บทที่ 2311 ลูกใคร
‘สอบถามมาหรือยังว่าหวาซวี่เยวี่ยเจ้าของหมาป่าเงินตัวนั้นเป็นใครกันแน่?’
‘ได้ยินหลัวเจิ้งบอกว่า เขากับหวาซวี่เยวี่ยเพียงบังเอิญรู้จักกัน เพียงคอยช่วยเหลือดูแลกันเท่านั้น องค์หญิงโปรดวางพระทัย ในเมื่อหวาซวี่เยวี่ยนางนั้นเป็นคนค้าขาย คิดว่าคงมิใช่ยอดฝีมืออันใด นางทิ้งบุตรกับหมาป่าเงินแล้วหายไปนานขนาดนั้น อาจจะไปหาชายชู้อันใดแล้วก็ได้ เมื่อครู่ได้ยินมาจากยามเฝ้าประตู นางมาสืบถามข่าวที่จวนองค์หญิงของพวกเรา ตามหาลูกกับหมาป่าเงิน ถูกไล่ไปแล้วเพคะ ด้วยความสามารถของนางคงทำได้เพียงหาทางไปเอาเรื่องกับหลัวเจิ้ง มาก่อปัญหาที่จวนองค์หญิงของพวกเราไม่ได้แล้วเพคะ…’
‘พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านชั้นต่ำจากด้านนอกเท่านั้น ไม่ควรค่าให้กังวล ตามความเห็นของบ่าวแล้ว ไม่ควรจะให้เขาเลยสักกษาปณ์เพคะ! ถึงอย่างไรก็มิใช่ของๆ เขา…’
‘เขารู้ความอย่างหาได้ยากเช่นนี้ ก็ควรจะตกรางวัลเขา…’
….
บทสนทนาประโยคแล้วประโยคเล่าแว่วออกมาจากยันต์บันทึกเสียง เป็นบทสนทนาในตอนนั้นขององค์หญิงน้อยกับนางกำนัลเย่ ทุกประโยคฉะฉานชัดเจน ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด
ฝูงชนตกตะลึง
บทสนทนาเหล่านี้ช่างเป็นหลักฐานที่ประจักษ์แจ้งโดยแท้!
ยืนยันได้ว่าหลังจากนายบ่าวคู่นี้ต้องตาหมาป่าเงินแล้ว ไม่เพียงแต่บังคับเพื่อซื้อมาเท่านั้น ยังคิดจะสังหารหลัวเจิ้งเพื่อปิดปากด้วย เลี่ยงไม่ให้หวาซวี่เยวี่ยเจ้าของเดิมของหมาป่าเงินมาตามหา…
และยืนยันได้ว่าข้อหาที่องค์หญิงน้อยยัดเยียดให้กู้ซีจิ่วเป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งสิ้น ที่บอกว่านางรวมหัวกับหลัวเจิ้งมาหลอกเอาเงินจากจวนองค์หญิงก็เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นพวกนางนายบ่าวที่วางแผนชิงทรัพย์สินผู้อื่น…
สายตาที่ทอแววอยากไม่จะเชื่อมากมายหันเหไปที่พวกองค์หญิงย่วนย่วนนายบ่าว…
ถึงแม้ชาวมารจะกระทำการไร้ขีดจำกัดเสมอมา เรื่องราวชั่วร้ายก็ทำกันมาไม่น้อย ทว่าองค์หญิงย่วนย่วนวางตัวเป็นแม่พระ ใจดีมีเมตตาเสมอมา วันนี้ภาพลักษณ์จึงพังทลายแล้ว…
“ของปลอม! เป็นของปลอม!”
“นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง! นางต้องจงใจใช้วิชาเลียนเสียงปลอมเป็นองค์หญิงอย่างข้าและนางกำนัล แล้วพูดเรื่องพวกนี้ออกมาแน่นอน…”
ดวงหน้าเฉิดฉันขององค์หญิงย่วนย่วนเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดสลับกันไปมา
นางนึกไม่ถึงเลยว่ากู้ซีจิ่วจะยังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ เป็นไม้ตายจริงๆ! เปิดโปงนางออกมาหมดแล้ว!
มิน่าเล่าก่อนหน้านี้กู้ซีจิ่วถึงได้ร้องตะโกนดึงดูดให้คนมามุงดู ที่แท้ก็เพื่อช่วงเวลานี้!
สตรีนางนี้ช่างวางแผนได้ล้ำลึกเหลือเกิน!
ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้นางติดกับได้…
องค์หญิงย่วนย่วนโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว นางคิดจะชิงยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นอยู่หลายครั้ง แต่ตี้ฝูอีก็ยืนอยู่ที่นี่ด้วย ถ้านางเข้าไปยื้อแย่งก็จะถูกมองว่ากินปูนร้อนท้อง…
ยิ่งไปกว่านั้นคือกู้ซีจิ่วเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าจิ้งจอกเสียอีก ต่อให้นางลงมือแย่งชิงก็ใช่ว่าจะชิงมาได้
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับเสียเลย บอกว่าอีกฝ่ายเล่นเล่ห์ ปลอมแปลง…
“พี่ใหญ่ นางจงใจปลอมแปลงเพื่อให้ร้ายย่วนย่วน! พี่ใหญ่ ท่านต้องตัดสินให้ย่วนย่วน…”
ย่วนย่วนตกอยู่ในความร้อนรน คิดจะเข้าไปเขย่าแขนเสื้อตี้ฝูอีเพื่อเว้าวอน
เป็นอย่างที่คาดไว้ นางยังคงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า…
ตี้ฝูอีเพียงถอยหลังไปเล็กน้อย หลบหลีกการคว้าดึงของนาง
นางยังคงเข้าใกล้เขาอย่างแท้จริงมิได้…
ความขุ่นเคืองพาดผ่านนัยน์ตาของนางแวบหนึ่ง มองดูตี้ฝูอีน้ำตาคลอเบ้า แลดูน่าสงสาร
กู้ซีจิ่วหยักยิ้มมุมปากบางๆ แวบหนึ่ง
“ปลอมแปลง?” เธอมองไปทางตี้ฝูอี
“ข้าจำได้ว่าท่านราชันย์มารมีทักษะในการแยกแยะพิจารณา สามารถแยกแยะได้ว่าเสียงในยันต์บันทึกเป็นของจริงหรือไม่…”
เธอสะบัดมือ โยนยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นให้ตี้ฝูอี ตี้ฝูอีก็ทำได้เพียงรับไว้
กู้ซีจิ่วยิ้มอีกแวบหนึ่ง
“องค์หญิงย่วนย่วน ท่านราชันย์มารเป็นพี่ใหญ่ที่รักถนอมท่านเป็นที่สุด เขาคงจะเข้าข้างเพียงท่านไม่เข้าข้างข้า ยิ่งไม่มีทางทำร้ายท่านด้วย ผลพิสูจน์ที่มาจากเขาท่านคงเชื่อถือแน่นอนกระมัง?!”
องค์หญิงย่วนย่วนนิ่งงัน เรื่องนี้นางเถียงไม่ออกจริงๆ
ตี้ฝูอีกลับแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หัวใจดุจถูกเข็มทิ่มแทง
————————————————————————————-
บทที่ 2312 ลูกใคร 2
เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว ตั้งแต่ต้นจนจบกู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ มุมปากยกยิ้มบางๆ ทำให้คนมองอารมณ์ของนางไม่ออก และเดาความคิดของนางไม่ออกด้วย
นางมองเขาอย่างใจกว้างผ่าเผย
“ข้าเพียงต้องการให้ท่านราชันย์มารพูดความจริง ตัดสินอย่างเป็นธรรม”
นางเรียกท่านราชันย์มารอย่างเต็มปากเต็มคำ สุภาพนอบน้อมต่อเขา
คล้ายว่าสำหรับนางแล้ว เขาเป็นเพียงราชันย์มารแห่งอาณาจักรมารจริงๆ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลย…
มือของตี้ฝูอีพลันกำแน่นอยู่ในแขนเสื้อ ยิ้มน้อยๆ เช่นกัน
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังจดจำได้ว่าข้ามีทักษะใด…”
เขาเป็นวิชาพินิจแยกแยะประเภทนั้นจริงๆ เพียงแต่น้อยครั้งนักที่จะใช้ออกมา ตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนก็เคยใช้ออกมาเพียงสองครั้งเท่านั้น ซ้ำมิได้ใช้ต่อหน้านางด้วย มีคนรู้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ไม่เคยใช้ที่แดนอสุราแห่งนี้เลย ไม่นึกเลยว่านางจะรู้ด้วย…
กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ
“เชิญท่านราชันย์มาตัดสินเถิด”
สายตาของทุกคนก็หันเหมาที่ร่างตี้ฝูอีเช่นกัน รอคอยผลตัดสินจากเขา…
เขากะน้ำหนักของยันต์แผ่นนั้น มีแสงสีขาวผุดออกมาจากฝ่ามือ ครอบคลุมยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้น…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ดึงพลังกลับ มององค์หญิงย่วนย่วนแวบหนึ่ง สายตานี้เยียบเย็นยิ่ง ทำให้นางหนาวสะท้านทันที
จากนั้นตี้ฝูอีก็เอ่ยเสียงเรียบว่า
“ยันต์บันทึกเสียงแผ่นนี้เป็นของจริง! เสียงที่อยู่ข้างในก็ไร้ร่องรอยการปลอมแปลง เป็นของจริงเช่นกัน”
ฝูงชนแตกตื่นแล้ว!
สายตายามที่มองดูองค์หญิงย่วนย่วนอีกครั้งเจือความรู้สึกคล้ายภาพลักษณ์ของไอดอลเอาไว้พังทลายลงแล้ว ภาพลักษณ์สูงส่งดีงามของนางที่มีอยู่ในใจพังย่อยยับในชั่วพริบตา
เนื่องจากต้องให้ตี้ฝูอีพินิจตัดสิน ดังนั้นยันต์บันทึกเสียงจึงถูกปิดไว้ชั่วคราว ตี้ฝูอีเขย่ายันต์บันทึกเสียงในฝ่ามือดู
“ช่วงหลังยังมีเนื้อหาอยู่ไม่น้อยเลย ในเมื่อได้ฟังไปแล้วเช่นนั้นก็ให้ทุกคนได้ฟังอย่างครบถ้วนเถิด!”
“พี่ใหญ่…”
ย่วนย่วนเรียกด้วยเสียงสั่นๆ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความอ้อนวอน
“ย่วนย่วนเลอะเลือนไปชั่วขณะ ทราบความผิดแล้ว…อย่าได้…อย่าได้เปิดอีกเลย…”
ตี้ฝูอีไม่สนใจนาง กดเปิดยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เสียงสนทนาที่อยู่ในยันต์ของคนทั้งสองจึงแว่วออกมาอีกครั้ง…
‘องค์ราชันรักถนอมองค์หญิงปานนี้ องค์หญิงประสงค์สิ่งใดล้วนได้สิ่งนั้น องค์หญิงย่อมไม่จำเป็นต้องแยแสเงินเพียงห้าหมื่นกษาปณ์หรอกเพคะ’
‘หนนี้เจ้าจัดการเรื่องราวได้ถูกใจองค์หญิงอย่างข้ายิ่ง โอสถยืนเยาว์นี้มอบให้เจ้าเป็นรางวัล!’
‘องค์หญิง มีเพียงพระองค์ที่คู่ควรจะใช้โอสถบำรุงที่ผลิตจากหญ้ายืนเยาว์ได้เพคะ ต้องใช้หญ้ายืนเยาว์นับร้อยต้นถึงจะผลิตขวดเล็กๆ เช่นนี้ออกมาได้สักขวด องค์ราชันย์ทรงดีต่อพระองค์โดยแท้!’
‘เจ้าช่างพูดจาเหลวไหลนัก’
‘ถ้อยคำที่บ่าวพูดล้วนมาจากใจจริงนะเพคะ ใช่แล้ว องค์หญิงเพคะ องค์ราชันย์ต้องปรารถนาจะอภิเษกกับพระองค์อย่างยิ่งกระมัง? ไม่ทราบว่ายามไหนองค์หญิงถึงจะตอบรับคำขออภิเษกขององค์ราชันย์ล่ะเพคะ? สมบัติเลอค่าหาได้ง่าย ชายคนรักหาได้ยาก ถึงแม้องค์หญิงจะสงวนท่าที แต่ก็อย่าให้องค์ราชันย์ต้องคอยนานเกินไปเลยนะเพคะ’
‘องค์หญิงอย่างข้ายังต้องการทดสอบเขาอีกนิด ขอเพียงเขาจริงใจ ข้าย่อม…ย่อมจะทำให้เขาสมปรารถนา…’
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าบทสนทนาของสองนายบ่าวธรรมดายิ่งนัก แต่พอถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ย่วนย่วนก็ปรารถนาจะเสาะหาซอกหลืบบนพื้นแล้วมุดเข้าไปยิ่งนัก!
นางลอบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีฟังด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ ยังไม่ตำหนิวิจารณ์ใดๆ ชั่วขณะ แต่มุมปากกลับแต้มรอยยิ้มเหยียดหยามไว้จางๆ…
เนื่องจากมีบุญคุณช่วยชีวิต เขาจึงเอื้อเอ็นดูนางจริงๆ แต่ก็เอ็นดูนางเหมือนน้องสาวเท่านั้น!
เพียงมอบสิ่งของมากมายและฐานะอันสูงส่งทัดเทียมกันให้นาง ทำให้นางไม่ต้องถูกเหยียดหยามหมิ่นแคลนด้วยมีฐานะต้อยต่ำเหมือนในอดีตเท่านั้น
ไปขอนางแต่งงานตั้งแต่ตอนไหนกัน?
น่าขัน!
แล้วเขาก็ไม่ได้รักนางด้วย จะไปขอนางแต่งงานได้อย่างไร?!
ตัวเขาตี้ฝูอีไหนเลยจะใช่คนเหลาะแหละพรรค์นั้น?!
และไม่ใช่คนที่จะชมชอบผู้ใดง่ายๆ เช่นนั้นด้วย…
คนที่เขาอยากแต่งด้วยมีเพียงคนเดียว แต่น่าเสียดายที่คนๆ นั้นไม่เคยไยดีเขาเลย…