บทที่ 2369 บึงพิษ 2
เธอไม่สามารถใช้ผู้ชายร่วมกับผู้หญิงคนอื่นได้…
ถึงแม้ผู้ชายในยุคนี้จะมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ แต่ขอบเขตความคิดของเธอเข้าไม่ถึงขั้นนี้จริงๆ ถึงเธอจะชอบใครสักคนมากแค่ไหนก็ไม่อาจทำตัวเป็นเอ๋อร์หวง หนี่ว์อิง ใช้สามีร่วมกับหญิงอื่นได้
ดังนั้นหลังจากรู้ว่าเขาเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นแล้วเธอจึงตัดสินใจเลือกที่จะถอยออกมา…
สำหรับความรู้สึกที่ตี้ฝูอีหลงเหลือต่อเธอล่ะ? คงมีสาเหตุอื่นอยู่ เธอล้วนไม่อยากเป็นกังวล และไม่อยากไปขบคิดเรื่องนี้แล้ว!
เธอทำเรื่องที่เธอควรทำก็พอแล้ว
สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็สูดหายใจลึกๆ อีก ในที่สุดเธอก็สงบจิตใจได้แล้ว ดึงความรู้สึกของตนออกมาจากความปั่นป่วนดุจกระแสน้ำวนได้แล้ว
เธอสำรวจร่างกายดูครู่หนึ่ง ทึ่มทื่อไปเล็กน้อย!
เธอนึกว่าครั้งนี้กระอักเลือดออกไปมากขนาดนี้ ชีพจรในร่างจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน ไม่นึกเลยว่ายามนี้หลังจากสำรวจดูแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าชีพจรและสุขภาพจะดีกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ร่างกายที่ค่อนข้างหนักอึ้งอยู่ตลอดก็เบาหวิวขึ้นมาก
ไม่จำเป็นต้องถามเลย เป็นผลงานของเนื้อหงส์ครามตัวนั้น
เธอพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เธอกินเพียงน่องข้างหนึ่งของหงส์ตัวนั้น ส่วนที่เหลืออยู่ในมือของตี้ฝูอี ตอนที่เธอช่วยเหลือผู้อื่นนี้ได้หยิบออกให้เขาแล้ว ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่ถ้ำแห่งนั้น…
เธอเคลื่อนย้ายกลับไปทันที ตี้ฝูอีไม่อยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่อยู่แล้ว แม้แต่เนื้อหงส์ครามตัวนั้นก็ไม่อยู่แล้ว แม้กระทั่งเตียงไม้ไผ่หลังนั้นก็หายไปด้วย…
หรือว่าตี้ฝูอีจะเอาเนื้อหงส์ครามที่เหลืออยู่ไปเองแล้ว?
แต่ว่าเตียงไผ่หลังนั้นล่ะ? นั่นเป็นแค่เตียงไผ่ธรรมดาๆ หลังหนึ่ง เขาคงไม่เอาไปด้วยกระมัง?
ตอนนี้เตียงไผ่หายไปแล้ว หรือยังมีคนอื่นเข้ามาที่นี่อีก?
เธอสำรวจดูบริเวณเดิมอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ไม่พบเบาะแสอะไรเลย ในถ้ำมีเพียงกลิ่นอายของเธอกับตี้ฝูอี
ดูเหมือนเขาจะเอาเตียงหลังนั้นไปด้วยจริงๆ…
ฉากอันดุเดือดบนเตียงหลังนั้นในก่อนหน้านี้แวบเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่ว หัวใจเธอดุจถูกเข็มแหลมทิ่มแทง!
สูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง กดฉากนั้นเอาไว้ในส่วนลึกของสมอง! ไม่ปล่อยให้มันก่อกวนหัวใจตนจนปั่นป่วนอีก…
เธอออกมาอีกครั้ง กลับไปที่จุดเดิม
ยังคงไม่เห็นจู๋ตู๋ชิงเช่นเดิม เธอถอนหายใจ มองไผ่มรกตต้นนั้นที่โดนสายกรรโชกพัดก็ยังไม่หักโค่น ดึงใบไผ่มาหมุนเล่นในมือ
ต้นไผ่ของเจ้าคนผู้นั้นก็มีความพิเศษเช่นกัน สายลมกรรโชกก่อนหน้านี้พัดต้นไม้ใหญ่ให้หักโค่นไปไม่น้อยเลย ต้นไม้ใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบก็ยังถูกพัดถอนรากถอนโคนออกมาไม่น้อยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าไผ่ตนนี้จะยังคงยืนต้นตระหง่านอยู่ที่นี่ แม้แต่ใบไผ่ก็ไม่หลุดร่วงเลยสักใบ…
พุ่มไม้ที่อยู่ไกลออกไปสั่นไหวอยู่พักหนึ่ง เจ้าลาตัวนั้นโผล่ออกมาจากด้านใน หนนี้มันกินจนท้องป่องกลม เห็นได้ชัดว่ากินอิ่มแล้ว
เมื่อเห็นกู้ซีจิ่ว มันก็ปรี่เขามาหาเธอแล้วแกว่งหางไปมา จากนั้นก็เหลือบมองไผ่ต้นนั้นแวบหนึ่ง…
กู้ซีจิ่วกำลังเด็ดใบไผ่เล่นอยู่ ดึงออกมาทีละใบๆ…
เธอยังหักกิ่งไผ่ออกมาสามสี่กิ่งด้วย ดัดเล่นอยู่ในมือ…
ถึงอย่างไรเธอก็มีเรื่องราวในใจ จิตใจฟุ้งซ่านอยู่บ้าง จึงไม่สังเกตว่าตอนที่เธอเด็ดใบไผ่ ต้นไผ่นั้นสั่นไหวเล็กน้อย…
โดยเฉพาะยามที่โดนหักกิ่งไผ่ ต้นไผ่นั้นจะสั่นระริกอย่างรุนแรง
พอเห็นเจ้าลามาเธอถึงได้ละความสนใจจากไผ่ต้นนั้น ลูบหน้าเจ้าลาเบาๆ
“นายของเจ้าล่ะ?”
เจ้าลาทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง
มันเดินไปหยุดหน้าต้นไผ่ ใช้เท้าเตะต้นไผ่ต้นนั้น ความหมายคืออยู่นี่ไง
กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจ
“นายของเจ้าไปตามหาเจ้านี่นา เจ้าไม่พบเขาหรือ?”
เจ้าลาปวดประสาทนัก น่าเสียดายที่มันพูดไม่ได้
ด้วยเหตุนี้มันจึงเตะไปที่ไผ่ต้นนั้นอย่างแรงอีกสองที!
ลูกเตะหนึ่งบังเอิญเตะโดนจุดที่จู๋ตู๋ชิงโดนผนึกเอาไว้พอดี ทำให้เขากลับสู่ร่างมนุษย์ได้อีกครั้ง!
————————————————————————————-
บทที่ 2370 บึงพิษ 3
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงได้เห็นฉากที่หายากยิ่งนัก
หลังจากไผ่ต้นหนึ่งที่ยืนต้นตระหง่านมีควันสีเขียวสายหนึ่งผุดออกมา ก็กลายเป็นจู๋ตู๋ชิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอแทน
ผมเผ้าดุจรังนก เส้นผมโด่เด่ ราวกับถูกคนทึ้งจนหัวล้านไปหย่อมหนึ่ง เสื้อผ้าก็ยุ่งเหยิง ถูกดึงจนยับยู่ยี่
เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วได้เห็นคุณชายไผ่ขจีในสภาพที่จนตรอกขนาดนี้ จึงทึ่มทื่อไปชั่วขณะเช่นกัน!
หลังจากจู๋ตู๋ชิงปรากฏตัวขึ้นก็เห็นสภาพอันน่าเวทนาของตนที่สะท้อนอยู่ในแววตาของกู้ซีจิ่ว จึงแข็งทื่อไปทั้งร่าง!
สวรรค์ ภาพลักษณ์ของเขา!
ด้วยเหตุนี้ จู๋ตู๋ชิงยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มุดเข้าไปในป่าทึบเพื่อจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อยทันที
จวบจนจู๋ตู๋ชิงออกมาแล้ว กู้ซีจิ่วก็ยังตะลึงอยู่บ้าง
“เจ้าคือจู๋ตู๋ชิงจริงๆ หรือ? ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะเป็นภูตต้นไผ่!”
เสื้อผ้าของผมเผ้าจู๋ตู๋ชิงกลับสู่สภาพเดิมแล้ว เพียงแต่สีหน้ายังซีดเซียวอยู่บ้าง กระแอมคราหนึ่งแล้วเอ่ยแก้
“ข้าเป็นมารต้นไผ่ มิใช่ภูตต้นไผ่ ภูตต้นไผ่ทั้งหมดล้วนเป็นชนรุ่นหลังของข้า…”
“เช่นนั้นเจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”
“เรื่องนี้ ข้าก็จำได้ไม่แน่ชัด”
ความจริงคือ เขาบำเพ็ญเพียรมานับหมื่นปีแล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากให้กู้ซีจิ่วรู้ว่าตัวเองแก่ปูนนี้แล้ว…
กู้ซีจิ่วมองใบไผ่ที่ถูกตนเด็ดทิ้งเกลื่อนพื้น จากนั้นก็มองจู๋ตู๋ชิง
เช่นนั้น สิ่งที่เธอเด็ดไปเมื่อครู่มิใช่เส้นผมของจู๋ตู๋ชิงหรอกหรือ?!
“ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงกลับคืนร่างเดิมที่นี่ล่ะ?”
กู้ซีจิ่วนึกสงสัย
จู๋ตู๋ชิงหยิ่งทะนงนัก ย่อมไม่คิดจะบอกว่าตนถูกตี้ฝูอีลอบเล่นงาน จึงกะแอมแล้วตอบว่า
“เรื่องนั้น เมื่อคืนเกิดลมพัดกระหน่ำอย่างหาได้ยาก ข้าจึงกลับร่างเดิมเพื่อดูดซับพลังลมน่ะ”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เธอเคยได้ยินเพียงการดูดซับแก่นปราณจันทรา เพิ่งเคยได้ยินเรื่องการดูดซับพลังลมเป็นครั้งแรก หรือว่าพืชพรรณยังมีความสามารถเหมือนกังหันลมอยู่ด้วย?
จู๋ตู๋ชิงก็คงรู้สึกเช่นกันว่าคำตอบนี้ของตนค่อนข้างพิลึกอยู่บ้าง จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ราชันย์มารล่ะ?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง ตอบอย่างไม่อนาทร
“องค์หญิงมีภัย เขาจึงไปช่วยแล้ว”
จู๋ตู๋ชิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดูเหมือนเขาจะรักถนอมองค์หญิงผู้นั้นโดยแท้ ได้ยินว่านางมีภัยก็สละทุกอย่างแล้วแจ้นไปเลย มิเช่นนั้นแล้วด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายของเขา ไม่แน่ว่าอาจเอาบุญคุณช่วยชีวิตในครั้งนี้มาถลกหนังพวกเราก็ได้…ไปเสียได้ก็ดี! ไปได้ก็ดีแล้ว! จะว่าไป ปกติไม่เขาไม่ออกจากอาณาจักรมารง่ายๆ นะ สรุปแล้วครั้งนี้ออกมาเพื่ออะไรกันแน่?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า
“เขาอาจมีกิจการงานอื่นก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นราชันย์มาร บางเรื่องก็ต้องไปจัดการตัวเอง”
หลังจากมรสุมนี้ผ่านพ้นไป ฟ้าก็สางแล้ว
จู๋ตู๋ชิงรับลมกรรโชกมาทั้งคืนแล้ว เกิดเงามืดต่อสถานที่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงกระวีกระวาดให้ออกเดินทางทันที
กู้ซีจิ่วย่อมไม่เห็นต่าง ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงเทียมรถม้าแล้วออกเดินทางอีกครั้ง
ตลอดทางเธอพยายามจะไม่นึกถึงเขา การพบกันครั้งเป็นความบังเอิญเท่านั้น โลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ โอกาสที่ทั้งสองจะได้พบพานกันอีกมีน้อยนิดยิ่งนัก ถ้าเธอคอยหลีกเสี่ยงเขา โอกาสที่จะบังเอิญพบกันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก! จวบจนสามารถเมินเฉยไปได้เลย
….
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า สวรรค์ช่างไม่รู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก ยามที่เธอเสาะหาเขา ตรากตรำตามหาอยู่กว่าหนึ่งปีก็ไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวชุดของเขาเลย ตามหาจนแทบสิ้นหวังแล้ว
ตอนนี้เธอไม่อยากพบเจอเขาอีก กลับไม่นึกเลยว่าจะได้พบเจอเขามากเสียจนชวนให้คนโมโห!
เธอกับเขาแยกจากกันยังไม่เต็มวันด้วยซ้ำ ก็พบกันอีกแล้ว!
….
ณ บึงพิษ
เมฆหมอกที่เพริศแพร้วล่องลอยอยู่เหนือบึง ครั้นนภาสาดแสง ก็เกิดสีสันพร่างพราว ราวกับมีกลีบบุปผานับไม่ถ้วนโปรยปรายเป็นชั้นๆ อยู่ในอากาศ ทำให้คนมองแล้วตื่นตะลึงลุ่มหลง
ทิวทัศน์งดงามยิ่งนัก ทว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่งยวดเช่นกัน!
นอกจากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เฉพาะในท้องถิ่นแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดยินดีจะย่างกรายมาที่นี่