บทที่ 2297 จากไป 2
กู้ซีจิ่วไปหยุดยืนหน้าประตู มียามเข้ามาสอบถามทันที ยามเหล่านี้ล้วนมีมารยาท แสดงให้เห็นว่าได้รับการอบรมมาอย่างดี
กู้ซีจิ่วก็ไม่อ้อมค้อม พูดแสดงเจตนาไปตรงๆ
ยามคนนั้นขมวดคิ้ว
“องค์หญิงของพวกเราเพิ่งซื้อหมาป่าเงินตัวหนึ่งกลับมาจริงๆ เงินก็มอบให้พ่อค้าที่ชื่อหลัวเจิ้งไปแล้ว หลังจากหลัวเจิ้งได้เงินก็รีบร้อนจากไปเลย ไม่รู้ว่าไปที่ใดแล้ว”
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?”
สิ่งที่กู้ซีจิ่วพะวงถึงที่สุดก็คือหนูน้อยคนนั้น
“เด็กอะไร? ไม่เห็นเลย!”
ยามปฏิเสธทันที
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ
“เจ้าไม่เห็นหรือว่าในเข่งสะพายหลังของหลัวเจิ้งมีเด็กคนหนึ่งด้วย?”
“ไม่เห็นเข่งสะพายหลังอันใดนะ ยิ่งไม่เห็นเด็กน้อยคนไหนด้วย”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจนิดๆ
“เช่นนั้นข้าต้องการพบนางกำนัลขององค์หญิงที่รับผิดชอบการซื้อขายครั้งนี้!”
ยามเฝ้าประตูส่ายหน้า
“นางกำนัลใหญ่ขององค์หญิงไม่ใช่คนที่ผู้ใดก็สามารถพบได้ นางก็คงไม่พบเจ้าหรอก ตามความเห็นข้า มิสู้เจ้าไปลองตามหาหลัวเจิ้งผู้นั้นดูอีกที เขาได้เงินไปมากขนาดนั้น เกรงว่าคงหนีไปแล้ว…”
“เขาได้เงินไปเท่าไหร่?”
“เป็นปึกหนายิ่ง คงหลายหมื่น ข้าเห็นไม่ชัดเจน”
ยามส่ายหน้า
หัวใจกู้ซีจิ่วดิ่งวาบ ใบหน้าพริ้มเพราเยียบเย็นลง!
เธอไม่จำเป็นต้องตามหาหลัวเจิ้งแล้ว เนื่องจากมีความเป็นไปเกือบสิบส่วนที่หลัวเจิ้งจะประสบเหตุไปแล้ว!
หนึ่งแสนกษาปณ์มารสำหรับชนชั้นสูงทั่วไปแล้ว ถึงแม้จะนับว่าเป็นการถอนขนเส้นใหญ่ยิ่งนักเส้นหนึ่ง แต่สำหรับองค์หญิงผู้นี้แล้ว เป็นเพียงเงินที่เอาไว้ซื้อสิ่งของหรูหราฟุ่มเฟือยชิ้นหนึ่งเท่านั้น
ในอาณาจักรมารนางมีชื่อเสียงในด้านเมตตามีคุณธรรม น่าจะไม่วางแผนเอาชีวิตคนเพื่อเงินแสนกษาปณ์มาร
เว้นแต่ยามนั้นนางจะมีแผนการอื่นอยู่ และสิ่งที่อยู่ในแผนการก็เป็นของที่หลัวเจิ้งไม่มีทางยอมขายเด็ดขาด…
เด็กคนนั้น!
ประวัติความเป็นมาของเด็กคนนั้นประหลาดยิ่ง พื้นฐานก็เลิศล้ำ ที่โลกภายนอกก็ไม่ทราบว่าถูกอวิ๋นเยียนหลีไล่ล่าสังหารด้วยเหตุใด บางทีองค์หญิงผู้นี้อาจจะมองอะไรออก สนใจในตัวเด็กคนนั้นขึ้นมา ถึงได้ลวงหลัวเจิ้งมาที่จวนของตนก่อนแล้วค่อย…
ถึงอย่างไรหลัวเจิ้งก็เป็นเพียงพ่อค้าจากด้านนอก หากว่าถูกลอบสังหารก็คงไม่มีใครสนใจ นึกไปเพียงว่าเขาละโมบในเงินทอง เชิดเงินหนีไป…
เช่นนี้ตายไปก็ไร้ข้อกังขาแล้ว
หากว่ากู้ซีจิ่วเป็นคนธรรมดา ไม่ว่าอาจจะทุ่มเทจิตใจทั้งหมดไปกับการตามหาหลัวเจิ้ง ไม่นึกสงสัยอันใดต่อจวนองค์หญิง
แต่กู้ซีจิ่วใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน?
หลังจากใคร่ครวญถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวก็คาดเดาได้แปดเก้าส่วนแล้ว…
เหลือเพียงการพิสูจน์!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอต้องหาทางพาหมาป่าน้อยกับเจ้าหนูคนนั้นกลับมาให้ได้!
ไม่มีทางทิ้งพวกเขาไว้ที่จวนองค์หญิงแห่งนี้!
กู้ซีจิ่วหันหลังจากไป จากนั้นก็หามุมลับตาแห่งหนึ่ง ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคน เคลื่อนย้ายเข้าไปในจวนองค์หญิง
ภายในจวนองค์หญิงประดับประดาอย่างวิจิตรงดงาม แทบจะเป็นหนึ่งย่างก้าวทิวทัศน์แปรเปลี่ยนเลย หนำซ้ำต้นไม้ใบหญ้าในจวนยังได้รับการลงมนตรา ก่อเป็นค่ายกลพิทักษ์อย่างหนึ่งด้วย
หากว่าคนที่บุกเข้ามาไม่เชี่ยวชาญด้านค่ายกล เกรงว่าเข้ามาแล้วก็คงถูกกักไว้ในค่ายกล หนีออกไปไม่ได้อีก…
ค่ายกลนี้…
ความจริงแล้วกู้ซีจิ่วคุ้นเคยยิ่งนัก เธอเห็นตี้ฝูอีติดตั้งมากับตา ชัดเจนยิ่งนัก กลไกในจวนองค์หญิงแห่งนี้ตี้ฝูอีเป็นผู้ติดตั้ง
ดูเหมือนเขาจะทะนุถนอมองค์หญิงย่วนย่วนผู้นี้ดุจสมบัติล้ำค่าจริงๆ เกรงว่านางจะมีภัย…
หัวใจเสมือนถูกสิ่งใดทิ่มแทงอย่างรุนแรง…
ทำให้ลมหายใจเธอขาดห้วงไปแวบหนึ่ง หายใจไม่ออกอยู่บ้าง
ว่ากันตามจริงแล้ว เธอยังไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรกับตี้ฝูอีดี เพียงเก็บความรู้สึกในส่วนนี้ไปก่อนตามสัญชาตญาณ จัดการเรื่องเร่งด่วนที่สุดก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
ยกตัวอย่างเช่นการตามหาหนูน้อยกับหมาป่าน้อย…
กู้ซีจิ่วเป็นยอดฝีมือด้านค่ายกล ค่ายกลเช่นนี้ต่อให้เธอไม่เคยเห็นตี้ฝูอีติดตั้งมาก่อน ถึงต้องการจะแก้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก นับประสาอะไรกับเคยเห็นมาแล้วเล่า…
ทุบทำลายส่งๆ ก็ย่างก้าวเดินเข้าไปได้เสมือนเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนแล้ว…
——————————————————————–
บทที่ 2298 ความลับขององค์หญิงน้อย
ลึกเข้าไปในสวน มีศาลาพลับพลามากมาย เต็มไปด้วยต้นหลิวโน้มเอนผกาชูช่อ
จวนองค์หญิงงดงามยิ่ง แทบจะเป็นหนึ่งย่างก้าวทิวทัศน์แปรเปลี่ยน มีกลิ่นอายของบ้านเรือนแดนเจียงหนานยิ่ง
ค่ายกลนอกจวนองค์หญิงร้ายกาจนัก แต่การคุ้มกันภายในจวนองค์หญิงอันตรายยิ่งกว่า!
องครักษ์แต่ละกลุ่มจูงสัตว์ร้ายที่ดูคล้ายสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์ ลาดตระเวนผ่านเส้นทางและลานเรือนแต่ละแห่งโดยไม่หยุดนิ่งเลย ภายใต้การป้องกันที่หนาแน่นปานนี้ ต่อให้เป็นแมลงวันสักตัวก็บินเข้าไปไม่ได้
ดูเหมือนความปลอดภัยขององค์หญิงผู้นี้จะสำคัญยิ่งกว่าสวรรค์เสียอีก! ตี้ฝูอีเกรงว่านางจะเกิดเรื่องนักหรือไง?
ยามนี้ถึงแม้อาณาจักรมารจะอยู่ใต้การปกครองของตี้ฝูอีแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งรวมเป็นหนึ่งได้ไม่นาน อุปราชมารตนอื่นของอาณาจักรมารที่ถูกปราบปรามไปแล้วยังคงหลบเร้นอยู่ในมุมมืด ต้องการผงาดชิงอำนาจกลับไปอีกครั้ง…
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ รอบกายตี้ฝูอีต้องมีคลื่นใต้น้ำไหลเชี่ยวเป็นแน่ หากว่าคนมุ่งร้ายต่อเขา ย่อมต้องการกุมจุดอ่อนของเขามาใช้บีบคั้นให้เขายอมจำนน
เห็นทีว่ายามนี้ องค์หญิงย่วนย่วนผู้นี้ก็คือจุดอ่อนของเขา คุ้มกันหนาแน่นสักหน่อยก็สมควรตามหลักเหตุผลแล้ว
บุญคุณช่วยชีวิต บางทีเขาคงคิดจะตอบแทนด้วยร่างกายจริงๆ…
เรื่องชายหญิง จะมีสักกี่คนกันที่สละชีพร่วมเป็นร่วมตายได้โดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทนอย่างแท้จริง?
ความรักเดิมทีก็เป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเขาที่กลับชาติมาเกิดแล้ว…
ชาตินี้พร่ำรักทุกวันคืน ชาติหน้าติดตามผู้อื่นไป
สามีภรรยาที่รักใคร่กันยิ่งนักในชาตินี้ พอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งอาจจะเป็นเพียงคนแปลกหน้าทั่วๆ ไปก็ได้…
เป็นเธอที่ดื้อดึงเกินไป ดังนั้นถึงได้ยึดติดอยู่กับภาพมายาเหล่านั้นไม่ยอมละวาง ยังคิดจะสานวาสนาในชาติก่อนกับเขาต่อ กลายเป็นการทำร้ายเขาและทำร้ายตัวเอง…
รอจนเธอตระหนักถึงข้อนี้อย่างจริงจัง ยามนี้พอคิดจะยอมรับเขาอย่างแท้จริง ตัวคนก็แปรผันแล้ว…
บางที เขาและเธออาจถูกลิขิตไว้ให้พลัดพรากกัน
หากว่าเขาไม่ได้รักผู้อื่น เธอก็ยังดึงดันต่อสู้ได้ แต่ยามนี้เขามีผู้อื่นในใจแล้ว แล้วเธอจะสอดเท้าเข้าไปหาเรื่องขายหน้าอีกทำไม?
ความรักเดิมทีก็เป็นเรื่องที่เห็นพ้องก็อยู่เห็นต่างก็ไปอยู่แล้ว บางทีอาจจะถึงเวลาที่เธอสมควรปล่อยวางความยึดติดได้แล้ว
เธอส่ายหน้า ไม่ครุ่นคิดถึงปัญหาที่ทำให้เธอปวดหัวพวกนี้อีก
การรักษาความปลอดภัยของที่นี่ถี่ถ้วนอย่างยิ่ง แต่ไม่อาจขัดขวางกู้ซีจิ่วได้
ด้วยวรยุทธ์ของเธอในตอนนี้ มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่เธอไม่สามารถเข้าไปได้
และเธอก็ไม่ได้คิดจะมาชมทิวทัศน์อยู่แล้ว มุ่งหาตามหาที่พำนักขององค์หญิงย่วนย่วนทันที
หาพบรวดเร็วยิ่ง ไม่เลวเลย องค์หญิงน้อยผู้นั้นอยู่ในห้องพอดี
กู้ซีจิ่วเก็บซ่อนกลิ่นอายแล้วเร้นกายอยู่ใต้หน้าต่างห้องบรรทมของนาง มองเห็นนางส่องกระจกประทินโฉมอยู่ตรงนั้นพอดี
เนื่องจากอยู่ไม่ไกล ซ้ำในห้องยังมีมุกราตรีส่องสว่าง ขับเน้นรูปโฉมอันประณีตลออขององค์หญิงน้อยผู้นี้ให้เด่นชัด กู้ซีจิ่วก็มองเห็นชัดถนัดตา
ผิวพรรณขององค์หญิงน้อยขาวเนียนปานกระเบื้องเคลือบ รูปโฉมคล้ายคลึงกับอวิ๋นชิงหลัวในปีนั้นมากกว่าเดิม จริตจะก้านก็ละม้ายยิ่ง เจือความงดงามดุจบทกวีเอาไว้ ทุกอัปกริยาล้วนแฝงบารมีของผู้เป็นองค์หญิงเอาไว้
นางจะใช่อวิ๋นชิงหลัวกลับชาติมาเกิดไหม?
การพบกันของนางกับตี้ฝูอี ที่แท้เป็นวาสนาหรือว่าบังเอิญ?
หากว่านางเป็นอวิ๋นชิงหลัวกลับชาติมาเกิด จะมีความทรงจำของชาติก่อนหรือไม่?
นางเคยเป็นฮูหยินของเจ้าเมืองลั่วฮวา หากว่านางเพียงบังเอิญพบพานตี้ฝูอีเป็นครั้งแรก นางจะสละทุกอย่างแล้วแสร้งตายเข้าสู่อาณาจักรมารเพื่อคนแปลกหน้าอย่างเขาเชียวหรือ?
เป็นไปไม่ได้กระมัง?!
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่เสมอว่านิสัยขององค์หญิงผู้นี้มิใช่ประเภทที่จะมีรักแรกพบต่อบุรุษจนละทิ้งทุกสิ่งได้…
แล้วนางกับอวิ๋นเยียนหลีเกี่ยวข้องกันอย่างไร?
สำหรับองค์หญิงผู้นี้ ในใจกู้ซีจิ่วมีคำถามมากมายยิ่งนัก แต่เบาะแสที่เธอทราบมีน้อยเกินไป คำถามเหล่านี้จึงไม่อาจหาคำตอบได้