บทที่ 2361 ตี้ฝูอีมาแล้ว 3
ครั้งนี้ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน เขาพลันยื่นมือมาดึงแขนซ้ายของเธอที่ได้รับบาดเจ็บข้างนั้นไป นำยาทาบนฝ่ามือเธอ
เขาเคลื่อนไหวว่องไวเกินไป ส่วนกู้ซีจิ่วเป็นเพราะประโยคนี้ของเขาทำให้จิตใจคลอนแคลนอยู่บ้าง กว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเธอจะกลับมาเขาก็ทายาเสร็จแล้ว
เนื้อยาเย็นสบาย คลายความแสบร้อนจากแผลลวกบนฝ่ามือเธอ เธอชักมือกลับ จิตใจว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม
หากมิใช่รู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจอยู่กับย่วนย่วน เธอเกือบนึกแล้วว่าเขากำลังจีบเธออยู่…
เขาไม่ใช่คนที่ชอบเกี้ยวพาใครไปเรื่อยเปื่อยหรือเป็นเพราะตนเคยแนบชิดสนิทในกับเขามาก่อน เขาจึงปล่อยวางเธอไม่ลงอยู่บ้าง? เคยชินกับการเกี้ยวพาเธอไปแล้ว?
จิตใจเธอกระสับกระส่ายขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่ใช่คนที่ชอบคาดเดาความคิดจิตใจของผู้อื่นอยู่ตลอด มันเหนื่อยเกินไป!
เนื่องจากจิตใจไม่สงบ ไก่ฟ้าตัวนี้จึงย่างออกมาเกรียมไปหน่อย เนื้อก็ค่อนข้างเหนียว
เธอมองจู๋ตู๋ชิง ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะบอกไว้ว่าชอบกินไก่ย่าง แต่เกรียมไปแล้วก็คงไม่อร่อยแล้ว
ตอนนี้จู๋ตู๋ชิงก็กำลังจ้องไก่ย่างตัวนี้เขม็ง พอเห็นเธอยกไก่ฟ้าขึ้นมาจากกองไฟ เขาก็ยื่นมือออกมาทันที
“อาจารย์ ข้าจะกินปีกไก่!”
เขาเพิ่งจะกล่าวจบ ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านข้างพลันสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย ปีกสองข้างของไก่ฟ้าก็หายไปเลย…
จู๋ตู๋ชิงถลึงตามองตี้ฝูอีอย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง แล้วมองกู้ซีจิ่วอีกครั้ง
“ปีกไก่ก็ให้เขาไปแล้วกัน ข้ากินน่องไก่ก็ได้…”
ด้วยเหตุนี้น่องไก่สองข้างนั้นจึงหายไปด้วย…
ตี้ฝูอีเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป จู๋ตู๋ชิงไม่มีทางแย่งเขาทัน
เขาโมโหยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่คิดจะไปหาเรื่องราชันย์มารจอมวิปริตผู้นี้
“ช่างเถอะ ข้ากินอกไก่ก็ได้”
พอเขาเอ่ยจบ ในมือพลันมีกระดูก…ส่วนอกของไก่เพิ่มขึ้นมา น้ำเสียงตี้ฝูอีสำเริงสำราญ
“ผู้คนล้วนกล่าวว่าเสียสิ่งใดให้เติมเต็มด้วยสิ่งนั้น ใช้กระดูกอกไก่เสริมส่วนซี่โครงของเจ้าแล้วกันนะ…”
จู๋ตู๋ชิงพูดไม่ออกเลย
เขามองออกแล้ว นี่ตี้ฝูอีตั้งใจมาเพื่อต่อสู้กับเขาโดยเฉพาะ!
เขาต้องการสิ่งใดอีกฝ่ายก็จะแย่งสิ่งนั้น…
ดวงตาเขาลุกวาบนิดๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย
“อาจารย์ ข้าอยากได้ตูดไก่…”
มาแย่งสิ! มาแย่งเลย!
เขารอคอยให้ส่วนก้นบนตัวไก่ย่างตัวนั้นหายวับไปในชั่วพริบตาอีกครั้ง…
ผลคือ จวบจนกู้ซีจิ่วฉีกตูดไก่อันนั้นยื่นให้เขาแล้ว ตี้ฝูอีก็ไม่มีทีท่าว่าจะแย่งชิงตัดหน้าไปเลย
แววตาที่ตี้ฝูอีมองเขาดูมีเลศนัยอย่างยิ่ง
“ตูดไก่นี้ไม่เลวเลย เหมาะกับเจ้าดี”
จู๋ตู๋ชิงพ่ายแพ้อีกครั้ง
โอ้สวรรค์ โปรดส่งสายฟ้ามาผ่าเจ้ามารร้ายตนนี้ที!
ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่สังเกตเห็นเลยนะว่าราชันย์มารผู้นี้ชั่วช้าสามานย์ถึงเพียงนี้?!
เขาอยากจะแปลงเป็นต้นไผ่แล้วหวดใบหน้าของอีกฝ่ายให้ลายพร้อยไปเสีย! แต่ว่า…
ช่างเถอะ!
จู๋ตู๋ชิงรู้สึกว่าตนเป็นยอดฝีมือผู้สูงส่ง ไม่ควรถือสาหาความกับปุถุชน
เขาคิดว่าแม้จะเป็นตัวไก่ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ผลคือเขาคิดมากไปแล้ว ตี้ฝูอีแบ่งให้เขาแค่คอไก่อันหนึ่ง ตีนไก่สองข้าง ตูดไก่หนึ่งอัน ยังมีหัวไก่อันหนึ่งด้วย…
เขามองไปที่กู้ซีจิ่วอย่างรันทดขุ่นข้อง ไก่ย่างตัวนี้อาจารย์เป็นคนย่างชัดๆ ตี้ฝูอีอาศัยสิ่งใดถึงมาเป็นผู้ปันส่วน?
กู้ซีจิ่วมองไปที่ตี้ฝูอี ขณะที่คิดจะทวงปีกไก่หรืออันใดสักข้างกลับมาให้จู๋ตู๋ชิง ตี้ฝูอีก็ชิงเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า
“ไก่ย่างตัวนี้ก็นับเป็นของตอบแทนอย่างหนึ่ง”
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง ไม่คิดจะถกเถียงกับเขาแล้ว หยิบกระต่ายตัวนั้นออกมา เอ่ยปลอบศิษย์ของบ้านตน
“กระต่ายนี้ก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน ข้าจะย่างมันให้เจ้า”
จู๋ตู๋ชิงมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร นั่งแทะปีกไก่หอมฉุยอยู่ตรงนั้น ไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย
ดูเหมือนเขาคงจะไม่แย่งชิงแล้ว…
สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ กู้ซีจิ่วเพิ่งจะย่างกระต่ายตัวนั้นเสร็จ ตี้ฝูอีก็แทะปีกไก่ น่องไก่เสร็จแล้ว พลันสะบัดแขนเสื้อ ชิงกระต่ายย่างไปทั้งตัวเลย จากนั้นก็แบ่งหัวกระต่าย หางกระต่ายและตูดกระต่ายให้เขา…
————————————————————————————-
บทที่ 2362 อันสิ่งที่เรียกว่าบุญคุณช่วยชีวิต
จู๋ตู่ชิงมองกู้ซีจิ่วอีกครั้ง กู้ซีจิ่วเม้มปากมองตี้ฝูอี
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ
“กระต่ายตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งตอบแทนบุญคุณ…”
มารดามันเถอะ สรุปแล้วบุญคุณช่วยชีวิตของเจ้าต้องทดแทนมากแค่ไหนถึงจะพอ?!
จู๋ตู๋ชิงรู้สึกว่าราชันย์มารผู้นี้คงมิได้ว่างงานจนเกินไป จึงโผล่มาเพื่อแย่งชิงเนื้อย่างเหล่านี้กระมัง ดังนั้นเขาจึงหุบพัดในมือ เอ่ยถามตี้ฝูอีอย่างตรงไปตรงมายิ่ง
“ครั้งนี้เจ้ามาเพื่ออะไรกันแน่? ต้องการให้พวกเราตอบแทนบุณคุณที่เจ้าคล้ายจะผ่านทางมาช่วยชีวิตเอาไว้อย่างไรกันแน่? เจ้าพูดออกมาทีเดียวเถอะ!”
ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่ว
“เจ้าหิวไหม?”
กู้ซีจิ่วย่อมหิว เธอนั่งย่างมาตั้งนานยังไม่มีเนื้อตกถึงปากเลยสักชิ้น…
เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาแกะดำตัวนั้นออกมาย่างดีไหม แต่ด้วยนิสัยของตี้ฝูอี ถึงย่างแกะทั้งตัวก็คงถูกเขาฉกไปอยู่ดี จากนั้นก็จะแบ่งแค่หัวแกะกับอุ้งเท้าให้…
ส่วนเธอก็ไม่ชอบกินของพวกนั้น
ช่างเถอะ วันหน้าค่อยหาโอกาสทำกินอีกครั้งก็ได้ ขืนรั้งรออยู่กับเขาเช่นนี้ต่อไป จิตใจเธอจะยิ่งฟุ้งซ่านกว่าเดิม
และอาการบาดเจ็บจากพิษของเธอก็ต้องหลีกเลี่ยงการคิดฟุ้งซ่านยิ่งนัก ต้องทำนุหล่อเลี้ยงจิตใจให้สงบ…
ถึงเวลาที่ต้องปล่อยมือแล้ว
เธอจึงส่ายหน้า
“ข้าไม่หิว ตู๋ชิงต่างหากที่หิว ข้าเลยย่างให้เขา”
แล้วลุกขึ้นยืน
“ราชันย์มาร บุญคุณช่วยชีวิตของท่านค่อยหารือกันทีหลัง ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการอีก อยู่เป็นเพื่อนไม่ได้แล้ว”
“ตู๋ชิง?”
ตี้ฝูอีเอ่ยทวนประโยคหนึ่ง
เรียกขานกันอย่างสนิทสนมปานนี้!
เมื่อก่อนตอนที่นางเรียกเขาก็เรียกขานอย่างสนิทสนมเช่นนี้อยู่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนนางเรียกเขาว่าฝ่าบาทเนี่ยนโม่ และมีเพียงช่วงที่นางความจำเสื่อมแล้วตนสวมรอยเป็นคู่หมั้นของนาง นางถึงได้เรียกชื่อเขาอยู่ไม่กี่วัน แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันได้ฟังให้หนำใจ นางก็ตัดขาดกับเขาเสียแล้ว…
พอพบหน้ากันอีกครั้ง นางก็เอาแต่เรียกว่าราชันย์มาร ทำให้เขาฟังแล้วแสลงหูนัก
ตี้ฝูอีมองจู๋ตู๋ชิงอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม
“ที่แท้นามจริงของเจ้าก็คือจู๋ตู๋ชิง เปิ่นจวินก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก”
จู๋ตู๋ชิงปัดแขนเสื้อเล็กน้อย
“นามของข้าไม่เอ่ยกับคนนอกส่งเดช”
เขาก็ไม่อยากอยู่กับราชันย์มารผู้นี้อีกแล้วเช่นกัน เห็นอีกฝ่ายแล้วเขาเจ็บซี่โครงนัก
เมื่อเห็นว่ากู้ซีจิ่วมีความคิดจะจากไป เขาเริ่มเก็บของขึ้นรถทันที
เจ้าลาตัวนั้นอารมณ์เสียยิ่งนัก มันวิ่งรอกมาทั้งวันแล้ว ซ้ำยังออกไปล่าสัตว์มาเที่ยวหนึ่งด้วย เพิ่งได้พักไปไม่เท่าไหร่เลย! มันเพิ่งจะเล็มหญ้าได้ไม่กี่คำเท่านั้นนะ!
ดังนั้นพอจู๋ตู๋ชิงจะเทียมรถลงบนร่างมัน มันจึงถีบเจ้านายตนทีหนึ่ง หลังจากกู่ร้องออกมา ก็หันหลังวิ่งออกไปเลย!
วิ่งจากไปดั่งควันสายหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มารดามันเถอะ มันจะไปเล็มหญ้าอย่างสงบสุขอยู่ที่อื่น ไม่อยู่ที่นี่แล้ว!
จู๋ตู๋ชิงนิ่งไปแล้ว
ไอ้ลาทึ่มตัวนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลย!
ลาหนีไปแล้ว ย่อมเดินทางไม่ได้ชั่วคราว
กู้ซีจิ่วสบตากับจู๋ตู๋ชิงแวบหนึ่ง ล้วนมองเห็นความจนปัญญาในดวงตาของอีกฝ่าย…
จู๋ตู๋ชิงมองตี้ฝูอีอีกครั้ง
ตี้ฝูอียกมุมปากขึ้นแวบหนึ่ง เอ่ยยิ้มๆ
“ถึงมันจะเป็นลาตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ยอมถูกพวกเจ้าโขกสับทารุณเช่นนี้หรอก ให้มันได้พักสักครู่เถิด”
ก็คงทำได้แค่นี้แล้ว
กู้ซีจิ่วนั่งลงบนหินก้อนใหญ่อีกครั้ง นั่งขัดสมาธิเข้าฌาน
เธอต้องแข่งกับเวลาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย หลังจากเข้าสู่บึงพิษแล้ว ยังมีศึกใหญ่คอยท่าอยู่
ร่างกายของจู๋ตู๋ชิงก็อ่อนแอมากเช่นกัน เขาอยากกลับสู่ร่างเดิมเพื่อดูดซับแก่นปราณจากจันทรายิ่งนัก แต่ก็เกรงว่าจะถูกตี้ฝูอีตัดเขาไปทำฟืน…
ดังนั้นจึงทำได้เพียงเดินเตร่ไปในละแวกนี้
ตี้ฝูอีนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าหยิบไก่ฟ้าห้าสีที่งดงามพร่างพราวตัวหนึ่งมาจากไหน ไก่ฟ้าตัวนั้นดูพิกลยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายที่อยู่ภายใต้ขนก็มีห้าสีเช่นกัน ดูแวววาวโปร่งใส
หลังจากเขาเชือดไก่ฟ้าแล้ว ก็หยิบไผ่ที่เหลาจนแหลมไม้หนึ่งมาเสียบมัน แล้วย่างไว้บนกองไฟ