บทที่ 2272 ดื่มเหล้าพอแล้ว ไปทำงานได้!
อาจเป็นเพราะปีนั้นตนพูดจารุนแรงทำร้ายจิตใจเขากระมัง?
เธอบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก ผลคือหายตัวไปกว่าหนึ่งปีจริงๆ…
ครั้งนี้หากว่าเธอไม่กลับมาดูที่เมืองลั่วฮวา ก็คงไม่ทราบข่าวที่เขายังมีชีวิตอยู่เลย
เขาไม่กังวลจริงๆ ใช่ไหมว่าเธอจะค้างคาใจหรือเปล่า?
ช่างเถอะ เธอจะไม่ถือสาหาความกับเด็กน้อย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!
เมื่อดื่มสุราหมดแล้ว เธอก็ทำลายน้ำเต้าบรรจุสุราเสีย เกิดเสียงดังโพละ ดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินอยู่ริมถนนให้เมียงมองมา และทำเอาหยกนภาสะดุ้งโหยง
‘เจ้านาย…’
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นมา
“ดื่มเหล้าพอแล้ว ไปทำงานได้!”
เธอยืดกายขึ้น เคลื่อนย้ายออกไปนอกเมือง…
ยามนี้พิรุณโลหิตหยุดตกแล้ว จันทร์เพ็ญบนท้องนภาดวงนั้นโผล่ออกมาอีกครั้ง ส่องแสงสีเงินยวงไปทั่วหล้า
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองดวงจันทร์ ทอดถอนหายใจ
จันทราที่มีข้างขึ้นข้างแรมยังคงดีกว่าจริงๆ จันทร์เพ็ญส่องสว่างอยู่ตลอดเช่นนี้ มองแล้วจำเจยิ่งนัก แถมยังอึดอัดนิดหน่อยด้วย
เธอไปที่สุสานของอวิ๋นฮูหยิน
หลุมศพของอวิ๋นฮูหยินสูงใหญ่แข็งแรงยิ่งนัก
แต่จะสูงใหญ่แข็งแรงสักเพียงใดก็ต้านทานคนที่มีใจจะขุดไม่ได้
โลงไม้ของนางถูกขุดออกมารอบหนึ่งแล้ว เพิ่งกลบฝังไปอีกไม่นาน เมื่อกู้ซีจิ่วขุดอีกครั้งจึงง่ายดายยิ่งนัก ขุดได้สะดวกยิ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง โลงไม้ใบหนึ่งก็ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง
คงเป็นเพราะคนของอวิ๋นเยียนหลีไม่คิดว่าจะมีคนมาขุดอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นจึงไม่ได้ตอกฝาโลงเอาไว้ กู้ซีจิ่ว ออกแรงเล็กน้อยก็ผลักให้เปิดออกได้แล้ว
ตั้งแต่เริ่มจนจบการลงมือของเธอแคล่วคล่องว่องไวยิ่ง ทำให้หยกนภาแทบนึกสงสัยว่าเธอเคยมีอาชีพเป็นคนขุดสุสานมาก่อนหรือเปล่า…
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นศพของอวิ๋นฮูหยินแล้ว
จากนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
ศพของอวิ๋นฮูหยินไม่เน่าเปื่อย แต่ก็ไม่ราวกับยังมีชีวิตอยู่อย่างที่คนอื่นว่าไว้ ยังคงเหมือนคนตายยิ่งนัก…
ร่างกายเหี่ยวแห้ง สีหน้าซีดเขียว ยังพอจะมองรูปโฉมยามที่นางยังมีชีวิตอยู่ออก
ดูคุ้นตาอยู่รางๆ…
คล้ายคลึงกับอวิ๋นชิงหลัวในความทรงจำของกู้ซีจิ่วอยู่ห้าส่วน อีกห้าส่วนคล้ายกับพี่หญิงใหญ่ผู้ไม่ไถ่ถามเรื่องทางโลก สนใจเพียงฝึกฝนวรยุทธ์ผู้นั้นของอวิ๋นเยียนหลี…
พูดโดยรวมคือ รูปโฉมของอวิ๋นฮูหยินผู้นี้เป็นส่วนผสมระหว่างอวิ๋นชิงหลัวกับองค์หญิงอวิ๋น!
หยกนภาไม่อยากดูศพ กู้ซีจิ่วก็ไม่อยากดูเช่นกัน
แต่เธอกลับกระโดดเข้าไปในโลง พลิกซากศพร่างนั้นดูอย่างละเอียด
จริงจังยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่ชันสูตรเสียอีก
‘เจ้านาย ท่านดูอะไรอยู่? ไม่ว่านางจะเคยเป็นผู้ใด แต่ตายแล้วก็คือตาย ดูสีหน้าศพก็รู้แล้วว่าถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนตาย…’
หยกนภาบ่นจุกจิก ยามนี้มันก็รู้วิชาแพทย์กึ่งหนึ่งเช่นกัน มันไม่เห็นว่าซากศพร่างนี้จะมีความผิดปกติตรงไหนเลย
กู้ซีจิ่วไม่สนใจมัน ตรวจสอบซากศพนั้นดูตั้งแต่หัวจรดเท้า จู่ๆ ก็สรุปผลลัพธ์อันน่าตกตะลึงออกมา
“ศพนี้มิใช่ร่างเดิมของนาง เกรงว่าจะเป็นเพียงหุ่นเชิดระดับสูง!”
หยกนภาตกตะลึง ‘
…หุ่นเชิด? นางคงมิใช่อวิ๋นชิงหลัวผู้นั้นกลับชาติมาเกิดจริงๆ กระมัง?! ข้าจำได้ว่าอวิ๋นชิงหลัวก็เชี่ยวชาญวิชาหุ่นเชิดเหมือนกัน!’
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร ยืนใจลอยอยู่ตรงนั้น
‘เจ้านาย ไม่น่าเชื่อว่าหุ่นเชิดนี้จะสามารถตบตาอวิ๋นเยียนหลีได้ แปลกจังเลย’
“ยังมีอะไรแปลกกันเล่า? วิชาแพทย์ของอวิ๋นเยียนหลีไม่สูงพอ จะมองไม่ออกก็ไม่แปลก หากว่ากันเรื่องวิชาแพทย์ ที่ดินแดนเบื้องบนจะมีสักกี่คนกันที่เหนือล้ำกว่าข้า?”
‘นี่ก็ถูก!’
หยกนภายังคงแสดงออกถึงความเลื่อมใสยิ่งนัก เพียงแต่มันยังมีคำถามอยู่
‘เจ้านาย หากว่านางเป็นอวิ๋นชิงหลัวกลับชาติมาเกิด แล้วทำไมรูปโฉมของนางถึงไม่เหมือนอวิ๋นชิงหลัวทุกประการล่ะ? ข้าเห็นว่าคล้ายคลึงกันเพียงสี่ห้าส่วนเท่านั้น’
————————————————————————————-
บทที่ 2273 ถึงอย่างไรตนก็เป็นผู้เพ็ญเซียนขนานแท้
“ตามปกติแล้วหลังจากมนุษย์กลับชาติมาเกิดใหม่ รูปโฉมล้วนแปลงเปลี่ยนไปหมด ถึงขั้นที่แม้แต่เพศสภาพก็เปลี่ยนด้วย ยังมีอะไรน่าประหลาดอีกล่ะ?”
กู้ซีจิ่วนิ้วเคาะมันเบาๆ ทีหนึ่ง
“ข้ารู้สึกว่านับวันเจ้ายิ่งโง่ลงเรื่อยๆ นะ!”
หยกนภาปวดใจนัก
มันจึงเบี่ยงประเด็นไปเสีย
‘เจ้านาย ท่านว่า อวิ๋นฮูหยินผู้นี้แกล้งตายแล้วหนีไปซ่อนที่ไหน?’
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไรอีก เธอนึกถึงฉากนั้นที่ร้านอาหารเมืองซุ่ยเย่ขึ้นมา ดรุณีชุดขาวที่น่าตกตะลึงคนนั้น รวมถึงสหายของนางที่ไม่เผยโฉมเอ่ยวาจาเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ทุกคนตะลึงตะลานได้แล้ว…
ถึงแม้ชายคนนั้นจะเอ่ยเพียงไม่กี่คำ น้ำเสียงสำเนียงก็ไม่คล้ายกับตี้ฝูอี วรยุทธ์ที่สำแดงออกมากู้ซีจิ่วก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่เธอรู้สึกอยู่ตลอดว่าคนผู้นั้นคือเขา!
แต่น่าเสียดายที่พอเธอเคลื่อนย้ายเข้าไปหา ตัวคนก็จากไปแล้ว…
สองคนนั้นจะใช่ตี้ฝูอีกับอวิ๋นชิงหลัวไหมนะ?
หลังจากตี้ฝูอีหายตัวไปได้ครึ่งเดือน อวิ๋นฮูหยินก็แสร้งตาย หากว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ เช่นนั้นก็ออกจะบังเอิญเหมาะเจาะเกินไป…
กู้ซีจิ่วหลุบตามองปลายนิ้วตัวเอง อันที่จริงหลังจากความทรงจำของเธอกลับมา ก็สามารถใช้เวทวิชาสืบรอยคนได้แล้ว
ทั้งวันมานี้เธอลองใช้วิชาตามหาที่อยู่ของตี้ฝูอีดูแล้ว ผลคือยังคงไม่มีร่องรอยเช่นเดิมกล่าวอีกนัยคือ อย่างน้อยเขาก็น่าจะอยู่ห่างจากเธอเกินพันลี้
วิชาสืบรอยของตี้ฝูอีก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาจะเคยสืบหาร่องรอยเธอบ้างไหมนะ?
บางที…อาจจะไม่เลยกระมัง!
ไม่อย่างนั้นเขาคงปรากฏตัวนานแล้ว!
ถึงแม้เจตนาของอวิ๋นเยียนหลีจะไม่บริสุทธิ์ แต่เขาก็ทุ่มเทกายใจตามหาตี้ฝูอีจริงๆ แถมเขายังมีเส้นสายมากมาย สายลับที่คอยตามหาตี้ฝูอีอย่างลับๆ ต้องมีมากมายเป็นแน่ หากว่าไม่ได้อยู่ในเก้าเมืองนี้เลย บางทีตี้ฝูอีอาจจะหนีไปที่อาณาจักรมารจริงๆ ก็ได้!
อาณาจักรมารอสุราสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นอาจกล่าวได้ว่าเป็นขุมนรก แต่สำหรับตี้ฝูอีแล้ว เกรงว่าจะไม่เป็นอันใดเลย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรแห่งเทพมาร ในกายมีสายเลือดของเผ่ามารอยู่ครึ่งหนึ่ง…
เห็นทีว่าตนต้องไปเยือนอาณาจักรมารสักเที่ยวแล้ว
แต่ว่าตนจะต้านเพลิงอนธการของอาณาจักรมารได้ไหมนะ?
ถึงอย่างไรตนก็เป็นผู้เพ็ญเซียนขนานแท้…
“เสี่ยวชาง เจ้ามีวิธีเข้าสู่อาณาจักรมารไหม?”
หยกนภาใคร่ครวญดู
‘เจ้านาย ถึงแม้วันนั้นพวกเราจะไม่ได้เข้าสู่พื้นที่ของอาณาจักรมาร แต่ข้าก็สัมผัสถึงอุณหภูมิเพลิงอนธการของที่นั่นได้แล้ว…อันที่จริงแล้ว เจ้านาย ท่านยังจำแดนเพลิงพุทธะที่โลกเบื้องล่างของพวกเราได้ไหม? สถานที่ที่ท่านพบเห็ดมรรคาม่วงแห่งนั้นไง ข้าสัมผัสได้ว่าเพลิงอนธการของอาณาจักรมารแห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับเพลิงพุทธะ บางทีอาภรณ์หนังคุนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนเตรียมไว้ให้ท่านอาจจะ…’
พูดมาถึงตรงนี้เสี่ยวชางก็แน่นิ่งไปเสมือนโดนฟ้าผ่า!
สวรรค์ ปากมากจะพบหายนะ! มันแพร่งพรายลิขิตสวรรค์อีกแล้ว…
ลิขิตสวรรค์จะทำลายมันให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ไหมนะ?!
ทว่ากู้ซีจิ่วกลับทึ่มทื่อไปแล้ว เธอย่อมจดจำอาภรณ์ชุดนั้นของตนได้ ในความทรงจำเธอมันเป็นเพียงเศษหนังคุนไม่กี่ผืนเท่านั้น เป็นตนที่ใช้วิธีพิเศษเย็บรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นอาภรณ์ที่สามารถสวมใส่ได้
ยามนั้นตัวผ้าถูดตัดไว้ตามรูปแบบอยู่แล้ว จากนั้นเธอนำมารวมเข้าด้วยกันตามแบบ ก็กลายเป็นอาภรณ์ที่สง่างามมีกลิ่นอายความเป็นเซียนชุดหนึ่งทันที
แต่เธอไม่เคยนึกออกเลยว่าวัสดุของชุดนี้มีที่มาอย่างไร ยามนี้พอได้ฟังเสี่ยวพูด หัวใจเธอสะท้านไปแวบหนึ่ง
“ที่แท้อาภรณ์ชุดนี้เป็นหวงถูทำให้ข้าสวมหรือ? น่าเสียดายที่ข้าจำไม่ได้…”
หยกนภาแกล้งตายแล้ว ปล่อยให้เธอพูดอยู่กับตัวเอง
กู้ซีจิ่วปลดมันออกในทันใด สายตาลุกวาว
“เสี่ยวชาง เจ้ายังจำเขาได้สินะ?! เขาทำอะไรให้ข้าบ้าง? ข้ากับเขาแต่งกันหรือยัง? เขา…ทำไมเขาถึงสร้างอาภรณ์เช่นนี้ให้ข้า?”