บทที่ 2327 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 6
แต่ท่านแม่ของเขาก็เคยสอนไว้ บอกว่าหากคนที่ชมชอบผู้นั้นยังไม่มีคนในใจ ก็สามารถตามตื๊ออย่างสุดกำลังได้
แต่หากว่าอีกฝ่ายมีคนในใจแล้ว ก็ต้องถอนตัวกลับมาให้ทัน ปล่อยวางก็เป็นการอวยพรอย่างหนึ่ง ดีต่อทั้งสองฝ่าย
ท่านแม่ของเขายังยกตัวอย่างที่เจิ่งนองด้วยโลหิตมาสอนเขาด้วย เล่าเรื่องของนางกับเสวี่ยอีหลัน
ตอนนั้นเสวี่ยอีหลันคือองครักษ์ของนาง ชอบนางจนแทบจะถวายชีวิต ส่วนนางกลับชอบพอมหาเทพเสินจิ่วหลี…เป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทบุญคุณความแค้นตามมาเป็นพรวน
ทั้งสามคนพัวพันกันสามภพชาติ เสวี่ยอีหลันยังไม่ยอมตัดใจ ไม่ปลดปลงละวางนาง ทว่านางก็ไม่อาจตอบรับเขาได้
สุดท้ายถึงแม้นางจะได้ครองคู่กับเสินจิ่วหลี แต่เสวี่ยอีหลันกลับลงเอยด้วยการที่ดวงวิญญาณแตกสลาย โศกศัลย์ทั้งสามชาติภพ มีจุดจบที่น่าเวทนา
ท่านแม่ของเขารู้สึกต่อเสวี่ยอีหลันเสมอมา แต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น ยังคงไร้ซึ่งความรัก นางรักเพียงเสินจิ่วหลี
ดังนั้นจวบจนสิ้นชีพเสวี่ยอีหลันล้วนต้องผิดหวังอยู่ดี แม้แต่ความหวังที่กลับมาเกิดก็ไม่มีแล้ว
ตี้ฝูอีย่อมไม่คิดจะเดินตามรอยของเสวี่ยอีหลัน ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ ที่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่มีทางได้หัวใจของอีกฝ่ายมาจริงๆ เขาจึงเลือกจะตัดใจ…
ย่อมรู้สึกขัดใจอยู่บ้างเป็นธรรมดา ถึงอย่างไรก็เป็นความรักที่ล้ำลึกถึงเพียงนี้…
หนูน้อยนอนคว่ำอยู่ตรงนั้น ใช้ความพยายามในการจิบน้ำผลไม้อึกหนึ่ง
“ตอนนี้ท่านยังคงเลือกที่จะตัดใจงั้นหรือ?”
ตี้ฝูอีเพ่งพิศเขาแวบหนึ่ง ทอดถอนใจ
“หากว่าเจ้าเป็นลูกของนางจริงๆ ก็คงดียิ่ง!”
เช่นนั้นเขาก็ยังพอมีความหวัง อย่างน้อยๆ เขาก็ยังสามารถหลอกตัวเองได้ บอกว่านางใส่ใจเขา ยอมคลอดบุตรชายของเขา…
ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดมากไป!
เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของพวกเขา นางแค่เก็บได้…
คิดๆ ดูแล้วยังไงความรักครั้งนี้ก็ยังคงไร้ซึ่งความหวังจริงๆ!
ตี้ฝูอีกรอกสุราอึกใหญ่อีกครั้ง!
ตี้เฮ่าก็ดื่มน้ำผลไม้เข้าไปอึกใหญ่อย่างเห็นอกเห็นใจเช่นกัน หลังจากดื่มแล้วก็เอ่ยถามเขา
“นางบาดเจ็บสาหัสตกอยู่ในเงื้อมมือของชายชุดเขียวปี๋ผู้นั้น เจ้าก็ไม่กังวลหรือ? ข้าว่าบุรุษชุดเขียวผู้นั้นดูเหมือนคนโรคจิตเลย หากเขาฉวยโอกาสข่มเหงท่านแม่ข้าล่ะ…”
ตี้ฝูอีร้องเฮอะ
“วางใจเถอะ เขายังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก คนผู้นั้นเพียงสนใจใคร่รู้เท่านั้น ท่านแม่เจ้าตอบรับเงื่อนไขอันใดสักอย่างของเขาแล้วขอให้เขาช่วยเหลือ คิดว่าระหว่างพวกเขาจะต้องลอบทำข้อตกลงอะไรไว้แน่ๆ ไม่ประสงค์ร้ายต่อนางจริงๆ หรอก”
“นี่ก็พูดยากนะ ล้วนกล่าวกันว่าความงามคือหายนะ ท่านแม่ของข้านางเลอโฉมถึงเพียงนี้ ใครเห็นก็หลงรักได้ทันที หากเปิดเผยรูปโฉมเดิมออกมาต่อหน้าชายชุดไผ่ผู้นั้น บางทีเขาอาจจะหวั่นไหวขึ้นมาก็ได้ สนใจในตัวท่านแม่ข้า คนผู้นี้ก็ดูคล้ายจะเป็นหนุ่มหล่อเหมือนกัน ซ้ำยังเป็นยามที่ท่านแม่ข้าสิ้นหวังที่สุดด้วย บางทีด้วยการพะเน้าพะนอเอาใจของเขา ก็อาจจะหวั่นไหวขึ้น…”
ตี้ฝูอีเอ่ยหยัน
“ในใจแม่เจ้ามีเพียงหวงถูผู้นั้น หยั่งรากฝังลึก หากนางหวั่นไหวได้ง่ายดายปานนี้ ข้าจะ…”
เขาจะทุกข์ทรมานขนาดนี้ได้อย่างไร? คงตามตื๊อนางสำเร็จไปนานแล้ว
หนูน้อยจิบน้ำผลไม้ของตนอึกหนึ่ง “ท่านแม่อาจจะไม่หวั่นไหวกับเขา แต่ถึงอย่างไรนางก็บาดเจ็บสาหัสอยู่ ไร้กำลังปกป้องตัวเอง หากว่าชายชุดเขียวผู้นั้นฉวยโอกาสกระทำเรื่องหยามเกียรตินาง นางก็คงขัดขืนไม่ได้ เจ้าก็รู้นี่นา นางเสียตัวแล้ว จะเสียครั้งเดียวหรือเสียสิบครั้งผลลัพธ์ก็เหมือนกัน รับประกันไม่ได้หรอกว่านางจะปล่อยมือจากหม้อแตก[1] หลับตายอมรับเพื่อนร่วมเตียง…”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว…
สีหน้าเขาทะมึนนับหมื่นจั้ง!
เจ้าตัวเล็กนี่รู้มากเกินไปแล้วกระมัง?!
เป็นบุรุษเสเพลที่กลับมาเกิดใหม่โดยไม่ได้ดื่มน้ำแกงลืมชาติหรือไง?!
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ในที่สุดหนูน้อยก็หุบปากแล้ว ไม่พูดจาก๋ากั่นส่งเดชอีกต่อไป เพียงถลึงตามองตี้ฝูอีอย่างฉุนเฉียว
….
————————————————————————————-
บทที่ 2328 เรื่องนี้ไม่มีเลยจริงๆ
ตี้ฝูอียื่นมือไปลากเขาเข้ามา ตรวจสอบรากฐานวิญญาณของเขาทันที
รากวิญญาณที่ตรวจสอบพบก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับหนูน้อยดี ไม่คล้ายว่าถูกผีเฒ่าเจนโลกอันใดเข้าสิงสู่…
“เจ้าหนู เจ้ารู้เยอะจังนะ”
ตี้ฝูอีวางเขาลงบนเตียงอีกครั้ง มือข้างหนึ่งกดลงบนไหล่เล็กจ้อยของเขา คลายจุดให้เขา ยิ้มเยียบเย็น
“ไหน พูดต่อสิ เจ้ายังรู้อะไรอีก?”
หนูน้อยถูกเขากดจนโยกโคลงเคลงดุจตุ๊กตาล้มลุก เม้มริมฝีปากกะจิริด ไม่พูดจาแล้ว
เพียงเบิกตามองเขาอย่างใสซื่อไร้เดียงสา ผู้อื่นเป็นเพียงหนูน้อยน่าเอ็นดู ไม่รู้อะไรทั้งนั้น เจ้าอย่าได้ข่มขวัญทารกน้อยอีก ถ้ายังข่มขู่อีกข้าจะร้องไห้ให้เจ้าดู
เส้นเลือดตรงขมับตี้ฝูอีพลันดีดตุบๆ ขึ้นมา เมื่อเผชิญหน้ากับไอ้หนูคนนี้ เขาก็รู้สึกหลอนราวกับแมวที่คาบเม่น งับปากไม่ลงเลย
เขาไม่สนใจเขาอีก ร่ำสุราอยู่ตรงนั้นคนเดียวเสียเลย
หนูน้อยเบิกตามองเขาอยู่เงียบๆ ผ่านไปสักพัก ก็ร่ายกลอนประโยคหนึ่งขึ้นมา
“อาศัยสุราดับทุกข์ทว่าทุกข์กลับเพิ่มพูน”
แล้วกล่าวเสริมอีกประโยคว่า
“ท่านดื่มสุรามากเพียงใดก็ตามภรรยากลับมาไม่ได้อยู่ดี”
ตี้ฝูอีพลันมือสั่น สุราในจอกหวิดจะหกออกมา
เขาขยับแขนเล็กน้อย เจ้าหนูจึงรีบเอ่ยขึ้น
“ท่านไม่ต้องสกัดจุดใบ้ข้าแล้ว ข้าจะหุบปากเอง”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หนูน้อยก็เอ่ยถามอย่างระแวดระวังยิ่ง
“ท่านจะไม่ไปช่วยท่านแม่ข้าจริงๆ หรือ? นางอาจจะตั้งตารอให้ท่านไปช่วยอยู่ก็ได้นะ”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ
“นางตั้งตารอข้างั้นรึ? เกรงว่านางกลัวจะเห็นข้าปรากฏตัวขึ้นอีกมากกว่ากระมัง?! ช่วงที่เจ้าอยู่กับนางเคยได้ยินนางพูดถึงข้าบ้างไหมล่ะ?”
หนูน้อยเงียบงัน เรื่องนี้ไม่มีเลยจริงๆ
เขาไม่อยากโป้ปดผู้อื่น
“อันที่จริง…ข้าเพิ่งอยู่กับนางได้ไม่นาน อีกอย่างคือมีหลัวเจิ้งอยู่ด้วย”
กล่าวอีกนัยคือ กู้ซีจิ่วไม่เคยพูดเรื่องตี้ฝูอีกับหนูน้อยเลยจริงๆ
ตี้ฝูอีย่อมฟังวาจาแฝงความนัยของเขาออก ส่ายหน้านิดๆ ไม่อยากพูดคุยประเด็นที่ทำร้ายจิตใจคนเช่นนี้อีกแล้ว เขาคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยถามตี้เฮ่า
“ที่หลัวเจิ้งผู้นั้นเป็นฝ่ายยกเจ้าให้พวกย่วนย่วนเอง เป็นเจ้าบงการใช่หรือไม่?”
หนูน้อยเบิกตากว้าง
“ท่านราชันย์มารปราดเปรื่องจริงๆ เรื่องเช่นนี้ก็ยังเดาออก!”
ตี้ฝูอีเอ่ยเสียงเรียบ
“สายตาในการคบหาสมาคมกับผู้อื่นของกู้ซีจิ่วยอดเยี่ยมเสมอมา หากว่านางไม่เชื่อใจหลัวเจิ้ง ก็ไม่มีทางฝากเจ้ากับเซี่ยจื้อให้อีกฝ่ายช่วยดูแล หลัวเจิ้งไม่น่าจะใช่คนรักตัวกลัวตาย เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ ต้องมีคนบงการแน่นอน”
หนูน้อยถอนหายใจ
“นี่ก็ใช่ ถึงแม้หลัวเจิ้งผู้นั้นจะไม่ฉลาดนัก แต่ก็เป็นสุภาพชนคนหนึ่งจริงๆ ข้ารู้ว่าถ้าเขาติดตามไปถึงจวนองค์หญิง จะต้องถูกฆ่าปิดปากแน่ ดังนั้นระหว่างทางจึงวิเคราะห์ผลดีผลเสียให้เขา ตอนที่ข้าเอ่ยกระซิบขึ้นมายังทำให้เขาตกใจยิ่งนักด้วย โชคดีที่ข้าเอ่ยกำชับไว้ก่อนแล้ว ให้เขาอย่าแสดงท่าทีตกใจออกมา เพียงฟังข้าก็พอ เขาก็ซื่อตรงยิ่งนัก ยังไม่คิดจะทำตามที่ข้าบอก กล่าว่าไม่อาจทำผิดต่อสหายได้ ต่อมาข้าเกลี้ยกล่อมเขา หากไม่จัดการไปตามที่ข้าบอก เขาก็ยังรักษาข้ากับเซี่ยจื้อไว้ไม่ได้อยู่ดี ซ้ำยังต้องเอาชีวิตไปทิ้งด้วย ถ้าทำตรงกันข้ามไม่เพียงแต่จะรักษาชีวิตไว้ได้ ยังได้เงินห้าหมื่นกษาปณ์ด้วย หากว่าเขารู้สึกไม่ดี ก็ให้รออยู่นอกอาณาจักรมาร พอท่านแม่ข้าออกไป ก็มอบเงินให้ท่านแม่ข้าซะ”
ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
“เจ้ากลับเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์”
หนูน้อยเอ่ยหน้าตาย
“ข้ายังเล็กแค่นี้ ท่านราชันย์มารควรชมข้าว่าปีศาจน้อยหัวแหลมมากกว่า”
หนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ต่างพูดจาแก้กันไปแก้กันมา
เป็นเช่นนี้กันอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม หนูน้อยเห็นว่าตี้ฝูอียังคงไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวไปไหนเลย ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอ่ยกระตุ้นอีกครั้ง
————————————————————————————-
[1] ปล่อยมือจากหม้อแตก หมายถึง ทำอะไรไม่ได้แล้ว สุดท้ายจึงปล่อยให้เลยตามเลยไปเสีย