บทที่ 2367 อันสิ่งที่เรียกว่าบุญคุณช่วยชีวิต 6
แสงไข่มุกวับแวมสลัว ส่องสะท้อนร่างคนสองคนบนเตียงที่เกี่ยวกระหวัดซ้อนเกย เป็นความงดงามอันคลุมเครือ
ในจุมพิตของเขาคล้ายจะเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอันลึกล้ำไว้ ร้อนแรงจนแทบจะเผาผลาญเธอแล้ว!
สมองกู้ซีจิ่วลัดวงจรไปชั่วขณะ…
เธอถูกเขาโอบไว้ในอ้อมแขน ร่างกายของทั้งสองแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน แลกเปลี่ยนลมหายใจกัน ราวกับเนิ่นนานมาแล้วเธอกับเขาก็เคยแนบชิดกันแบบนี้มาก่อน…
แนบชิดจนแยกจากกันไม่ได้เช่นนี้!
และราวกับเดิมทีเธอกับเขาก็เป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว ทว่าถูกแรงจากภายนอกฝืนแยกออกจากกัน ต่อมาจึงออกตามหากันและกัน ในที่สุดวันนี้ก็หากันพบแล้ว…
ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดเข้าหากันดุจขั้วบวกขั้วลบ จะอย่างไรก็แยกออกจากกันไม่ได้แล้ว!
ในสมองเธอเกิดเสียงดังตูมตาม โลหิตก็คล้ายจะถูกเผาจนเดือดพล่านขึ้นมา ตอนนี้เธอไม่สามารถไตร่ตรองใคร่ครวญเหมือนปกติได้เลย ทำได้เพียงรองรับความรู้สึกของเขา
ในใจดุจมีคลื่นสมุทรถาโถมขึ้นมา ระลอกคลื่นซัดสาดลูกแล้วลูกเล่า คล้ายโศกคล้ายสุขคล้ายขุ่นเคืองคล้ายเดือดดาลคล้ายคับข้อง…
เตียงที่อยู่ใต้ร่างเริ่มลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงนั้นทำให้คนหน้าร้อนผ่าวใจเต้นแรง…
หนึ่งจุมพิตดุจหมื่นปี…
หนึ่งจุมพิตประโลมความคะนึง…
จวบจนสาบเสื้อของเธอถูกดึงออก จุมพิตร้อนๆ ของเขาเคลื่อนมาที่หน้าอกเธอ…
ด้านนอกพลันเกิดเสียงฟ้าผ่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
สั่นสะเทือนทั้งถ้ำให้โยกไหวถึงสามครา!
และสะเทือนจนกู้ซีจิ่วที่เกือบจะเคลิบเคลิ้มไปแล้วสะดุ้งขึ้นมา!
สติสัมปชัญญะกลับคืนมา เธอถึงได้พบว่าเธอกำลังกำลังจะมุ่งหน้าสู่การเล่นพลิกผ้าห่มกับเขาอย่างบ้าคลั่ง!
ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเขาช่างรุนแรงและซื่อตรงยิ่งนัก! สัมผัสร่างกายเธอผ่านเนื้อผ้าบางๆ ที่ขวางกั้นไว้อย่างฮึกเหิมลำพอง แสดงความปรารถนาของเขาในยามนี้
นี่มันอะไรกัน?!
เขามีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว ยังจะมาโอ้โลมเธออีก นี่คิดจะเหยียบเรือสองแคมหรือไง?!
กู้ซีจิ่วไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ผลักเขาออกไปอย่างรุนแรง!
ครั้งนี้เธอออกแรงไม่น้อยเลย แทบจะใช้พลังไปด้วยแล้ว ตี้ฝูอีไม่ทันระวัง ถูกผลักจนหงายหลังไป ส่วนกู้ซีจิ่วก็ฉวยโอกาสกลิ้งลงจากเตียง…
เธอยืนอยู่บนพื้น มือที่สั่นระริกนิดๆ ผูกสาบเสื้อที่ถูกเขาแกะออกอย่างรวดเร็ว ฝืนสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งเพื่อระงับหัวใจที่เต้นแรงดั่งสายฟ้า
“ตี้ฝูอี เจ้าบ้าไปแล้ว!”
ตี้ฝูอีลุกขึ้นนั่ง ดวงตามองดูนางที่หลีกห่างออกไป พูดจาชัดถ้อยชัดคำ
“ข้าไม่ได้บ้า! ข้ารู้ดีว่าข้าทำอะไรอยู่! ซีจิ่ว พวกเราเริ่มใหม่กัน…”
“ตูมครืนครืน…”
เสียงอสุนิบาตปานจะฟาดลงมาใส่ศีรษะ
สะเทือนผืนดินใต้ฝ่าเท้าให้สั่นไหว เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ กู้ซีจิ่วไม่ได้ยินประโยคหลังของตี้ฝูอีเลย
น่าตายนัก ทัณฑ์อัสนีครานี้เหตุใดจึงต่อเนื่องยาวนานปานนี้?!
กู้ซีจิ่วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ยันต์ถ่ายทอดเสียงตรงหว่างเอวของตี้ฝูอีก็เปล่งแสงกะพริบขึ้นมา
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว หยิบขึ้นมา เสียงรายงานที่ร้อนรนอย่างยิ่งแว่วออกมา
“องค์ราชันย์ พวกเราพบอีกาโลหิตพ่ะย่ะค่ะ! จะต้านไม่อยู่แล้ว! เกรงว่าจะอารักขาองค์หญิงมิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
สีหน้าตี้ฝูอีพลันแปรเปลี่ยน
“ทุ่มชีวิตเพื่อต้านซะ! หากนางบุบสลายไปเปิ่นจวินจะเอาชีวิตพวกเจ้า! เปิ่นจวินจะไปเดี๋ยวนี้!”
แล้วตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง ตี้ฝูอีเงยหน้าขึ้นมา เห็นใบหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วซีดขาว มองเขาอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม
“ซีจิ่ว ข้า…”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรกับข้าแล้ว ไม่มีความจำเป็นเลย!”
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อแล้ว พลันหมุนกายเคลื่อนย้ายออกไปทันที
ตี้ฝูอีนั่งงัน เขามีคำพูดกองใหญ่ที่อยากอธิบายกับนาง ทว่าตอนนี้สถานการณ์ทางด้านนั้นของอวิ๋นชิงหลัวฉุกละหุกอย่างยิ่ง เขาจะต้องไปทันที…
อีกาโลหิต เป็นสัตว์อัปมงคลของแดนอสุราแห่งนี้
กินเลือดเนื้อดวงวิญญาณเป็นอาหาร ออกล่ากันเป็นฝูง คนหรือเซียนที่ถูกพวกมันล้อมไว้น้อยนักที่หนีรอดไปได้…ไม่เพียงแต่จะไม่เหลือซากศพไว้เท่านั้น แม้แต่ดวงวิญญาณก็ไม่หลงเหลือเช่นกัน…
————————————————————————————-
บทที่ 2368 บึงพิษ
กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายกลับมายังจุดเดิม
ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆทึบทะมึน มีฟ้าแลบแปลบปลาบต่อเนื่องกัน สายลมพัดกรรโชก พัดพาหญ้าเขียวขจีบนพื้นให้ไหวลู่ดุจระลอกคลื่น ใบไม้นับไม่ถ้วนปลิดปลิวหมุนคว้างผ่านหน้าเธอไป
กองไฟที่จุดไว้มอดดับไปแล้ว ตรงจุดเดิมเหลือเพียงต้นไผ่ที่มั่นคงดุจขุนเขาต้นนั้น
พิษที่กู้ซีจิ่วโดนทำให้เธอต้องทำให้จิตใจให้สงบ สิ่งต้องห้ามที่สุดคืออารมณ์ที่ผันผวนแปรปรวน แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอแปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศด้านนอกนี้เสียอีก พายุโหมกระหน่ำ เลือดลมตีกลับ ลำคอหวานคาว…
เธอเพิ่งเคลื่อนย้ายออกมาถึงด้านนอก ยังไม่ได้ทันได้ยืนให้มั่น ก็กระอักโลหิตออกมาแล้ว
เธอหน้ามืด เวียนหัวตาลาย มือข้างหนึ่งค้ำต้นไผ่ที่อยู่ด้านข้างเอาไว้ตามสัญชาตญาณ สูดหายใจนิดๆ พยายามข่มอารมณ์ให้สงบ…
เธอค่อนข้างทรงตัวไม่อยู่ จึงนั่งลงใต้ต้นไผ่เสียเลย เอนหลังพิงร่างมัน…
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ เธอสงบสติตัวเองอยู่ถึงครึ่งชั่วยามเต็ม กระอักเลือดไปอีกสามสี่ครั้ง เลือดลมที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างถึงได้ค่อยๆ กลับเป็นปกติ
เธอยกมือนวดหว่างคิ้ว นึกอยากจะฟาดหัวใจของตนสักฉาด!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าจะตัดใจจากเขาแล้ว ต้องการก้าวออกมาอย่างสมบูรณ์ ไม่นึกเลยว่าแค่เขาจูบอย่างร้อนแรงสะท้านสะเทือนครั้งเดียวก็ทำให้เธอยอมจำนนได้แล้ว แทบจะร่วมอภิรมย์กับเขาโดยไม่แยแสอะไร…
ในวินาทีนั้น เธอสลัดความกังวลและ ความอยุติธรรมทุกสิ่งทิ้งไป เพียงคิดจะดื่มด่ำไปกับความอ่อนโยนของเขาในช่วงเวลานั้น อยู่ในความบ้าคลั่งของเขา คิดเพียงจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาอย่างสมบูรณ์ เพียงอยากครอบครองอ้อมกอดของเขา ทำให้เขาไม่สนใจคนอื่นอีก…
กระแสความบ้าคลั่งนั้นทำให้ตัวเธอในตอนนี้นึกแล้วหวาดหวั่นนัก! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีความปรารถนาในตัวคนผู้หนึ่งถึงขนาดนี้ มีช่วงเวลาที่ไม่มีสติขนาดนี้…
และไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ตนต้องผิดหวังถึงเพียงนี้ด้วย
เมื่อก่อนตอนเธอรักกับหวงถูที่โลกเบื้องล่างก็บ้าคลั่งขนาดนี้เหมือนกันหรือ?
ในภาพหลอนที่ปรากฏขึ้นมาเป็นครั้งคราวเหล่านั้น เธอเห็นเพียงว่าเธอกับหวงถูรักใคร่กลมเกลียว เห็นเพียงว่าเขาโอ๋เอาใจเธอ แต่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ไม่ปะติดปะต่อกันส่วนหนึ่งเท่านั้น ทว่าไม่เคยได้รู้เลยว่าสรุปแล้วเธอกับเขารักกันได้อย่างไร แล้วแยกจากกันได้อย่างไร…
เพียงแต่ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ความโศกหมองก็จะกระจายอยู่ในหัวใจเธอทำให้เธอหายใจไม่ออก…
ตอนนั้นข้างกายของหวงถูเคยมีผู้หญิงคนอื่นด้วยไหมนะ? แล้วตนหึงหวงจนกลายเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?
ใช่แล้ว หึงหวง!
เธอรู้ดีว่าตัวเองกำลังหึงอยู่!
หึงหวงอวิ๋นชิงหลัว…หึงหวงเพราะตี้ฝูอีดีต่ออวิ๋นชิงหลัว…
ถ้อยคำเหล่านั้นที่เขาถ่ายทอดผ่านยันต์ไปรวมถึงปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ทำให้เธอเหมือนถูกราดน้ำเย็นใส่หัว หงุดหงิดอย่างยิ่ง นึกอยากจะสับอวิ๋นชิงหลัวเป็นหมื่นๆ ชิ้น!
ไม่ใช่เพราะอวิ๋นชิงหลัวทำร้ายเธอ แต่เป็นเพราะความหึงหวงเท่านั้น…
เพราะหึงหวงเลยอยากสังหารคนๆ หนึ่ง ความคิดหวาดระแวงเช่นนี้เมื่อเธอนึกขึ้นมาในยามนี้ก็หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบท่วมร่างทันที!
ตนกลายเป็นคนหวาดระแวงไร้เหตุผลเช่นนี้ไปตั้งแต่ตอนไหน?!
เมื่อก่อนตอนที่ตามหาตี้ฝูอี มุมานะตามหากว่าหนึ่งปี และไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากหาพบแล้วจะทำอย่างไร กลับนึกไม่ถึงเลยว่าพอหาพบแล้วเธอจะเสียการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิง…
นี่ตนรักเขาอย่างสมบูรณ์แล้วใช่ไหม?
เป็นเพราะรู้สึกว่าเขาคือหวงถูกลับชาติมาเกิดเลยหลงรักใช่ไหม? หรือมีเหตุผลง่ายๆ เพียงเพราะเขาคือฝ่าบาทเนียนโม่คือตี้ฝูอีก็เลยรัก?
ปัญหาพวกนี้วนเวียนอยู่ในสมองเธอดุจกังหันลม ไม่เพียงไม่อาจหาคำตอบได้เท่านั้น แม้แต่ตัวเองก็บอกได้ไม่กระจ่างเหมือนกัน
เธอสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ส่ายหน้า!
ตอนนี้เธอคิดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์! และไม่จำเป็นเลย!
เขาเปลี่ยนใจเป็นอื่นแล้ว เธอคิดเรื่องพวกนี้ต่อไปจะมิใช่หาทุกข์ใส่ตัวหรอกหรือ?
ไม่ว่าตนจะหลงรักเพราะอะไร เธอก็จำเป็นต้องถอนตัวออกมาจากความรู้สึกนี้ให้ได้