจะพูดว่า
‘ในอดีตก็เป็นเพราะพวกท่านเข้าใจผิดกันมากมายถึงได้พรากจากกันเนิ่นนานถึงเพียงนี้’
ออกมาแล้ว
โชคดีที่กู้ซีจิ่วไม่ได้ใส่ใจคำพูดของมัน เธอใช้นิ้วเคาะมันเบาๆ
“เจ้าโง่เสี่ยวชาง ดีร้ายอย่างไรพี่สาวก็ใช้ชีวิตอยู่ในสามภพมาเนิ่นนานปานนี้แล้ว กลายเป็นปาท่องโก๋แก่ไปแล้ว ไม่ปล่อยให้ใครมาหลอกลวงข้าได้หรอก”
ในที่สุดหยกนภาก็คลายใจแล้ว
‘ใช่แล้ว เจ้านายท่านปราดเปรื่องเยี่ยมยุทธ์ที่สุดเลย!’
กู้ซีจิ่วหยักมุมปากนิดๆ ดื่มสุราไปพลางมองสายพิรุณไปพลาง
เธอไม่เชื่อเรื่องที่ว่าเขามีคู่หมั้นอันใดจริงๆ แต่ในใจเธอยังคงอึดอัดอยู่บ้าง
ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ดี แล้วเหตุใดถึงไม่เคยส่งข่าวหาเธอเลยล่ะ?
เธอไม่เรียกร้องอะไรมากมาย หวังเพียงจะได้รับคำว่า
‘สบายดี’
จากเขาเท่านั้น หัวใจเธอจะได้ไม่ค้างคามาเนิ่นนานปานนี้…