บทที่ 2331 จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้
เธออดทนต่อความเจ็บปวดรีดโลหิตพิษออกมามากมาย จากนั้นก็กินยาที่สามารถต้านพิษได้เข้าไป มองเห็นห้าสีสันนั้นเจือจางลงไป ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ บรรเทาลง จึงนึกว่าในที่สุดก็แก้พิษได้แล้ว เรียนคุณชายไผ่ขจีที่หลบฉากไปกลับมา ติดตามเขามายังป่าไผ่เฉาแห่งนี้ จากนั้นก็พบว่ามือไม้เท้าเริ่มแข็งทื่ออยู่บ้าง ชีพจรก็มีวี่แววว่าจะแข็งตัว…
เธอรู้ว่าไม่ดีแล้ว จึงกันคุณชายไผ่ขจีออกไปอีกครั้ง ตรวจดูบาดแผลตน พบว่าห้าสีสันนั้นมีสีเข้มและแผ่ขยายขึ้นยิ่งกว่าเดิม เสมือนบุปผาที่ค่อยๆ แผ่ขยายกิ่งก้านของมันออกไป ชอนไชอยู่ใต้ผิวเธอ มุดไปถึงที่ใด ชีพจรของเธอก็จะจับตัวแข็ง ทำให้กล้ามเนื้อแข็งทื่อตามไปด้วย…
ชัดเจนนัก พิษกำเริบหนักขึ้นแล้ว!
แถมยังเริ่มลุกลามแล้วด้วย…
บนหลังมือกระจ่างที่โผล่ออกไปด้านนอกของเธอก็มีรุ้งห้าสีสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมารางๆ ดูราวกับรอยสักก็มิปาน…
หลังจากคุณชายไผ่ขจีเห็นก็สะดุ้งโหยงเช่นกัน เขาวนรอบตัวกู้ซีจิ่วสองรอบ มองกิ่งรุ้งห้าสีนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จริงๆ ว่านี่คือสิ่งใดกันแน่
คุณชายไผ่ขจีเป็นคนใฝ่เรียนผู้หนึ่ง ซ้ำยังเป็นยอดฝีมือด้านศาสตร์พิษคนหนึ่งด้วย เมื่อพบเห็นพิษประหลาดเช่นนี้ ย่อมกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขายิ่งนัก เขาเริ่มทดลองใช้สารพัดวิธีเพื่อแก้พิษให้กู้ซีจิ่ว…
ตอนนั้นกู้ซีจิ่วเป็นอัมพาตไปครึ่งตัวแล้วกลายเป็นหนูทดลองให้เขาอย่างน่าสลด ยาขมยาหวานยาเฝื่อน…ดื่มเข้าไปเจ็ดแปดขนานแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่เห็นวี่แววว่าจะดีขึ้นเลยเท่านั้น กลับหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย!
จนผ่านพ้นไปหนึ่งชั่วยาม บนแขนขาทั้งสี่ของกู้ซีจิ่วก็มีกิ่งก้านเหล่านั้นลุกลามมาแล้ว ตัวคนนิ่งงันปานถูกแช่แข็งไว้ ทำได้เพียงนอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ตัวนั้น…
คุณชายไผ่ขจีสาละวนอยู่กว่าหนึ่งชั่วยาม ก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วกลายเป็นเช่นนี้ไป เขาถึงเริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้ว…
ไม่กล้าทดลองส่งเดชอีก ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นได้ว่าจะแก้พิษก็ถามหาเอากับคนวางพิษ ในเมื่อองค์หญิงย่วนย่วนเป็นผู้วางยาพิษ ที่นางอาจจะมียาถอนพิษก็ได้!
ดังนั้นคุณชายไผ่ขจีจึงคิดดูเล็กน้อย แล้ววิ่งออกไปทันที…
ปล่อยกู้ซีจิ่วไว้ตามยถากรรมในสถานที่ที่แม้แต่นกก็ยังไม่อึรดเช่นนี้
ถึงแม้เจ้าคนตุ้งติ้งผู้นี้จะทำให้คนพูดไม่ออกยิ่งนัก แต่กู้ซีจิ่วยังไม่อยากตาย เธอยังคิดจะช่วยเหลือตัวเองอยู่
ร่างกายเธอเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว แต่โชคดีที่ยังโคจรพลังวิญญาณได้ เธอจึงพยายามโคจรพลังวิญญาณขจัดพิษ…
ตอนที่เธอเพิ่งบาดเจ็บมีเพียงชายโครงเท่านั้นที่เจ็บปวด แต่หลังจากพิษนี้ลุกลามแล้ว ทุกส่วนล้วนเจ็บปวดเสมือนโดนมีดกรีดแทง
สุดท้ายแล้วทั่วทั้งร่างของกู้ซีจิ่ว นอกจากเส้นผมแล้ว ส่วนอื่นล้วนเจ็บปวดอย่างยิ่ง ปานถูกเฉือนด้วยใบมีดทื่อๆ ไปทีละชุ่นๆ…
กรีดเฉือนนับพันดาบ!
นี่เทียบได้กับทัณฑ์แล่เนื้อที่เล่าขานกัน เจ็บปวดจนเธออยู่มิสู้ตาย เหงื่อเย็นเฉียบผุดพราย
เพียงแต่เธอประสาทแข็งยิ่งนัก เจ็บปวดขนาดนี้ก็ยังไม่สลบไป ได้แต่อดทนเอาไว้…
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีความคิดว่าอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด มิใช่เพราะสิ้นหวัง แต่เป็นเพราะเจ็บปวด…
เซี่ยจื้อย่อมมองเห็นความทรมานของเธอเช่นกัน วนเวียนอยู่รอบตัวเธออย่างร้อนรน บางครั้งก็งับอาภรณ์ของเธอบ้าง
กู้ซีจิ่วนึกอยากให้มันกัดตนจนตนสลบไปซะ ทว่าแม้แต่คำพูดเธอก็เอ่ยไม่ออกแล้วด้วยซ้ำ…
เพียงแต่จิตใจแจ่มชัดดียิ่ง รับรู้ถึงความทรมานทั้งเป็นนี้ได้ชัดเจน…
เธอไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ตนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้…
จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้
ตนทำสิ่งใดไว้กันแน่ ถึงต้องเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้?!
นังย่วนย่วนสารพัดพิษ!
ไม่น่าเชื่อว่านางจะลงมือโหดเหี้ยมปานนี้!
ไม่เพียงแต่อยากเอาชีวิตเธอ ยังคิดจะให้เธอได้รับความทรมานทั้งเป็นเช่นนี้ด้วย…
ครั้งนี้ถ้าเธอไม่รอดก็แล้วไปเถอะ แต่ถ้าเธอรอดไปได้ล่ะก็ หนี้แค้นนี้ต้องได้รับการสะสาง!
เธอพยายามทำให้ตัวเองไม่นึกถึงตี้ฝูอี คนผู้นั้นช่างไร้เยื่อใยกับเธอโดยแท้ ไม่สนใจความเป็นความตายของเธออีกแล้ว
….
————————————————————————————-
บทที่ 2332 รักษา
เขาไม่สนใจเธอแล้วจริงๆ ปล่อยเธอไปตามยถากรรม
นับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บก็ผ่านมาเกือบสองชั่วยามแล้ว หากว่าเขาเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเธอจริงๆ จะต้องตามมาหาที่นี่แน่นอน แต่ไม่มีเลย…
เขาไม่โผล่มาเลย…
ดูเหมือนเขาจะตัดใจจากเธอแล้วจริงๆ
ตรงลำคอค่อนข้างตีบตันอยู่บ้าง เธอหลับตาลงเล็กน้อย
นอกป่าไผ่มีเสียงลมหวีดหวิวปานร่ำไห้ คล้ายจะมีเสียงที่แตกต่างออกไปเพิ่มขึ้นมา เหมือนเสียงลมพัดต้องอาภรณ์
เธอใจเต้นแวบหนึ่ง ลืมตาขึ้นมา พยายามมองไปยังทิศทางนั้น เป็นแรคคูน ไม่ใช่มนุษย์…
แววตาเธอสิ้นหวัง ยิ้มขื่นอยู่ในใจ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าไม่มีหวังแล้ว เพียงได้ยินเสียงลมพัดใบหญ้าก็หลงนึกไปว่าเป็นเขา…
เกิดเสียง ‘พรึบ!’ อีกครั้ง เงาแสงส่องวาบ ครั้งนี้มีคนร่อนลงสู่พื้นจริงๆ กู้ซีจิ่วลืมตามองอีกครั้ง มองเห็นใบหน้าที่ดูยั่วยวนอย่างยิ่งของคุณชายไผ่ขจี ดูเหมือนเขาจะบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากร่อนลงพื้นก็ซวนเซนิดหน่อย
เขาเงยหน้าสบตากับกู้ซีจิ่ว นัยน์ตาดอกท้อพลันหรี่ลง
“เห็นข้าแล้วผิดหวังนักหรือ?”
กู้ซีจิ่วย่อมตอบเขาไม่ได้ ได้แต่มองเขา
รอยยิ้มปานสายลมฤดูใบไม้ผลิของคุณชายไผ่ขจีเลือนหายไปอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บ้าง
“เจ้าวางใจเถอะ เขาไม่มาหรอก! ข้าไปเอายามาให้เจ้า เกือบถูกขังไว้ในกลไกของเขาจนกลับมาไม่ได้แล้ว โชคดีที่ข้าก็ชำนาญด้านกลไกเช่นกัน ถอนตัวออกมาได้ทันกาล ไปตามหาแม่เด็กย่วนย่วนคนนั้น บังคับให้นางมอบยาพิษให้…”
เขาล้วงขวดยาเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาแกว่งปานจะขอความชอบ
“เจ้ามีทางรอดแล้ว!”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว อยากเตือนเขายิ่งนักว่าองค์หญิงย่วนย่วนผู้นั้นเจ้าเล่ห์สารพัดพิษ ยาถอนพิษนี้ก็ไม่แน่ว่าจะใช่ยาถอนพิษ อาจเป็นยาพิษก็ได้…
แต่เธอพูดไม่ได้ แม้แต่จะกลอกตาก็ยังค่อนข้างลำบากเลย
ทำได้เพียงเบิกตามองคุณชายไผ่ขจีที่ย่างเข้ามาตรงหน้าตน เทยาลูกกลอนสีแดงสดเม็ดหนึ่งออกมา ยัดใส่ปากเธอ
ลำคอกู้ซีจิ่วแทบจะตีบตันไปหมดแล้ว ไม่สามารถกลืนลงไปเองได้
ทว่าพอยานั้นเข้าปากก็ละลาย ละลายเป็นน้ำไหลลงคอไปเอง ตรงเข้าสู่กระเพาะ
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็สำลักขึ้นมา กระอักโลหิตออกมาสองสาย โลหิตนั้นสีสันราวกับดอกท้อ สดใสยิ่งนัก
คุณชายไผ่ขจีตกใจยิ่งนัก พึมพำกับตัวเอง
“หรือว่านังตัวแสบนั่นจะให้ยาถอนพิษปลอมกับข้า? ไม่ถูกสิ ข้ากลัวนางจะเล่นเล่ห์ ใช้ทวนนิ้วแทงนางไปทีหนึ่งแล้วชัดๆ ให้นางถูกพิษของตนด้วย มองนางหยิบยาออกมากิน จากนั้นถึงแย่งเอามา หรือนางจะยอมเล่นงานแม้กระทั่งตัวเอง?”
กู้ซีจิ่วไอย่างรุนแรง แทบจะทำปอดหลุดออกมาด้วยแล้ว กระอักโลหิตออกมาคำแล้วคำเล่า เพียงโชคดีที่เธอพอจะฝืนเอ่ยวาจาได้แล้ว
“ยาถอน…อาจเป็น…ของจริง…เพียงแต่…สารพัดยาที่เจ้าเอามาใช้กับข้า…ออกฤทธิ์ต้านกัน…”
คุณชายไผ่ขจีทึ่มทื่อไปแล้ว
เขากระแอมคราหนึ่งค่อนข้างรู้สึกผิด
“เช่นนั้นเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ไม่ง่ายเลยกว่ากู้ซีจิ่วจะหยุดไอได้ นอนเวียนหัวตาลายอยู่บนแคร่ไม้ไผ่
“เจ้า…ให้ข้าค่อยๆ…”
คุณชายไผ่ขจีก้าวเข้ามาคล้ายจะเอ่ยวาจา จู่ๆ เหมือนจะสัมผัสอะไรได้ หรี่ตาลงทันที
“แย่แล้ว! มีคนบุกรุกป่าไผ่!”
กู้ซีจิ่วใจสั่นแวบหนึ่ง ยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณชายไผ่ขจีก็สะบัดแขนเสื้อพรึบ ประตูบานหนึ่งโผล่ขึ้นมากลางอากาศ
จากนั้นก็อุ้มเซี่ยจื้อ ลากกู้ซีจิ่วกระโดดเข้าไปในประตู
เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันพร่าเบลอ ร่างคนร่วงลงท่ามกลางทะเลทรายผืนหนึ่ง รอบข้างเต็มไปด้วยฝุ่นทรายสีเหลือง ส่วนประตูที่โผล่ขึ้นมาบานนั้นก็ปิดลงทันที
ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายไผ่ขจีผู้นี้จะลากตัวเธอมาพร้อมกับแคร่ไม้ไผ่เข้ามาด้วย